Transcript for:
การจับโกหกและภาษากาย

การโกหกเนี่ยไม่ใช่การจะจับกันได้ง่ายๆ มือสมัครเล่นที่ชอบคิดว่าสามารถจับโกหก ผู้อื่นได้เนี่ยยากมากนะครับคนที่มีคอ สวรรค์ในการจับโกหกอย่างแท้จริงเนี่ยมี ไม่ถึง 1% ของประชากรทั่วไปแม้กระทั่งคน ที่เป็นผู้พิพากษาทนายความแพทย์ตำรวจ fbi หรืออะไรก็แล้วแต่เนี่ยมีโอกาสจับโกหกได้ 50 50 กันทั้งนั้นนะครับทำไมถึงจับโกหก ยากเพราะคนเราฝึกโกหกมาตั้งแต่เด็กๆนั่น เองภาษากายเนี่ยจะช่วยเปิดเผยถึงความคิด ความรู้สึกและเจตนาที่แท้จริงของบุคคลได้ นะครับชมหนังสือในสัปดาห์นี้นะครับครับ เราจะเป็นหนังสือเรื่องร่างกายไม่เคย โกหก Mission To the Moon podcast br to you buy Shutter Stock สร้าง สรรค์อย่างมั่นใจขับเคลื่อนด้วยพลัง AI ตามจินตนาการเปลี่ยนไอเดียเป็นความสำเร็จ ได้วันนี้ที่ Number 24 ผู้ให้บริการ Shutter Stock ในประเทศไทยแต่เพียงผู้ [เพลง] เดียวโลกที่หมุนไปข้างหน้าทุกวันนะครับ แล้วก็เทคโนโลยีที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวด เร็วอยู่ตลอดเวลาเนี่ยเราในฐานะคนทำ ธุรกิจเจ้าของกิจการที่ทำแบรนด์มาหลายปี เนี่ยเราจะต่อสู้แล้วก็อยู่กับการเปลี่ยน แปลงของกระแสโลกนี้ได้อย่างไรนะครับบางที อาจจะถึงเวลาแล้วที่เราต้องคิดถึงเรื่อง ของการรีบนนะครับกับ CR เรนสดแบบ onsite rebranding for entrepreneurs สร้าง โอกาสใหม่ให้แบรนด์เดิมสำหรับคนทำธุรกิจ นะครับรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ 3 แล้วกับเนื้อ หาฉบับอัปเดตล่าสุดถยทอจากประสบการณ์ตรง ของการรีแบรนด์สีจันทของผมที่ทั้งคัดทั้ง เขี้ยวจนได้องค์ความรู้สุดเข้มข้นนะครับ สามารถสมัครและอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม ได้แล้ววันนี้ที่เว็บไซต์ Mission toth Moon doco หรือ LINE OA @m To the Moon แล้วพบกันนะ ครับสวัสดีครับยินดีต้อนรับเข้าสู่ Mission To the Moon podcast นะครับ คุณอยู่กับประวิตราอุตสาหะครับวันนี้เรา จะมากันในตอนสรุปหนังสือประจำสัปดาห์นะ ครับซึ่งก็เป็นหนึ่งในเอ่อจริงๆเป็นตอน ที่ผมชอบนะเพราะว่ามันเป็นการบังคับให้ผม ได้อ่านหนังสือไปด้วยนะครับเอิ่มเพราะ งั้นสัปดาห์ละ 1 เล่มก็กำลังดีนะผมคิดว่า หมายถึงว่าในอัตราการอ่านนะฮะถ้าทำได้ทุก สัปดาห์เก็ปีนึงก็อ่าจได้ 50 เล่มนะถือ ว่าใช้ได้นะครับสับหนังสือในสัปดาห์นี้นะ ครับเราจะเป็นหนังสือเรื่องเอิร่างกายไม่ เคยโกหกจะเห็นว่าผมใส่ เอ่อจะสำหรับท่านที่ฟังพแสไม่ไม่เห็นภาพ นะผมมีโพสต์อีกเยอะมากเลยนะครับเพราะมัน เป็นหนังสือที่สนุกจริงๆนะฮะผู้เขียน เนี่ยคือคุณโจนร่นะครับคุณโจโร่เนี่ยเป็น เจ้าหน้าที่หน่วยสื่อพระราชการลับและที่ ปรึกษาด้านต่อต้านขาวกรองและก่อการร้าย ของ fbi มานานกว่า 25 ปีนะครับแล้วก็เขา เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องของเอ่อการ ประยุกต์ใช้ภาษากายเลยนะฮะซึ่งก็ก็ภาษา กายจริงๆสำคัญมากที่เวลาเไว้สืบสวนนะครับ เรื่องราวต่างๆนะครับแล้วก็ปัจจุบันนี้ ยังเป็นวิทยากรประจำสำนักฝึกอบรงของ fbi ไปด้วยนะครับอ่ะก่อนจะเริ่มกันนะครับใคร ยังไม่ได้สั่ง planner ปี 2024 แลอยาก สนับสนุนิัมของเรานะครับก็สามารถสั่ง planner กันได้นะครับเดี๋ยวเราจะทิ้ง ลิงก์ไว้ให้นะฮะหรือว่าใครเข้าไปที่ LINE แนะฮะ Add Mission To the Moon นะ ครับก็ขอบคุณอย่างยิ่งนะครับเป็นกำลังใจ ให้กับพวกเราแล้วก็เป็น planner มันเป็น Event ใหญ่ของ Mission To the Moon ทุกปีอยู่แล้วนะฮะปีนี้ก็เป็นปีที่ 5 ะ เอ๊ะ 5 มย 4 หรือ 5 นี่แหละนะครับเอาล่ะ ทีนี้เรามาพูดถึงภาษากายหรือว่า body language ก่อนนะครับคืออย่างงี้ครับเรา ต้องเริ่มต้นอย่างงี้ก่อนว่าภาษากายเนี่ย นะครับจากการศึกษานะฮะมันมีเอฟเฟคต่อการ สื่อสารเนี่ยนะครับราวๆซัก 5 60 - 65% แล้วแต่ตำราที่คุณไปไปดูนะครับภาษากาย เนี่ยจะช่วยเปิดเผยถึงความคิดความรู้สึก และเจตนาที่แท้จริงของบุคคลได้นะครับเรา เรียกทั้งหมดเนี้ยว่าเบาะแสเพราะภาษากาย ก็เหมือนกับภาษาที่เราพพูดเนี่ยนะคือมัน โกหกกันได้นะครับเอาง่ายๆเลยนะที่เราคุ้น เคยมากที่สุดเช่น poer Face นะครับ poer Face ก็คือคือคนที่ทำ poer Face ได้ เนี่ยนะฮะคือมันมาจากการเล่นไพ่โปเกอร์ ใช่มยเวลาคุณเล่นไพ่โปเกอร์เนี่ยคุณต้อง ประเมินว่าไพ่ของคุณกับไพ่ของอีกฝ่าย เนี่ยนะครับเป็นยังไงแล้วก็จะมีการเหมือน เกทับกันใช่มั้ยฮะบางทีไพ่คุณไม่ดีแต่คุณ poer Face ว่าไพ่คุณดีเอ่อคุณเกทับอีก ฝ่ายหนึงอาจจะหมอบก็ได้อะไรอย่างเงี้ยนะ ฮะซึ่งในเกมโปเกอร์เนี่ยถ้าใครดูเป็นก็จะ สนุกมากๆเลยนะฮะเพราะฉะนั้นาษากายก็โกหก ได้แต่เนื่องจากว่าเอ่อคนเรามักไม่ค่อย ตระหนักถึงเรื่องนี้นะครับไม่ได้ตระหนัก ถึงเรื่องว่าเรากำลังสื่อสารโดยปราศจากคำ พูดในหนังสือเขใช้คำนี้หรือว่าการใช้ภาษา กายอยู่เนี่ยเพราะฉะนั้นภาษากายมันก็เลย มีโอกาสที่จะน่าเชื่อถือได้มากกว่านะครับ เปรียบเทียบกับคำพูดของเราอย่างเดียวนะ ครับอย่างในกรณีของโปเกอร์เนี่ยคนตั้งใจ มากๆถูกมั้ยที่จะไม่ให้หน้าตัวเองออกนะ ครับีหน้าตัวเองอ่อนแต่จริงๆเนี่ยใน หนังสือิเคก็มีพูดถึงว่าแม้กระทั่งคนที่ เล่นโปเกอร์เนี่ยคุณอาจจะเห็นหน้าเไม่ได้ เนี่ยนะฮะแต่ถ้าคุณดูเท้าของเค้าแล้วก็ บางทีภาษากายมันไปออกที่เท้าก็มีเหมือน กันนะครับทีนี้สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ ภาษากายก็คือว่ามันเป็นภาษาสากลที่ใช้ได้ ทุกหนนทุกแห่งที่มีปฏิสัมพันธ์ของมนุษย์ นะครับแพร่หลายและเชื่อถือได้เมื่อคุณรู้ ว่าภาษากายแต่ละอย่างมีความหมายว่ายังไง เนี่ยเราสามารถนำไปใช้ได้เกือบทุก สถานการณ์และทุกสภาพแวดล้อมนะครับการติด ต่อสื่อสารโดยไม่ใช้ภาษากายเลยเนี่ยนะฮะ เป็นการติดต่อสื่อสารที่เหนื่อยและยากมาก ๆนะครับเอายกตัวอย่างง่ายๆเลยประชุม Zoom ปิดกล้องอนะครับถ้าใครสังเกตดูเนี่ยนะฮะ มันจริงๆมันมีงาวิจัยเรื่องนี้นะถ้าเกิด ใครไปเสิร์ชคำว่า Zoom fig นะฮะในในในใน Google นะเอ่อมันจะมีงานวิจัยเรื่องนี้ เลยว่าเวลาคุณปิดกล้องอ่ะนะครับทำให้เรา ต้องใช้พลังงานเยอะมากเวลาจะคุยกับอีก ฝั่งหนึ่งนะครับแล้วก็ความเข้าใจในเรื่อง ที่คุยเนี่ยมันก็น้อยลงไปด้วยนะครับทีนี้ พูดถึงว่าหนังสือใชว่ากฎ 10 ประการในการ สังเกตและถอดรหัสภาษากายนะครับมีอะไรบ้าง อันที่ 1 เนี่ยนะฮะต้องเป็นนักสังเกตตัว ยงเราต้องเป็นนักสังเกตเราต้องฝึกสังเกต นะครับเเปรียบเทียบเหมือนกับว่าถ้าเกิด ว่าเราอยากจะฟังใครพูดแต่เราที่อุดหูอุด หูไว้เนี่ยนะเราก็ไม่มีทางได้ยินสิ่งที่ เขาจะพูดเหมือนกันฮะคือคือถ้าเราอยากจะ สื่อสารกับอีกฝั่งนึงโดยพยายามเข้าใจภาษา กายของเขาแต่เราไม่สังเกตเราไม่ดูเลย เนี่ยมันก็เหมือนกับอุดหูไว้นั่นแหละนะ ครับเอิ่มคนเราเป็นคนที่ไม่ค่อยช่าง สังเกตเท่าไหร่นะครับใครจำคลิปวีดีโอ YouTube อันนึงที่เให้ให้คนเนี่ยโยนลูก บอลนักศึกษาโยนลูกบอลหากันนะฮะแล้วให้นับ ให้คนที่ถูกทดลองเนี่ยนับว่าเโยนหากันกี่ ทีหรืออะไรประเภทเนี่ยในระหว่างที่โยน อยู่เนี่ยมีคนใส่ชุดกอริลล่าเดินเข้ามานะ ฮะคนประมาณครึ่งนึงอ่ะไม่สังเกตเห็นใน กอริลล่านี้เลยทั้งที่มันแบบชัดมากๆนะ ครับนี่คือลักษณะของว่าทำไมคนเราเนี่ยไม่ ค่อยสังเกตอะไรเท่าไหร่นะครับคนที่ไม่ ช่างสังเกตเนี่ยนะครับจะขาดสิ่งที่นักบิน เรียกว่าการระแวดระวังต่อสถานการณ์ผมเข้า ใจว่าคำนี้ภาษาอังกฤษคือ situational awareness นะฮะคือคนเป็นนักบินน่ะมันต้องดูอยู่ตลอด ว่ามันมันมีอะไรเกิดขึ้นอยู่รอบๆบ้างเช่น เดียวกันกับกับเราเช่นกันนะครับคนที่ไม่ ช่างสังเกตมักจะเจอเหตุการณ์ที่ตัวเองคาด ไม่ถึงเยอะกว่าคนที่ช่างสังเกตผมพูดแบบ นี้แปลว่าอะไรนะครับในหนังสือเนี่ยเขาก็ จะบอกว่าเนี่ยคุณเคยได้ยินเรื่องทำนองนี้ มยอาจารย์ที่ปรึกษาบอกว่าลูกชายติดโคเคน มา 3 ปีแล้วฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขา มีปัญหาเรื่องยาเสพติดนี่คือคนไม่ช่าง สังเกตผมกำลังมีปากเสียงกับผู้ชายคนนี้ แล้วจิ๋วๆคยก็ต่อยผมผมยังไม่ทันเห็นเขากำ หมัดด้วยซ้ำอันนี้ก็อาการของคนไม่ช่าง สังเกตเช่นกันนะครับฉันคิดว่าเจ้านายค่อน ข้างพอใจกับผลงานของฉันเลยไม่รู้ตัวว่า อยู่ๆก็ถูกไล่ออกเฉยเลยอะไรอย่างนี้เป็น ต้นเนะครับถ้าเราช่างสังเกตเนี่ยเราก็จะ เห็นของพวกนี้ได้ก่อนมากขึ้นนะครับแล้วก็ ข้อดีของมันก็คือว่ามันเป็นทักษะมันฝึก ได้ถ้าวันนี้คุณยังรู้สึกว่าคุณไม่ได้ เป็นคนช่างสังเกตคุณสามารถฝึกด้วยเรื่อง นี้ได้อันนี้คือข้อที่ 1 นะครับข้อที่ 2 ครับบริบทถือว่าเป็นกุญแจสำคัญในการทำ ความเข้าใจภาษากายนะครับยกตัวอย่างเช่น ถ้าเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนนะครับเราคาด หวังเลยที่จะเห็นผู้ประสบเหตุเนี่ยเออยู่ ในอาการช็อกและเดินไปเดินมาด้วยความงุนงง นะครับอาจจะตัดสินใจอะไรแยะแๆเช่นอาจจะ เดินไปโดยถูกรถอีกคันนึงมาชนเดินเข้าไปหา รถที่วิ่งมาอะไรแบบนี้นะครับนี่คือสาเหตุ ว่าทำไมเวลาเกิดอุบัติเหตุเจ้าหน้าที่ ตำรวจถึงบอกเสมอว่าอยู่ในรถนะครับอย่าออก มาเหตุผลเพราะหลังจากประสบอุบัติเหตุ เนี่ยมนุษย์เราเนี่ยจะได้รับการกระทบ กระเทือนในสมองส่วนเรียกว่าระบบ LBX หรือ ว่า LBX System เราจะสูญเสียความสามารถ ในการคิดผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นมาก็คืออาการ สั่นงวนงงประมากระวนกระวายนะครับอันนี้ คือ context ต้องดูด้วยอันที่ 3 ครับ เรียนรู้ที่จะแยกแย้และถอดรหัสภาษากายที่ เป็นสากลภาษากายบางอย่างเป็นภาษากายระดับ สากลเลยเช่นถ้าเมมปากการเม้มปากนะครับ ครับบอกว่าคนที่แมมปากกำลังเจอปัญหาและมี บางอย่างผิดปกติอันนี้คือภาษากายสากลนะ ครับข้อที่ 4 คือรู้จักแยกแยะภาษากาย เฉพาะบุคคลอันนี้ไม่สากลละมันจะเป็นเฉพาะ บางคนนะครับเช่นบางคนประมาทแล้วจะกัดเล็บ ถ้าเป็นคนที่อยู่ใกล้ตัวเราจะรู้ทันทีว่า ถ้าเขาคกัดเล็บแปลว่าเคกำลังประมาทอยู่ แต่ไม่ใช่ทุกคนที่ประมาทเรากัดเล็บถูก มั้ยฮะมันเป็นแค่บางคนเท่านั้นข้อที่ 5 เมื่อคุยกับคนอื่นเนี่ยจงมองหาพฤติกรรม พื้นฐานหรือว่าเบสไลน์ของเขา นะครับว่าปกติแล้วเนี่ยเขาเป็นคนที่มีท่า พื้นฐานโดยที่ยังไม่มีอะไรเนี่ยยังไงท่า ปกติเป็นยังไงอันนี้เป็นที่มาว่าทำไมบาง คนเรารู้สึกว่าทำไมคนนี้หน่าเหวี่ยงจัง คือจริงๆเไม่ได้เป็นอะไรเเป็นหน้าของเขา อย่างงั้นอยู่แล้วนะครับเพราะฉะนั้นเนี่ย ถ้าเราเข้าใจอย่างเงี้ยเราก็จะไม่มีปัญหา กับเรื่องนี้นะครับกฎข้อที่ 6 ก็ฮะคือบอก ว่าพยายามหาเบาะแสนหลายๆอย่างนะครับอยู่ สม่ำเสมอนะครับและพุ่มเป้าไปยังพฤติกรรม ที่เป็นกลุ่มก้อนนะครับลักษณะของอันเนี้ย มันเป็นการตอบจิ๊กซอนะครับอธิบายอย่างนี้ ดีกว่านะครับในนี้เนี่ยเขามีตัวอย่างที่ น่าสนใจอยู่นันนะฮะเขาบอกว่าการอธิบายกัน เป็นกลุ่มก้อนเนี่ยนะครับผมผมเอาข้อกฎข้อ ที่ 5 กดข้อที่ 6 มาดูรวมกันเลยเนี่ยนะฮะ อธิบาเป็นกลุ่มก้อนก็คือว่าลองนึกภาพว่า ถ้าเกิดว่าคุณเป็นพ่อแม่ของคุณมีลูกสักคน นึงลูกชายนะครับแล้วก็เราก็กำลังเจอกันใน วันรวมญาตินะฮะลูกชายเนี่ยปกติแล้วเนี่ย เขาจะวิ่งไปกอดญาติอย่างเต็มใจเลยเพราะ ว่าลูกชายยังเด็กอยู่แต่ว่าครั้งนี้เนี่ย เมื่อถึงคราต้องก่อนลุงแฮร์รี่นะเป็นชื่อ สมมุติเนี่ยนะครับเกลับยืนนิ่งแล้วทำตัว แขงชื่อนะครับคุณก็ถามว่าลูกเป็นอะไรนะ ครับลูกก็ไม่พูดอะไรแล้วก็แล้วก็ดูลังเล ที่จะตอบสนองต่อคำเรียกร้องของคุณนะครับ คุณควรทำยังไงสิ่งที่ต้องทำคือลูกมี พฤติกรรมแบบเนี้ยเราเรียกว่าเป็นพฤติกรรม ที่แปลกไปจากพฤติกรรมพื้นฐานของเขาคเพราะ ปกติเขาจะเข้าไปกอดทุกคนนะครับปฏิกิริยา แขงชื่อเนี่ยแปลว่าเคกำลังกลัวหรือมีอะไร บางอย่างที่ไม่ดีดีนะครับพ่อแม่ที่ช่าง สังเกตเนี่ยควรจะใส่ใจกับสัญญาณเตือนดัง กล่าวนะครับแล้วก็ลองไปหาสาเหตุมันอาจจะ มีการไม่ลงรอยกันระหว่างการพบกันครั้งล่า สุดหรืออาจจะมีอะไรที่เลวร้ายกว่านั้นนะ ครับยกตัวอย่างในบางกรณีไม่ใช่เคสที่พูด ในหนังสือนะครับการสังเกตพฤติกรรมของลูก ตัวเองเนี่ยทำให้เรารู้ว่าบางทีเนี่ยลูก เรากำลังถูก abuse โดยใครที่อยู่ใกล้ๆตัว เราหรือเปล่าเป็นต้นกฎข้อที่ 7 ครับสิ่ง สำคัญคือการมองหาพฤติกรรมที่อาจส่งสัญญาณ ถึงการเปลี่ยนแปลงความคิดอารมณ์และความสน ใจนะครับของคนๆนั้นได้ซึ่งเดี๋ยวเราจะ เล่าต่อไปในบทต่อๆไปเี่นะครับผมยตัวอย่าง ว่าสมมุติว่าเราได้รับโทรศัพท์ที่แจ้ง ข่าวร้ายเนี่ยพฤติกรรมเราจะแสดงออกทันที โดยที่เราไม่สามารถที่จะเก็บอาการไว้ได้ เลยอันนี้เป็นลักษณะของของการสังเกตนะ ครับกฎข้อที่ 8 ก็คือว่าเรียนรู้ที่จะ ตรวจสอบสัญญาณของร่างกายที่ส่งออกมาซึ่ง อาจจะทำให้เข้าใจผิดได้อันนี้ต้องฝึกฝนนะ ครับเดี๋ยวเราจะเล่าให้ฟังในดีเทลข้อที่ 9 นะครับรู้จักแยกแยะระหว่างความสบายใจกับ ความอึดอัดใจนะครับจะช่วยให้คุณพุ่งเป้า ไปยังพฤติกรรมที่สำคัญในการถอดรหัสภาษา กายได้นะ ครับความสบายใจความอึดอัดใจนะครับเอ่อ อะไรอย่างนี้เนี่ยนะฮะมันจะเป็นสิ่งที่ สามารถเป็นเบาะแสที่ส่อเจตนาได้นะครับยก ตัวอย่างนะครับในเคสของที่คุณโจเยกมาใน นี้เนี่ยนะฮะเขาก็พูดถึงว่าตอนเด็กๆเนี่ย พ่อเ้าเนี่ยเป็นร้านขายเอ่อเปิดร้านขาย อุปกรณ์ใน Miami เขาก็เป็นลูกจ้างนะฮะเขา ก็ทำงานในช่วงฤดูร้อนนะครับอยู่มาวันนึง เขาก็สังเกตเห็นผู้ชายคนนึงกำลังยืนใกล้ เคาน์เตอร์เก็บเงินนะฮะแต่ไม่ได้ทำอะไร อ่ะคือไม่ได้ยืนทำอะไรไม่ได้อยู่ในแถวไม่ ได้จะซื้ออะไรนะครับแล้วก็ดวงตาเนี่ยจ้อง ไปที่เครื่องเก็บเงินนะครับทีนี้สิ่งที่ มันน่าสนใจก็คือว่าพฤติกรรมที่เปลี่ยนไป ของเขาเนี่ยคือรูจมูกที่ขยายออกหรือว่า ปีกจมูกที่บานออกซึ่งเป็นลักษณะของการสูด ออกซิเจนเข้าไปก่อนจะลงมือทำอะไรบางอย่าง นะครับเคคาดดาวทันทีเลยว่าเอ้ยมันต้องมี อะไรเกิดขึ้นแน่ๆนะครับซึ่งมันก็เป็น เพียง 1 วินาทีเท่านั้นก่อนที่เหตุการณ์ กำลังจะเกิดขึ้นสิ่งที่เขาทำได้ก็เพียง แค่ตะโกนว่าระวังนะครับสิ่งที่เกิดขึ้น หลังจากนั้นฮะก็คือ 1 นะครับพ่อของเขา เนี่ยกำลังกดเครื่องไอ้เปิดเครื่องเก็บ เงินพอดี 2 ชายคนนั้นเอื้อมมือมาแล้วก็ โกยเงินบางส่วนไปนะครับแต่ว่าพ่อเขาได้ สติเพราะเสียงตะโกนก็เลยบิดมือของชายคน นั้นจนเงินหลุดมือนะครับแล้วก็ไอ้โจรก็ หนีไปนะฮะอันนี้ก็เป็นตัวอย่างนะว่า พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปเนี่ยมันเกิดขึ้นเรา สามารถสังเกตเรื่องพวกนี้ได้นะครับข้อที่ 10 คือเวลาที่สังเกตทำให้แนบเนียนไม่ งั้นเดี๋ยวคนจะตกใจนะฮเวลาคุณไปสังเกต เพราะฉะนั้นก็ต้องทำให้แนบเนียนดูคือพะด ง่ายๆคือว่ามีชั้นเชิงนิดนึงนะครับใน หนังสือเพูดถึงสมองของเราด้วยเนี่ยนะครับ ย้อนหลังกลับไปในปี 1952 เนี่ยนัก วิทยาศาสตร์ชื่อ Paul แคลนเนี่ยแบ่งสมอง มนุษย์ออกเป็น 3 ส่วนด้วยกันนะครับส่วน แรกเราเรียกว่า ste Brain เป็นสมองของ สัตว์ชั้นต่ำหรือว่าก้านสมองนะฮะส่วนที่ 2 เรียกว่า limbic Brain หรือว่าสมองของ สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและส่วนที่ 3 เรียก ว่า neocortex Brain หรือว่าสมองมนุษย์ นะครับหนังสือเล่มนี้เขาจะโฟกัสที่ limbic Brain นะครับสมองของสัตว์เลี้ยงลูกด้วย นมนะครับสมอง limbic Brain เนี่ยนะครับ มันน่าสนใจเพราะว่ามันจะตอบสนองต่อสิ่ง ที่เกิดขึ้นรอบๆตัวเราแบบฉับพลันนะครับ โดยปราศจากการคิดไตร่ตรองถ้าเปรียบเทียบ กับหนังสือของอาจารย์ Daniel Cam Thinking fast and slow เราอาจจะ เรียกได้ว่า System 1 ก็ได้นะผมคิดว่า อย่างนั้นนะฮะเหตุนี้เนี่ยนะครับจึงถือ ได้ว่าสมองส่วนลิมบิกเนี่ยตอบสนองต่อ สถานภาพที่แท้จริงของสิ่งแวดล้อมนั้นนะ ครับเพราะไอ้สมองเนี้ยมันมีหน้าที่รับผิด ชอบต่อการอยู่รอดของมนุษย์เราโดยเฉพาะนะ ครับมันไม่หยุดพักมันทำงานตลอดเวลานะครับ สมองส่วนลิมบิกยังเป็นศูนย์กลางอารมณ์ ความรู้สึกซึ่งเชื่อมไปยังสมองส่วนอื่นๆ นะครับเพื่อควบคุมพฤติกรรมให้สอดคล้องกับ อารมณ์ความรู้สึกและความต้องการในการอยู่ รอดของเรานะฮะสมองส่วนนี้เกิดขึ้นโดยไม่ ได้ผ่านกระบวนการคิดเลยนะครับนะฮะจึงซื่อ ตรงกว่าคำพูดนักดังนั้นในแง่มุมของภาษา กายสมองสูตรลิมบิกเนี่ยจึงเรียกได้ว่า เป็นสมองที่ซื่อสัตย์นะครับอันนี้เป็น ประเด็นหลักของเรื่องนี้นะครับทีนี้จริงๆ เขาบอกว่าเวลาเราชอบได้ยินคำว่า Fight of Flight respond ใช่มยสู้หรือจะหนีจริงๆ เคบอกว่ามันมีอีกอันนึงด้วยก็คือนิ่งฮะ fre จริงๆมันต้องมี 3 อย่างคือ Freeze Flight flight ไทเพราะเบอกว่าถ้าเกิด ว่าเรามีแต่สู้กับหนีอย่างเดียวเนี่ยเรา คงจะฟกแชมปดำเขียวแลเหนื่อยล้ามากๆนะฮะ เออจริงด้วยตลกดีนะก็เป็นอย่างงั้นจริงๆ แหละก็คือมันก็มีอาการนิ่งด้วยนะครับ อาการนิ่งก็ถือเป็นหนึ่งในลักษณะของภาษา กายนะครับทีนี้ผมจะมาเล่าอาการบางอย่าง ที่เป็นลักษณะที่เราเจอกันบ่อยแล้วมัน สามารถอ่านได้ง่ายๆเลยเนี่ยนะครับอาการ เต่าหดตัวหรือว่าถ่ายกไหลเข้าหาหูห่อตัว แบบนี้นะครับเราจะทำเมื่อผู้คนรู้สึกต่ำต ต้อยหรือสูญเสียความมั่นใจอย่างกระทันหัน นะครับถ้าเรามีความคิดเห็นแตกต่างจากผู้ อื่นเรามักจะเอนตัวออกจากคู่สนทนาโดยไม่ รู้ตัวนะครับหรือการปิดตาเป็นการแสดงออก ที่ชัดเจนถึงความรู้สึกตกตะลึงไม่เชื่อ หรือไม่เห็นด้วยสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับ สมองเดี๋ยวเราจะพูดถึงอาการท่าทางต่อแต่ สิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับสมองเนี่ยคือสมอง ไม่เคยลืมสมองส่วนลิมบิกเป็นเหมือน คอมพิวเตอร์ที่รับและเก็บข้อมูลจากโลกภาย นอกนะครับโดยจะรวบรวมและบันทึกเหตุการณ์ หรือประสบการณ์ในแง่รบเป็นสำคัญเพราะอะไร เพราะประสบการณ์ในแง่รบทำให้เราตายได้นะ ครับเราอยากอยู่รอดใช่มั้ยเพราะฉะนั้นเรา ก็เลยเก็บนะฮะแต่ก็ยังเก็บประสบการณ์ที่ น่าพอใจด้วยนะอ่าเก็บไว้ทั้ง 2 อันแต่ว่า ประสบการณ์ในแง่ลบเนี่ยเป็นอันที่เค้า เรียกว่า profil หรือมันชัดเจนมากกว่านะ ครับเช่นคุณถูกสุนัขกัดนิ้วถูกน้ำร้อนลวก มีดบาตรหรือคำพูดที่เจ็บแชมปน้ำใจนะครับ สมองลิมบิกเยเปิดโอกาสให้เราออกเดนเดิน ทางไปท่องโลกที่เต็มไปด้วยอันตรายและไร้ ความปราณีนะครับทำไมเพราะอย่างเช่นเมื่อโ ลิมบิกบันทึกว่าสัตว์ชนิดหนึงเป็นอันตราย ความรู้สึกดังกล่าวจะถูกฝังลงไปในความทรง จำที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ความรู้สึกเพื่อ ที่ว่าในครั้งต่อไปที่เราเห็นสัตว์ชนิด นี้เราจะมีปฏิกิริยาตอบสนองในทันทีใน ทำนองเดียวกันหากเราเจอเพื่อนวัยเรียนที่ เป็นคนที่บูลี่เรานะครับในอดีตในอีก 20 ปีต่อมาความรู้สึกในแง่ลบนั้นแม้นานมา แล้วมันจะฟื้นขึ้นมาอีกครั้งหนึนะครับ ซึ่งจะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจากสมอง สวนลิม เหตุผลที่เราลืมเรื่องที่คนอื่นทำให้เรา เจ็บช้ำน้ำใจได้ยากก็เนื่องจากว่า ประสบการณ์นั้นถูกบันทึกอยู่ในสมองส่วน ลิมบิกนะครับซึ่งไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ใช้ เหตุผลแต่เพื่อให้สร้างปฏิกิริยาตอบสนอง นะฮะหมายความว่าถ้าเกิดเราใช้เหตุผลในการ คิดเราจะคิดว่าโอ้ยเรื่องมาตั้ง 20 ปี แล้วจบๆได้แล้วแต่มันไม่ใช่อย่างนั้นนะ ครับเมื่อไม่นานันนี้เนี่ยคุณโจก็บอกว่า ได้เจอกับคนๆนึงที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันสัก เท่าไหร่นะฮะไม่ได้เจอกันมานานมากหลายปี แล้วเนี่ยแต่ปฏิกิริยาของสมอง่วนลิมบิกก็ ยังเป็นลบเหมือนเดิมนะครับสมองส่วนนี้ เนี่ยคอยย้ำเตือนว่าคนนี้ชอบเอาเปรียบคน อื่นดังนั้นมันจึงเตือนให้ผมอยู่ห่างๆเขา นี่พูดถึงคุณผู้เขียนนะครับในทางกลับกัน นะฮะสมองสวนวิกยังบันทึกและเก็บข้อมูลของ เหตุการณ์หรือประสบการณ์ในแง่บวกไว้ด้วย นะครับเช่นความพึงพอใจที่ได้รับจากคำชม ความสัมพันธ์ที่ดีนะครับใบหน้าที่คุ้นเคย และเป็นมิตรจะกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาตอบ สนองในทันทีโดยทำให้เกิดความพอใจและความ สุขนะครับอันเนี้ยก็คือเวลาเราสมมุตินะ เราได้กลิ่นบางอย่างซึ่งมันมันให้บันทึก เรื่องราวที่มีความทรงจำที่ดีในอดีตหรือ หรือได้ยินเพลงบางอย่างนะฮะมันจะเป็นส่วน บันทึกของเขตแดนแห่งความสบายใจนะครับ อย่างผมเนี่ยมีอัลบั้มอยู่อัลบั้มนึงนะ ครับซึ่งมาจากหนังภาพยนตร์เรื่อง Reality bites นะฮะซึ่งไอ้อัลบั้มเนี้ยเวลาผมได้ ยินเพลงอ่ะนะครับมันจะทำให้ผมรู้สึกแบบ ย้อนเวลากลับไปถึงตอนช่วงเป็นเป็นเป็น เป็นเด็กอ่ะเป็นวัยรุ่นเลยน่ะฮะแล้วก็เออ แล้วทุกครั้งที่ได้ยินเพลงเยก็จะรู้สึก สบายใจขึ้นทันทีนะครับนั่นแหละนะก็ก็เรา ก็จะสามารถบอกได้ว่าโอเคมันมีลักษณะที่ สมองเรามันไม่ลืมจริงๆนะอันนี้เราก็ผม เชื่อว่าหลายท่านมีประสบการณ์นี้นะครับ เขาบอกว่ากลิ่นกับเพลงเนี่ยเป็นของที่ทำ ให้เราย้อนอดีตได้รวดเร็วมากนะครับคือ จริงๆหนังสือเล่มนี้ดีมากนะผมจะบอกอย่าง งี้ว่าคุณไปดูดีเทลในโรงรายละเอียดได้แต่ ว่าเราจะไม่สามารถที่จะเล่าทุกเรื่องได้ เพราะมันเยอะมากนะครับทีนี้มารู้ถึง เรื่องของความลับของขาและเท้านะฮะขากับ เท้าเนี่ยเป็นส่วนของร่างกายที่มีความ ซื่อสัตย์ที่สุดนะครับอวัยวะ 2 ส่วนเนี้ย ครองอันดับ 1 ในเรื่องความซื่อสัตย์อย่าง ไร้ข้อกังขานะครับคือต้องบอกอย่างงี้ก่อน ว่าเป็นเวลาหลายล้านปีมาแล้วที่ทาวและขา เนี่ยได้กลายเป็นอวัยวะสำคัญที่พาให้เรา เคลื่อนที่ไปไหนต่อไหนนะครับรวมถึงเป็น อวัยวะที่ทำให้เราต่อสู้หนีเอาชีวิตรอด นับตั้งแต่ยุคสมัยที่บรรพบุรุษของเรา เริ่มเดินตัวตรงข้ามทุ่งยาที่แอฟริกานะ ครับเท้าทั้ง 2 ข้างได้พาเดินพาเราเดินไป ทุกที่เลยนะฮะเท้าของเราเนี่ยสามารถสื่อ สารความคิดและความรู้สึกที่แท้จริงได้อีก ทั้งยังซื่อสัตย์ได้ทำไมน่ะเหรอเมื่อหลาย ล้านปีก่อนนะครับก่อนที่มนุษย์จะพูดได้ เท้าและขาทำหน้าที่ตอบสนองต่อพยานอันตราย ที่อยู่รอบตัวเรานะครับอย่างฉับพลันโดย ที่เราไม่ต้องเสียเวลาไตร่ตรองเลยแม้แต่ น้อยสมองูนลิมบิกของเราจะทำให้แน่ใจว่า เท้าและขาของเรามีปฏิกิริยาตอบสนองในยาม จำเป็นด้วยการหยุดเคลื่อนไหววิ่งหนีหรือ เตะสิ่งที่จะเข้ามาทำอันตรายกฎการอาตัว รอดนี้ทำให้เราได้รับการสืบต่อมาจาก บรรพบุรุษและยังคงรับใช้เราเป็นอย่างดีจน ถึงปัจจุบันอันที่จริงแล้วเนี่ยปฏิกิริยา ตอบสนองตั้งแต่สมัยดึกำบนี้ยังฝังลึกอยู่ ในตัวเรานะครับดังนั้นเมื่อเราต้องเจอกับ สิ่งที่เป็นอันตรายหรือแม้แต่กระทั่งสิ่ง ที่เราไม่สบอารมณ์เท้าและขาของเราจะตอบ สนองในลักษณะเดียวกันกับที่เคยทำในยุค ช่วงก่อนประวัติศาสตร์นะ ครับอ่ะอันนี้คือทำไมนะฮะทีนี้เคก็บอกว่า เมื่อเมื่อเริ่มอ่านภาษากายเนี่ยคนส่วน ใหญ่มักจะสังเกตท่อนบนของร่างกายเช่นใบ หน้าหรือลำตัวนะครับแต่ในความเป็นจริง แล้วเนี่ยใบหน้าสามารถหลอกลวงได้ง่ายกว่า ตัวของคุณโจเเขาบอกว่าจากการสอบสวนให้ fbi เป็นพันๆครั้งเนี่ยเค้าเรียนรู้ที่จะสนใจ กับเท้าและขาของผู้ต้องสงสัยเป็นอันดับ แรกและใบหน้าเนี่ยค่อยๆไล่ขึ้นมาเป็น อันดับสุดท้ายเลยทีเดียวนะครับทีนี้เวลา เราถอดรหัสเท้าและขาเนี่ยเป็นยังไงนะครับ อันดับแรกเพูดถึงเท้าแสนสุกเท้าแสนสุขก็ คือว่าเท้าและขาที่แกว่งและกระเด้งไป อย่างมีความสุขเมื่อคนเราเนี่ยแสดงอาการ และเท้าแบบเนี้ยแกว่งขาแล้วก็เด้งไปอย่าง มีความสุขเนี่ยนะครับมันมักจะเกิดขึ้น หลังจากได้ยินหรือเห็นบางอย่างที่สำคัญ นั่นแปลว่าการทำแบบนี้เนี่ยส่งผลกระทบใน แง่บวกต่อความรู้สึกของเราเท้าแสนสุขเป็น เบาะแสที่กำลังบอกถึงความมั่นใจเป็น สัญญาณว่าคนๆนั้นกำลังได้ในสิ่งที่ ต้องการหรืออยู่ในสถานะที่เป็นต่อและ กำลังจะได้รับสิ่งของที่มีค่าจากคนอื่นนะ ครับหรือมันอาจจะเป็นอาการดีใจที่เราได้ เจอกับคู่รักก็ได้นะครับแต่คุณไม่จำเป็น จะต้องก้มลงไปดูใต้โต๊ะเพื่อที่จะเห็น เท้าแสนสุขก็ได้นะครับจริงๆบางทีเราดูแค่ เสื้อหรือไหล่เนี่ยเราก็พอจะรู้แล้วว่าเค กำลังแสดงอาการนี้อยู่นะฮะสัญญาณจากเท้า ต้องระวังนิดนึงว่ามันเป็นเบาะแสที่แท้ จริงหรือเปล่าเพราะว่าบางคนเนี่ยมีอาการ เท้าขาชอบสั่นขาเป็นธรรมชาติอันนี้จะวัด ไม่ได้นะฮะเป็นต้นอย่างนะครับเมื่อเท้า เปลี่ยนทิศนะฮะโดยเฉพาะหันเข้าหรือออกจาก สิ่งของก็เป็นสัญญาณบอกชนิดนึงเหมือนกัน ว่าคนๆนั้นกำลังมีความรู้สึกยังไงนะครับ มนุษย์เรามีแนวโน้มที่จะหันเข้าหาสิ่งที่ เราชอบหรือสิ่งที่ทำให้เราพอใจรวมถึงคน ที่กำลังติดต่อพูดคุยอยู่ด้วยอันที่จริง แล้วเนี่ยเราสามารถใช้ข้อมูลนี้เพื่อ พิจารณาว่าผู้อื่นยินดีที่ได้เห็นเราหรือ อยากอยู่คนเดียวมากกว่าสมมุติว่าคุณกำลัง เดินเข้าไปใกล้คน 2 คนที่กำลังคุยกันนะ ครับคุณเคยเจอ 2 คนนี้เมื่อก่อนแล้วก็ อยากจะเข้าไปร่วมวงสนทนาด้วยคุณจึงเดิน ตรงเข้าไปหาพวกเขาพร้อมกล่าวคำว่าสวัสดี แต่ปัญหาคือคุณไม่แน่ใจว่าจริงๆแล้วเนี่ย พวกเาอยากให้คุณร่วมวงด้วยหรือเปล่านะ ครับมีวิธีไหนที่จะช่วยหาคำตอบได้มีแน่ นอนนะครับนั่นคือให้ดูที่เท้าและลำตัวของ เขาคหากพวกเคขยับเท้าไปพร้อมๆกับลำตัว เพื่อเปิดรับคุณนะครับแสดงว่าพวกเขายินดี ที่จะพูดคุยกับคุณนะครับอย่างไรก็ตามถ้า พวกเขาไม่ขยับเท้าเพื่อต้อนรับคุณแสดงว่า เคอยากคุยกัน 2 คนอยู่เหมือนเดิมนั่นเอง นะครับทิศทางของเท้าก็น่าสนใจเมื่อเท้า ข้างนึงหันออกนอกลำตัวขณะที่กำลังสนทนา อยู่นี่คือสัญญาณบอกว่าคนนั้นจำเป็นจะ ต้องไปในทิศทางนั้นนะครับหรือว่าการเอา มือกุมเขาและถ่ายน้ำหนักไปที่เท้าข้าง หนึ่งเนี่ยบ่งบอกเจตนาว่าคนนั้นกำลัง ต้องการจะลุกและจากไปนะครับแต่ถ้าคนนั้น เนี่ยนะครับมีปลายเท้าชี้ขึ้นนะฮะมักจะมี ความหมายว่าเจ้าของเท้าเนี่ยนะกำลัง อารมณ์ดีนะครับและกำลังได้ยินหรือว่า กำลังคิดอะไรดีๆออกขึ้นมานะครับหรือโดย ทั่วไปแล้วถ้าเรารู้สึกสบายใจเราจะยืน ไขว้ขวาแต่ถ้าจู่ๆเรามีสิ่งที่ไม่ชอบหรือ คนที่ไม่ชอบปรากฏขึ้นมาเนี่ยเราจะแยกข่าว อจากกันอันนี้น่าสนใจมากถ้าคน 2 คนยืนคุย กันโดยที่ทั้งคู่ต่างไขว้ขาเนี่ยนะครับ แปลว่าทั้ง 2 คนรู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้ๆ กันนะฮะจริงๆมันเป็นปฏิกิริยาเกี่ยวกับ การจีบกันเกี่ยวกับการเกี้ยวพาราศีอะไร ต่างๆนานาด้วยนะฮะเค้าบอกว่าการแสดงของ ของเท้าและขาเนี่ยนะครับเวลาคนจีบกันหรือ ว่ากำลังมีการเกี้ยวพาราสีกันเนี่ยนะฮะ เป็นเป็นการสังเกตที่ง่ายมากเวลาคนเรามี ปฏิสัมพันธ์ที่เป็นกันเองมากๆเท้าและขา ของเราเนี่ยมักจะเลียนแบบท่าทางของอีก ฝ่ายที่เกำลังคุยอยู่ด้วยนะครับแสดงออก ถึงความซุกซนความขี้เล่นนะครับอันที่จริง เวลาคนกำลังจีบกันอยู่ในเท้าและขาของทั้ง 2 ฝ่ายเนี่ยจะสัมผัสหรือลูบไร้กันอย่าง อ่อนโยนหมายถึงสัมผัสขาวของตัวเองนะใน ระหว่างเกี้ยวพาราสีโดยเฉพาะกำลังนั่ง อยู่เนี่ยฝ่ายหญิงมักจะชอบเล่นลองเท้าและ ห้อยรองเท้ากับนิ้วเท้าเมื่อเธอรู้สึกดี กับคู่เดดของเธออย่างไรก็ตามพฤติกรรมนี้ จะหยุดลงทันทีถ้าเกิดรู้สึกอึดอัดใจขึ้น มากทันหันฝ่ายชายก็ใช้พฤติกรรมเล่นรอง เท้าเพื่อประเมินบรรยากาศระหว่างทั้งคู่ ได้อย่างแม่นยำเช่นกันนะครับถ้าฝ่ายชาย กำลังรุกคืบมากขึ้นหลังจากได้คุยมาสักพัก เนี่ยแล้วฝ่ายหญิงเนี่ยหยุดเล่นรองเท้า แล้วกลับไปใส่รองเท้าเหมือนเดิมแล้วโดย เฉพาะอย่างยิ่งถ้าเกิดว่าฝ่ายหญิงแสดง พฤติกรรมดังกล่าวพร้อมกับหนีฝ่ายชายเล็ก น้อยหรืออาจจะคว้ากระเป๋าให้ด้วยแสดงว่า เกมใกล้จบแล้วนะครับแม้ว่าฝ่ายหญิงจะไม่ ได้แกว่งเท้ามาสัมผัสกับฝ่ายชายแต่การ แกว่งเท้าและเล่นรองเท้าเป็นการเคลื่อน ไหวและการเคลื่อนไหวเป็นการเรียกร้องความ สนใจดังนั้นพฤติกรรดังกล่าวจึงเป็นสัญญาณ บอกว่ามองชั้น 4 เป็นต้นนะครับอ่าทีนี้ อันนึงที่คนที่คนพูดถึงเยอะคือการนั่งไขว ห้างนะฮะการนั่งไขว่ห้างเนี่ยเผยให้เห็น อะไรบางอย่างได้เช่นกันนะครับเมื่อคน 2 คนนั่งคุยกันทิศทางของการไขว่ห้างถือเป็น เรื่องสำคัญนะครับถ้าพวกเขาเข้ากันได้ดี ขาที่ไขว่อยู่ด้านบนจะชี้ไปที่คู่สนทนา แต่ถ้าคนหนึ่งไม่ชอบหัวข้อสนนาที่อีกฝ่าย พูดขึ้นมาเขาจะเปลี่ยนตำแหน่งของขาที่ ไขว้กันเพื่อใช้ต้นขาเป็นตัวกั้นพฤติกรรม ดังกล่าวเแสดงให้เห็นว่าสมองส่วนลิมบิก กำลังทำหน้าที่ปกป้องเราอยู่นะครับนะอ่ะ นะครับจริงๆบทเรื่องนี้เนี่ยมีข้อน่าสนใจ หลายอันนะฮะเกี่ยวกับเรื่องขาและเท้านะ ครับเป็นอาการที่ค่อนข้างสังเกตได้ง่ายที เดียวนะครับเอ่อเวลาเราดูผู้นำประเทศคุย กันน่ะเราก็จะเห็นท่าพวกเได้ว่าเออแต่ละ คนมีอาการยังไงการไขวห้างก็เป็นอันนึงที่ เป็นสัญญาณที่ค่อนข้างชัดเจนนะครับอีกอัน นึงคือตัวลำตัวนะฮะลำตัวเนี่ยคือสะโพก ท้องอกหัวไหล่นะครับอันนี้ก็สะท้อนให้ เห็นถึงความรู้สึกที่แท้จริงของสมองส่วน ลิมบิกเช่นกันนะครับเนื่องจากในลำตัวของ เราเนี่ยประกอบด้วยอวัยวะสำคัญมากมายนะ ครับหัวใจปอดตับลำไส้นะครับเราสามารถคา การได้เลยว่าสมองจะต้องรีบหาทางปกป้อง บริเวณลำตัวเมื่อเราถูกคุกคามหรือเผชิญ กับภัยอันตรายทั้งหลายนะฮะทีนี้ในเรื่อง ของสมองส่วนลำตัวเนี่ยนะครับเราก็จะมาพูด กันถึงท่าทางกันหน่อยนะครับในที่สาธารณะ เนี่ยหลายคนมักยืนกอดอกแบบสบายๆขนาดรอ หรือฟังผู้อื่นพูดนะครับแต่เราจะไม่ทำท่า นี้เมื่ออยู่ที่บ้านเว้นแต่จะมีอะไรมากวน ใจเช่นเรากำลังรอใครบางคนที่กลับบ้านไม่ ตรงเวลานะครับอย่างไรก็ดีเนี่ยการกอดโกใน ลักษณะเอามือเกาะแขนไว้แน่นเนี่ยนะฮะเป็น สัญญาณที่ชัดเจนที่บอกถึงความอึดอัดใจคุณ เคยสงสัยมว่าทำไมบางทีเนี่ยบทสสนทนาบาง เรื่องถึงทำให้คุณรู้สึกมวลท้องนะครับบาง ทีเวลามีคนกำลังเถียงกันตอนที่คุณกำลัง กินข้าวอยู่หรืออะไรอย่างงี้นะแล้วคุณรู้ สึกมวลทองขึ้นมาเนี่ยนั่นเป็นเพราะว่า เมื่อคุณรู้สึกโกรธนะครับเลือดจะมาหล่อ เลี้ยงระบบย่อยอาหารน้อยกว่าปกติเหมือน กับกรณีที่ระบบลิมบิกทำให้เลือดไหลจากผิว หนังไปหล่อเลี้ยงส่วนอื่นนะครับเพื่อ เตรียมพร้อมสำหรับปฏิกิริยาตอบสนองแบบ นิ่งหนีหรือสู้เมื่อเกิดขึ้นตอนที่เรา กำลังกินอาหารอยู่เนี่ยเลือดจะไหลจากระบบ ย่อยอาหารไปสู่หัวใจและกล้ามเนื้อขาและ แขนโดยเฉพาะขานะครับเพื่อเตรียมสำหรับการ วิ่งนี้ความรู้สึกปั่นป่วดในท้องเกิดจาก การกระตุ้นของสมองซูนลิมบิกคราวหน้าหเกิด ความขัดแย้งที่โต๊ะอาหารอีกคุณจะได้รู้ ว่าสมองซูนลิมบิกมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อ ความเครียดอย่างไรนะครับเมื่อพ่อแม่ ทะเลาะกันที่โต๊ะอาหารเนี่ยเด็กจะกินข้าว ไม่หมดจานเพราะสมองส่วนลิมบิกของเขามี อำนาจเหนือการกินและการย่อยอาหารนะครับ เด็กเนี่ยจะเตรียมตัวที่จะวิ่งหนีเพื่อ เอาตัวรอดนอกจากนี้ยังเป็นที่น่าสังเกต ว่าหลายคนอาเจียนหลังจากเผชิญเหตุการที่ น่าสะเทือนใจเหตุผลเพราะระหว่างเกิดเหตุ ฉุกเฉินร่างกายกำลังบอกแล้วว่าไม่มีเวลา สำหรับการย่อยอาหารแล้วนะครับซึ่งเป็น ปฏิกริยาตอบสนองเพื่อไม่ให้ร่างกายอิ่มจน เกินไปเพื่อเตรียมจะสู้หรือจะวิ่งหนีนั่น เองนะครับพูดถึงเรื่องของภาษากายกับลำตัว แล้วเราก็ต้องพูดถึงการประดับตกแต่งลำตัว ของเราด้วยเครื่องแต่งกายต่างๆนะครับ เนื่องจากการสื่อสารโดยไม่ใช้คำพูดครอบ คลุมถึงสัญลักษณ์ด้วยเราจึงต้องให้ความสน ใจกับเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายที่เราส สวมใส่บนลำตัวด้วยนะครับสุภาษิตที่ว่าไก่ งามเพราะขนคนงามเพราะแต่งเนี่ยนะครับผู้ เขียงเบอกว่าเค้าเห็นด้วยนะนะเบอกว่างาน วิจัยจำนวนมากเนี่ยระบุว่าเครื่องแต่งกาย ที่เราสวมใส่ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ้าลำลอง หรือชุดสูตหรือชุดทางการอะไรก็แล้วแต่ หรือแม้แต่สีเนี่ยล้วนส่งผลกระทบต่อผู้ อื่นทั้งสิ้นนะครับเสื้อผ้าบ่งบอกอะไรมาก มายเกี่ยวกับตัวเราและสามารถทำอะไรมากมาย ให้เราได้ในแง่หนึ่งนะครับเสื้อผ้าที่ อยู่บนตัวเราบนลำตัวเราเนี่ยเปรียบด้วย เหมือนป้ายโฆษณาให้ผู้อื่นรู้ถึงความรู้ สึกของเรานะครับขนากกำลังมีความรักเราจะ แต่งกายเพื่อให้มีเสน่ห์แต่เวลาทำงานเรา จะแต่งกายเพื่อให้ประสบความสำเร็จในทำนอง เดียวกันเสื้อคลุมที่ปักชื่อของโรงเรียน เข็มเครื่องหมายของตำรวจหรือเครื่อง ประดับยศของทหารเป็นการประดับลำตัวเพื่อ บ่งบอกถึงความสำเร็จของคนนั้นนะครับถ้า หากเราต้องการให้ผู้อื่นสังเกตเห็นลำตัว นี่แหละคือบริเวณสำคัญนะครับเราลองสังเกต ดูได้ว่าอย่างเวลาผู้นำสหรัฐนะฮะแถลง นโยบายต่อคองเกรสนะครับลักษณะของชุดที่ ใส่นะจะเป็นยังไงนะครับหรือคนที่ใส่ชุดสี โดดเด่นกว่าคนอื่นนะครับในสถานที่ใดสถาน ที่1ึเนี่ยก็เป็นการบ่งบอกว่าคนนั้นจะ เป็นจุดสนใจยกตัวอย่างเช่นเจ้าสาวในวัน แต่งงานนะครับชุดก็จะต้องเด่นกว่าคนอื่น แล้วใครไปแต่งชุด 4 คายเจ้าสาวเนี่ยก็จะ ถูกประณามนะว่าไม่รู้จักมารยาทของการแต่ง ตัวนะครับอันนี้เรารู้อยู่แล้วก็คือ ลักษณะของเสื้อผ้าบ่งบอกถึงอารมณ์และ บุคลิกของผู้ใส่เช่นถ้าคุณเป็นคนที่แต่ง ตัวด้วยเสื้อผ้าสีเข้มบ่อยๆนะฮะคุณก็จะมี บุคลิกแบบนึงหรือคุณแต่งตัวแบบ Elton John ก็จะเป็นบุคลิกอีกแบบนึงนะครับ เสื้อผ้าเครื่องแต่งกายต่างๆเนี่ยนะครับ แสดงให้เห็นด้วยว่าเรามีสถานะทางสังคม อย่างไรนะฮะบ่งบอกรายละเอียดเยอะแยะมาก มายเลยไม่ว่ากำลังเฉลิมฉลองอยู่กำลังไว้ ทุกข์ก็ได้นะครับหรือบ่งบอกถึงว่าเราเป็น ส่วนหนึงของสังคมนะครับเช่นชาวซิกนะครับ นะเอิ่มหรืออะไรอย่างเงี้ยนะฮะก็จะมีวิธี การทั้งสิ้นเลยนะครับหรือแม้กระทั่งสีของ เน typ ที่ใส่ก็เป็นตัวบ่งบอกเช่นกันนะฮะ อย่างไรก็ดีเนี่ยอันนี้ต้องระมัดระวังนิด นึงด้วยว่าบางคนเขาต้องแต่งตัวแบบนี้ เพราะเมีหน้าที่เฉพาะพวกนั้นก็อาจจะไม่ นับนะฮะทีนี้การดูแลตัวเองให้ดีสำคัญยัง ไงในเชิงของภาษากายหรือ body language หรือบริบทของมันนะครับเวลาที่เรารู้สึก สบายกายสบายใจเนี่ยเราจะดูแลตัวเองด้วย การจัดแต่งเสื้อผ้าหน้าผมให้ดูดีเสมอนะ ครับแต่ไม่ได้มีแค่มนุษย์เท่านั้นนะที่ รักสวยรักงามนะครับทั้งนกและสัตว์เลี้ง รูกด้วยนมชนิดอื่นๆก็มีพฤติกรรมแบบนี้ เช่นกันนะครับในทางกลับกันเนี่ยเมื่อเรา รู้สึกไม่สบายกายไม่สบายใจนะครับท่าทางลำ ตัวและหัวไหลรวมถึงภาพลักษณ์โดยรวมจะส่ง สัญญาณที่บ่งบอกถึงสุขภาพที่ย่ำแย่ของเรา ได้นะฮะการไม่ดูแลตัวเองในช่วงที่กำลัง เจ็บป่วยหรือโศกเศร้านั้นเป็นปรากฏการณ์ ที่เห็นได้ทั่วโลกนะครับโดยนักมนุษยวิทยา นะครับก็จะชี้ว่าเมื่อสมองเราอยู่ในสภาวะ โศกเศร้าหรือเมื่อเราเจ็บป่วยการดูแลตัว เองให้ดีดูแลสุขภาวะของตัวเองนะครับเป็น สิ่งแรกๆที่เราจะหมดความสนใจนะฮะเช่นถ้า เกิดว่าคุณกำลังเศร้าอยู่หรือคุณต้องฟื้น ไข้นะครับเสื้อผ้าหน้าผมของคุณเนี่ยเป็น สิ่งที่คุณไม่สนใจเลยนะฮะเราไม่สนใจภาพ ลักษณ์เราไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นนะครับมันก็ เป็นตัวบ่งชี้ได้ถึงสภาวะของเราณขณะนั้น ด้วยนะครับคนที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตนะ หนึ่งในเบาะแสที่จะบอกได้ว่าตอนเคนนี้ กำลังมีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตคือเขาไม่ดู แลตัวเองนะครับเพราะว่าโดยหลักการพื้นฐาน แล้วเนี่ยมนุษย์เราอยากจะอยู่ในสภาพที่ดี ที่สุดเสมอนะฮะการนั่งเหยียดตัวเป็นันที่ น่าสนใจนะครับโดยทั่วไปแล้วเนี่ยการนั่ง เหยียดตัวบนโซฟาหรือเก้าอี้เป็นสัญญาณของ ความสบายใจอย่างไรก็ดีในกรณีที่มีการโต้ เถียนอย่างจริงจังการนั่งเหยียดตัวคือการ ประกาศอาณาเขตหรือแสดงอำนาจนะครับการแอ่น อกนะฮะมนุษย์เป็นเหมือนสัตว์ชนิดอื่นเลย นะครับที่จะแอ่นอกเมื่อต้องประกาศอาณาเขต ของตนนะครับเวลาคนโกรธกันเราจะเห็นคน ทะเลาะกันจะแอนอกเหมือนกอริลล่านะครับอัน นี้ก็เป็นพฤติกรรมหนึนะครับการเปิดเผย ส่วนลำตัวนะฮะบางครั้งเนี่ยมันน่าสนใจมาก นะว่าทำไมเวลาคนจะต่อยกันนะครับผู้ชายผู้ ชายเจะต่อยกันนะมักจะถอดเสื้อผ้าออกก่อน นะครับรวมถึงเครื่องประดับด้วยนะครับจริง ๆต้องบอกว่าการเปิดเผยส่วนลำตัวแบบนี้ เนี่ยมันเป็นพฤติกรรมที่คล้ายๆกับ พฤติกรรมของลิงอ่ะนะฮะประมาณนึงนะครับมัน จริงๆอนี้จะพูดถึงอีกหลายอย่างนะฮะเรื่อง ของการยักไหล่การนู่นการนี่เนี่ยนะครับก็ ลำตัวก็เป็นส่วนหนึ่งที่บ่งบอกอะไรได้ ค่อนข้างชัดเจนแล้วก็เป็นส่วนที่เราถ้าจะ โกหกใช่คำนี้นะก็ค่อนข้างยากคล้ายๆกับขา และเท้าเหมือนกันนะครับแขนล่ะนะฮะแขนเป็น ยังไงบ้างแขนเี่เป็นเรื่องที่สำคัญมากนะ ครับเอิ่มเอาเอาเป็นเคสดีกว่าเนาะเอาเป็น เคสดีกว่านะครับอันนี้เป็นกรณีตัวอย่าง อันหนึ่งนะฮะคือคุณโจเนี่ยเบอกว่าเอ้ยเขา เนี่ยเป็นคนชอบไปว่ายน้ำที่สระว่ายน้ำ ใกล้บ้านประจำนะครับเมื่อหลายปีก่อนเนี่ย เขาก็สังเกตเห็นเด็กผู้หญิงคนนึนะครับ ซึ่งปกติเนี่ยเธอก็จะเล่นกับเพื่อนๆแล้ว เข้าคนอื่นได้ดีแต่เมื่อไหร่ก็ตามแม่เธอ มาใกล้ๆเธอจะไม่เคลื่อนไหวแขนนะครับคุณ โจนี่ก็สังเกตอยู่หลายวันแล้วก็ยังสังเกต ด้วยว่าแม่ของเธอชอบพูดกับเธอด้วยน้ำ เสียงเข้มงวดใช้คำพูดหากทางและดูถูกนะ ครับดูเหมือนผู้เป็นแม่จะปฏิบัติต่อลูก ด้วยความแข็งกระด้างมากกว่าความรักใคร่ ซึ่งผิดปกติเอามากๆแต่ก็ไม่ถึงขั้นการ เป็นอาชยากรรมร้ายแรงอะไรในวันสุดท้ายที่ เห็นเนี่ยคุณโจเห็นเนี่ยคุณโจสังเกตรอยฟก ช้ำบริเวณแขนด้านในเหนือข้อศอกนะครับหรือ ที่เรียกว่าท้องแขนนะครับพอถึงตรงนี้ เนี่ยคุณโจก็บอกว่าเอ้ยท่าทางจะผิดปกตินะ ฮะคุณโจก็แจ้งเจ้าหน้าที่ถสับว่ายน้ำนะ ครับบอกว่าไม่แน่ใจว่าเด็กคนนี้ถูกแม่ทำ ร้ายหรือเปล่าแลอยากให้จับตาดูเป็นพิเศษ นะครับเจ้าหน้าที่คนนึงก็บอกว่าเธอเป็น เด็กที่ต้องมีความต้องการพิเศษและลอยฟก แชมปนั้นอาจจะเป็นเพราะเธอควบคุมตัวเอง ได้ไม่ดีพอนะครับแต่คุณโจก็บอกว่ารู้สึก ไม่สบายใจก็เลยไปหาผู้อำนวยการของสาวว่าย น้ำและเล่าถึงความอึดอัดใจให้ฟังพร้อม ต้องอธิบายว่าแพลสที่เกิดจากการป้องกัน ตัวเองจากการหกล้มไม่เกิดในตำแหน่งที่ ท้องแขนอย่างแน่นอนแต่จะเกิดขึ้นที่ข้อ ศอกหรือด้านนอกเป็นหลักนอกจากนี้คุณโจก็ บอกว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญเลยที่เธอจะ ทำตัวเหมือนหุ่นยนต์ทุกครั้งที่แม่อยู่ ใกล้ๆนะครับหลังจากนั้นเนี่ยคนอื่นในสาว นามก็เริ่มสังเกตเห็นประเด็นที่อยากจะบอก คือว่าถ้าคุณเป็นพ่อแม่ครูหรือผู้จัด กิจกรรมค่ายของเด็กนะเจ้าหน้าที่เนในนโรง เรียนนะครับแลสังเกตเห็นว่าเด็กมี พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหรือมี พฤติกรรมจำกัดการเคลื่อนไหวของแขนเมื่อ อยู่กับผู้ใหญ่บางคนเนี่ยนะฮะต้องเอะใจ เพราะว่าการจำกัดการเคลื่อนไหวของแขน เนี่ยถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดปกตินะครับไม่ ใช่อาการปกติของคนที่ไม่ได้มีเรื่องอะไร นะครับทีนี้นะฮะเรามาดูท่าทางบ้างนะครับ เอ่อการวางมือไขว้หลังเนี่ยนะครับเรา เรียกว่าอาการวางมือไขว้หลังเนี่ยเป็นการ วางท่าอย่างเจ้านะฮะมีความหมายว่าอยาก เข้ามาใกล้ชั้นนะครับคืออันเนี้ยเป็นการ เว้นระยะหาที่ชัดเจนมากๆอันนึงนะครับเอา มือเท้าเอวเป็นการประกาศอาณาเขตที่ทรง พลังนะครับหรือสามารถแสดงความเหนือกว่า แสดงการสื่อสารว่าเอาเรื่องได้นะครับหรือ นะครับผู้หญิงนะผู้หญิงนะมีแนวโน้มจะเท้า เอวน้อยกว่าผู้ชายนะครับแล้วก็เวลาเท้า เอวให้สังเกตตำแหน่งของหัวแม่มือให้ดีนะ ครับถ้านิ้วโป้งอยู่ด้านหน้าเนี่ยจะบอก ถึงอาการสงสัยนะครับแต่ถ้านิ้วผแม่มือ อยู่ด้านหลังนะฮะอันนี้คือเอาเรื่องนะ ครับครับแต่ว่าถ้าเกิดว่ามือประสานกันที่ หลังศีรษะนะครับแล้วก็เอนตัวไปข้างหลัง เนี่ยนะครับจะแสดงถึงความสบายใจเรามักจะ เห็นว่าผู้มีอำนาจหรือผู้อาวุโสในที่ ประชุมมักทำท่านี้ก็คือประสานมือไว้ที่ หัวแล้วก็เอนตัวไปข้างหลังนะครับการกาง แขนแล้วกดปลายนิ้วลงบนโต๊ะเป็นการประกาศ อาณาเขตที่บอกถึงความมั่นใจและความมี อำนาจหรือการกางแขนและพาดเก้าอี้อีกตัว นึงนึกออกมั้ยในห้องประชุมพลาดเก้าอี้ กลางแขนแล้วพาดเก้าอี้อีกตัวนึงเนี่ยเป็น การบอกให้โลกรู้เลยว่าคุณรู้สึกมั่นใจ แล้วก็สบายใจมากๆนะครับทนี้ผมพูดถึง 2 เรื่องเกี่ยวกับเรื่องแขนที่น่าสนใจนะ ครับเอ่อเป็นเคสที่เขายกมาในนี้นะครับคุณ โจบอกว่าเมื่อหลายปีก่อนได้มีการฝึกอบรม ให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของ สนามบินนะครับผู้เข้าฝึกอบรมคนนึงบอกว่า เจ้าหน้าที่ที่จำหน่ายตั๋วเนี่ยสามารถบอก ได้ว่าผู้โดยสารคนไหนกำลังทำตัวมีปัญหา ด้วยการดูว่าเขากางแขนกว้างแค่ไหนขณะอยู่ ที่เคาน์เตอร์นะครับซึ่งเป็นเรื่องจริงนะ ครับคือใครก็ตามที่กำลังกางแผนกกว้าเนี่ย แสดงว่าคนๆนั้นเนี่ยกำลังจะต้องทำเรื่อง อะไรบางอย่างหรือกำลังจะทำเรื่องอะไรบาง อย่างนะครับอีกอันนึงเนี่ยนะครับคุณโจเ บอกว่าเขาได้มีส่วนร่วมในการวางแผนของ หน่วย sw ที่กำลังจะต้องเข้าไปปฏิบัติงาน ที่รัฐฟลอริดาขณะที่อยู่หน้าหน่วยกำลัง อธิบายถึงขั้นตอนต่างๆอย่างละเอียดดู เหมือนว่าเขาเนี่ยจะคิดทุกอย่างมาครอบ คลุมทุกประเด็นหมดแล้วเขาจึงเหยียดแขนไป พลาดที่พัฒนาเก้าอี้ถึง 2 ตัวเลยคือนั่ง ตัวนึงพลาดอีก 2 ตัวเลยเนี่ยทันใดนั้นมี คนถามขึ้นมาว่าแล้วหน่วยกู้ชีพล่ะติดต่อ เคหรือยังนะครับครับหัวหน้าหน่วย sw เนี่ยก็หุบแขนมาไว้ที่เข่าทันทีแล้วเอา มือทั้ง 2 มาประสานกันการเปลี่ยนแปลงจาก การกางแขนมาเป็นหุบแขนเนี่ยเป็นการ เปลี่ยนแปลงท่าทางที่น่าสนใจมากนะครับ เพราะมันคือการเปลี่ยนแปลงจากท่าทางที่ ครอบครองอาณาเขตกว้างขวางเป็นท่าที่ทำให้ ตัวเองดูรีบเล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้นะ ครับแสดงว่าเขาลืมเรื่องเนี้ยซึ่งเป็น เรื่องสำคัญไปซะสนิทเลยนะครับความมั่นใจ ลดลงทันทีเลยนะครับดังนั้นเนี่ยเวลาเรา เห็นแบบนี้เราจึงจะสามารถประเมิน สถานการณ์ตรงหน้าได้อย่างเฉียบคมมากขึ้น นั่นเองนะ ครับภาษากายของมือและนิ้วเมื่อกี้แขนมือ และนิ้วนะครับอันนี้ผมบอกเลยในฐานะที่ผม ไปพูดในที่สาธารณะบ่อยนะครับมือเป็นส่วน สำคัญมากเวลาจะพยายามเล่าอะไรบางอย่างนะ ครับในบรรดาสิ่งมีชีวิตทั้งหลายเนี่ยมือ ของมนุษย์เนี่ยถือว่ามีความพิเศษมากนะ เพราะนอกจากจะทำอะไรได้หลายอย่างแล้ว เนี่ยมือเรายังสื่อสารได้ด้วยนะครับมือ ของมนุษย์สามารถวาดภาพจิตกรรมได้ผ่าตัด ได้สลักปฏิมากรรมได้แต่งกลอนได้นะครับมือ ของเรายังสามารถทำอะไรได้เยอะแยะรังสรร โรครอบตัวสื่อสารได้มากมายนะครับเป็น เครื่องมือสื่อสารสำหรับคนที่บกพร่องทาง การได้ยินด้วยนะครับช่วยเล่าเรื่องช่วย เปิดเผยความคิดที่ลึกที่สุดออกมาได้นะ ครับไม่มีอวัยวะที่ยื่นออกจากร่างกายของ สัตว์ชนิดไหนที่มีความสามารถสูงท่ามือของ คนอีกแล้วเนื่องจากมือของคนมีความเคลื่อน ไหวที่ซับซ้อนมากมันจึงสามารถสะท้อนความ เปลี่ยนแปลงเล็กน้อยที่สุดที่เกิดขึ้นภาย ในสมองได้นะครับการเข้าใจถึงมือจึงเป็น เรื่องที่สำคัญอย่างยิ่งนะครับตัวอย่าง ที่เขายกมาเนี่ยเบอกว่ามันเป็นเรื่องที่ น่าเสียดายจริงๆที่ตัวอย่างที่ยอดเยี่ยม ที่สุดที่ผู้เขียนคือคุณโจรนึกออกเนี่ยนะ ครับเป็นตัวอย่างของฮิตเลอร์นะฮะฮิตเลอร์ ไม่ได้มีคุณตสอบบัติหรือความสามารถในการ พูดบนเวทีมาก่อนซึ่งปกติจะเห็นได้ในนัก พูดที่เปรี่ยมพรสวรรค์และน่าเชื่อถือเขา เริ่มต้นด้วยการฝึกพูดกับตัวเองหน้ากระจก ตอบมาเขาได้ถ่ายภาพเคลื่อนไหวของตัวเองใน ขณะที่กำลังฝึกใช้มือเพื่อช่วยเสริมให้ การพูดตรงประเด็นเราใจมากยิ่งขึ้นส่วน เรืื่องราวที่เหลือก็ปรากฏขึ้นในหน้า ประวัติศาสตอย่างที่รู้กันว่าปีศาจร้ายใน คร่ามมนุษย์ตนนึงก้าวขึ้นมามีอำนาจในใน ฐานะผู้นำของอาณาจักรไที่ 3 ด้วยการใช้ วาทศิลป์ภาพยนตร์ที่แสดงภาพฮิลเลอร์กำลัง ฝึกใช้มือประกอบการพูดยังคงถูกเก็บรักษา เป็นอย่างดีซึ่งเป็นประจักพญานว่าเขา พัฒนาทักษะการพูดด้วยการใช้มือและการควบ คุมเพื่อสะกดจิตผู้ฟังการใช้มือนะครับ เป็นส่วนประกอบสำคัญมากคนเราเวลาเล่า เรื่องเนี่ยมักจะมีท่าทางของการใช้มือไป ด้วยอยู่เป็นปกติอยู่แล้วสิ่งที่น่าสนใจ คือการซ่อนมือการซ่อนมือสร้างความรู้สึก ในแง่ลบนะผู้คนเนี่ยเนี่ยอาจจะมองคุณด้วย ความกางขาหากพวกเขามองไม่เห็นมือของคุณใน ขณะที่คุณกำลังพูดอยู่นะครับถ้าคุณคุยกับ ใครแล้วเอามือไว้ใต้โต๊ะเนี่ยนะครับอีก ฝั่งนึงเขาจะรับรู้ได้เลยว่ามันเป็นการ สนทนาที่น่าอึดอัดนะครับเมื่อเราคุยกับ ใครแบบตัวเป็นๆเราย่อมคาดหวังจะได้เห็น มือของเขาคเพราะสมองของเรามองว่ามันเป็น ส่วนหนึของกระบวนการการสื่อสารที่ไม่ สามารถแยกขาดอจากกันได้เมื่อเรามองไม่ เห็นมือหรือมือไม่แสดงออกงที่ควรจะเป็น เราก็จะรู้สึกว่าข้อมูลที่ส่งออกมานั้นมี คุณภาพและความน่าเชื่อถือน้อยลงนั่นเองนะ ครับกลับไปที่เรื่องเปิดซูมเปิดกล้องเปิด ซูมเนี่ยเรื่องเดียวกันเลยกรณีตัวอย่างนะ ฮะเมื่อหลายปีก่อนเนี่ยคุณโจได้ทำการ วิจัยอย่างไม่เป็นทางการกับนักเรียน 3 ห้องเหรียนนะครับคุณโจขอให้พวกเขา สัมภาษณ์กันเองโดยบอกให้นักศึกษาครึ่งนึง เอามือไว้ใต้โต๊ะระหว่างสนทนาแล้วบอกให้ อีกครึ่งนึงวางมือให้คู่สนทนาเห็นนะครับ หลังจากเสร็จการสัมภาษณ์นาน 15 นาทีนะ ครับพบว่าโดยทั่วไปแล้วคนที่ซ่อนมือไว้ ใต้โต๊ะจะถูกมองว่าเป็นคนที่กำลังรู้สึก อึดอัดหมกมุ่นเจ้าเล่ห์หรือแม้กระทั่ง เป็นคนหลอกลวงในสายตาของคู่สนทนาส่วนคน ที่วางมือไว้บนโต๊ะจะถูกมองว่าเปิดเผยและ เป็นมิตรมากกว่านะครับโดยไม่มีใครถูกมอง ว่าเป็นคนหลอกลวงเลยแม้ว่านี่จะไม่ใช่การ ทดลองเชิงวิทยาศาสตร์แต่มันทำให้เราได้ เห็นข้อมูลพอสมควรนะครับเขไปพูดถึงเรื่อง ของการสำรวจความคิดของคณะลูกขุนด้วยสิ่ง ที่ปรากฏให้เห็นชัดก็คือว่าคณะลูกขุนจะ ไม่ชอบใจหากทนายไปยืนอยู่หลังท่านให้การ พวกเขาอยากเห็นมือของทนายทำให้สามารถ ประเมินได้แม่นยำมากยิ่งขึ้นนอกจากนี้ลูก ขุนไม่ชอบพยานที่ซอซ่อนมือของตัวเองด้วย พวกเขาจะมองการกระทำนี้ในแง่ลบนะครับโดย ให้ความเห็นว่าพยานต้องปิดบังอะไรบาง อย่างไว้หรืออาจจะกำลังโกหกอยู่นะ ฮะเพราะฉะนั้นต้องระวังเรื่องของมือดีๆนะ ครับพฤติกรรมที่ชัดเจนอยู่แล้วนะครับที่ ทำให้คนไม่พอใจเช่นการชี้นิ้วอันนี้เรา ลุยแล้วนะฮะการชี้นิ้วเป็นภาษาสากลที่ไม่ มีใครชอบอยู่แล้วนะครับเพราะฉะนั้นก็ต้อง ระวังนะฮะการชี้นิ้วการอะไรแบบเนี้นะฮะ บางทีเนี่ยเราทำโดยไม่ไม่ทันคิดนะครับอีก อันนึงที่น่าสนใจมากครับคือการการกลางมือ ประกบปลายนิ้วนะฮะการกลางมือประกบปลาย นิ้วเนี่ยเป็นลักษณะคล้ายๆกับการพนมมือ แต่ว่าฝ่ามือไม่ได้แตะกันนะครับแล้วนิ้ว เนี่ยมันห่างออกจากกันนะครับเวลาทำท่า เนี้ยเราจะทำมุมแหลมเหมือนหน้าจั่วนะฮะ ผู้หญิงเวลาทำท่านี้จะทำต่ำลงมามันเล็ก น้อยเช่นจะอยู่ในระดับเอวนะครับผู้ชายจะ ทำสูงขึ้นมาที่ระดับอกเราเลยสังเกตในผู้ ชายได้ง่ายกว่าการประกบปลายนิ้วเป็นการ แสดงออกอย่างชัดเจนที่สุดถึงความมั่นใจ ของเราในหนังสือเขียนไว้อย่างนี้เลยนะฮะ แปลว่าถ้าเราทำท่านี้อยู่นี่คือการยึด มั่นในทัศนะสิ่งที่เรากำลังแสดงออกไปนะฮะ คนที่มีสถานะทางสังคมสูงผู้นำทนายความ แพทย์ผู้พิพากษานักธุรกิจ CEO มักกลางมือ แบบเนี้ยเป็นประจำเพราะพวกเขามั่นใจใน สถานะของตัวเองลองสังเกตดูก็ได้นะฮะอ่ายง ไงก็ตามถ้าเกิดว่าเราเอานิ้วประสานกัน เป็นแบบบีบมือแบบนี้นะฮะอันนี้เป็นภาษา สากลที่บอกว่าเรากำลังเครียดหรือกังวลนะ ครับอีกท่านึงที่น่าสนใจมากโดยเฉพาะคนที่ แต่งตัวแบบสากลเนี่ยนะครับคือถ้าเกิดว่า เค้าเอากระเป๋าเค้าเอามือนึกภาพตามนะครับ ใส่สูตใช่มยกระเป๋าสูตรมันจะมีกระเป๋า ข้างนอกใช่มั้ยกระเป๋าข้างนอกของตัวสูต เนี่ยนะครับถ้าเอามือไปสอดไว้ในนั้นน่ะนะ ครับครับข้างหนึนะแล้วก็พูดมืออีกข้างนึง ก็ก็พูดไปแล้วเอ่อทำไปอย่างเงี้ยเนี่ยคือ ลักษณะที่เราเห็นบุคคลที่มีสถานะสูงนะ ครับทำแบบนี้นะครับคือเอานิ้วแม่มือหัว แม่มือเนี่ยยื่นออกมาจากกระเป๋าสูตรนะ ครับบ่งบอกว่าเคกำลังมั่นใจมากๆเลยนะครับ ในนี้ก็จะมีอีกหลายอย่างเลยนะฮะที่น่าสน ใจนะครับเช่นการสอดนิ้วหัวแม่มือไว้ใน กระเป๋ากางเกงบ่งบอกถึงความมั่นใจและ สถานะที่ต่ำคนที่มีอำนาจบังคับบัญชาต้อง หลีกเลี่ยงท่านี้เลยเพราะว่ามันเป็นการ ส่งข้อความที่ไม่พึงประสงค์ออกไปได้นะฮะ มือเป็นเรื่องที่สำคัญต้องระวังนะครับ แล้วก็แต่ว่าใครนะอันนี้แนะนำนะฮะใครที่ อยากจะฝึกเรื่องนี้นะครับโดยเฉพาะคนที่ ต้องไปพูดในที่สาธารณะนะผมแนะนำให้ถ่าย วีีดีโอมันเห็นชัดมากเลยคือคุณไม่ต้องไป ไม่ต้องไปถามคนอื่นเลยเวลาถ่ายวีีดีโอ เนี่ยคุณจะเห็นตัวเองชัดเจนมากเอ่อใบหน้า ครับใบหน้าเหมือนผืนผ้าใบเนาะนะฮะจริงๆ แล้วเนี่ยนะครับเบอกว่าอย่างงี้ฮะเมื่อ พิจารณาในแง่อารมณ์ความรู้สึกใบหน้าของ เราเปรียบได้เสมือนผืนผ้าใบของความคิด สิ่งที่เราคิดและรู้สึกจะถูกถ่ายทอดออกมา โดยละเอียดผ่านรอยยิ้มการขมวดคิ้วรวมไป ถึงรายละเอียดต่างๆที่อยู่ระหว่างคิ้วกับ ปากนะครับนี่คือของขวัญทางวิวัฒนาการที่ ทำให้เราแตกต่างจากสัตว์อื่นๆและทำให้เรา สามารถแสดงออกได้ลึกซึ้งที่สุดเนือสิ่ง อื่นใดการแสดงออกบนใบหน้าของเราถือเป็น ภาษาสากลและเป็นภาษากลางในการสื่อสาร ระหว่างมนุษย์ที่มีวัฒนธรรมแตกต่างกันนะ ครับมันทำหน้าที่สื่อสารตั้งแต่ยุคแรก เริ่มของมนุษย์ที่เราไม่มีภาษาที่เราจะ เข้าใจกันได้เมื่อเราสังเกตใครก็ตามเราจะ มองออกทันทีเวลาที่เขาแปลกใจสนใจเบื่อ เหนื่อยตื่นเต้นหรือหงุดหงิดเราสามารถมอง หน้าเพื่อนแล้วบอกเลยว่าเขาไม่พอใจสงสัย ชอบใจกัดกลุ้มผิดหวังไม่เชื่อหรือเป็น กังวลขณะที่การแสดงออกของเด็กๆก็บอกให้ เรารู้ว่าพวกเขารู้สึกเศร้าตื่นเต้นงุนงง หรือประมาแม้เราจะไม่เคยได้รับคำสอนให้ แสดงสีหน้าแบบต่างๆหรือแปลความหมายของมัน แต่เราก็รู้จักมันแสดงมันออกมาแปลความ หมายของมันและสื่อสารได้อย่างคล่องตัวนะ ครับโดยกราเหนือหลายมัดที่ควบคุมปากริมฝี ปากตาหน้าผากจมูกและขากรรไกรของเราเนี่ย ใบหน้าของมนุษย์จึงสามารถแสดงความรู้สึก ออกมาได้หลากหลายมากๆมีการประมาณกันว่า เราสามารถแสดงสีหน้าได้เป็น 10,000 แบบ เลยทีเดียวนะครับด้วยเหตุนี้ใบหน้าของ มนุษย์จึงเป็นภาษากายที่ค่อนข้างแม่นยำนะ ฮะถ้าไม่มีปัจจัยอื่นเข้ามาแทรกแซงนะเช่น เราไม่ได้ทำโอเอยู่เป็นต้นนะครับโดยทั่ว ไปเนี่ยคนทั่วโลกต่างยอมรับว่าไม่ว่าจะมี ความสุขความเศร้าความโกรธความกลัวหรือ ความแปลกใจความขยะแยอะไรก็แล้วแต่เนี่ยนะ ฮะเราก็แสดงออกมาทางใบหน้าความรู้สึกอึด อัดไม่ว่าจะเป็นสิ่งแปรากฏบนเด็กทารกวัย รุ่นผู้ใหญ่หรือคนชราต่างรับรู้กันได้ ทั่วไปนะครับเรารู้สึกได้ทันทีว่าคนคน เนี้ยเคกำลังคิดอะไรอยู่โดยการมองที่หน้า ของเขายั้นก็ดีแม้ว่าใบหน้าจะแสดงออกถึง ความรู้สึกของเราอย่างเที่ยงตรงแต่ก็ไม่ ได้หมายความว่ามันจะสื่อถึงความรู้สึกที่ แท้จริงของเราเสมอไปที่เป็นเช่นนี้ก็ เพราะเราสามารถควบคุมการแสดงออกของใบหน้า ได้ในระดับหนึ่งนะครับับเฟซนั่นเองโดย สามารถมักแสดงสีหน้าหลอกลวงก็ได้นะครับ เราได้รับการสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กว่าอย่า ทำสีหน้าไม่พอใจเวลาไม่ชอบอาหารที่อยู่ ตรงหน้าเรามักถูกบังคับให้ฝืนยิ้มเมื่อ ต้องทักทายใครที่ไม่ชอบนะครับอะไรอย่าง เงี้ยดังนั้นใบหน้าก็โกหกได้ด้วยเช่นกัน นะครับเราอาจจะพูดได้ว่าใบหน้าคือการแสดง ดีๆนั่นเองเราจะเห็นว่านักแสดงระดับโลก สามารถทำสีหน้าในสรพัดรูปแบบเพื่อสร้าง อารมณ์ได้ตามบทที่ต้องการนะครับนักต้มตุน ก็เช่นกันนะครับพวกเขาสามารถปั่นหัวคน อื่นด้วยโดยใช้ใบหน้าเช่นเดียวกันนะครับ ดังนั้นเราจึงพยายามมาทำความเข้าใจกับ เรื่องนี้มากยิ่งขึ้นเอาเรื่องรูม่านตา คือมันมีเยอะมากนะครับแต่เรื่องรูม่านตา เนี่ยเป็นอันที่เราค่อนข้างที่จะสังเกต ได้ชัดเจนนะครับแล้วก็มีงานวิจัยรองรับพอ สมควรในประเด็นเรื่องรูม่านตานะครับงาน วิจายจำนวนมากเนี่ยบอกว่าหลังจาก ปฏิกิริยาสะดุ้งตกใจแล้วถ้าหากเราเห็น สิ่งที่ชอบรูม่านตาเราจะขยายถ้าหากเรา เห็นสิ่งที่ไม่ชอบรูม่านตาจะหดเล็กลงนะ ครับเราไม่สามารถควบควบคุมรูม่านตาได้ เพราะภายในเวลาเสี้ยวินาทีรูม่านตาจะตอบ สนองต่อทั้งสิ่งเร้าภายนอกเช่นการเปลี่ยน แปลงของแสงและสิ่งเร้าภายในเช่นความคิด เนื่องจากรู้มาตตามีขนาดเล็กและมองเห็น ได้ไม่ชัดโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อดวงตามี สีดำนะครับและการหดขยายเกิดขึ้นอย่างรวด เร็วเราอาจจะมองไม่ค่อยเห็นเรื่องนี้นะ ครับคนก็เลยมองข่ามันไปแต่จริงๆแล้วมันมี ประโยชน์มากๆเมื่อเรารู้สึกตื่นตัวแปลกใจ หรือต้องเผชิญกับสิ่งบางอย่างนะฮะเปลือก ตาของจะเปิดออกไม่เพียงเปิดกว้างเท่านั้น แต่รู้มตาจะขยายให้แสงเข้ามามากที่สุด ด้วยเพื่อให้เราสามารถส่งข้อมูลของการมอง เห็นไปที่สมองได้มากที่สุดอย่างไรก็ตาม เมื่อเราประมวลผลเสร็จละแล้วผลของมันเป็น ลบเช่นอุ้ยเป็นภัยคุกคามรูม่านตาจะหดลง ทันทีด้วยเหตุผลเดียวกันนะครับคุณโจเบอก ว่าเวลาเขาไปสืบสวนเคสยากๆรูม่านตาเนี่ย เป็นอันที่เอาไวดูที่ดีที่สุดนะครับเช่น ตอนนั้นเนี่ยนะครับต้องการจะค้นหาว่ามี สายลับที่เป็นจะหักหลังกับองค์กรหรือ เปล่าเนี่ยก็ได้เอารูปมา 32 ใบนะครับบน รูปแต่ละอันเนี่ยมีชื่อของคนที่ที่คนๆ นั้นน่ะคนที่กำลังสงสัยเนี่ยนะฮะว่าเป็น ผู้สมรู้ร่วมคิดหรือเปล่าเนี่ยนะฮะเอามา ให้ดูนะครับขณะที่ดูรูปแต่ละใบเนี่ยนะฮะ คุณโจก็จะถามอ่ะแต่เขาไม่ได้สนใจคำตอบ เพราะว่าคำตอบมันโกหกได้สิ่งที่สนใจคือรู ม่านตานะครับเมื่อเห็นชื่อคน 2 คนตอนแรก เนี่ยรูมั่นตาเปิดกว้างและเล็กลงนะครับ เวลาเป็นอย่างเงี้ยจิตใต้สำนึกของคนนั้น เนี่ยเนี่ยไม่อยากให้เห็นชื่อของคนทั้ง สองและสัมผัสได้ถึงอันตรายบางทีคนนั้นอาจ จะเคยขู่เขหรือไม่ให้เปิดเผยตัวตนรูม่าน ตาที่หดและตาที่หรี่ลงเป็นเบาะแสงที่เรา สามารถใช้ระบุผู้สมรู้ลวงคิดได้นะครับและ รูมั่นตาเป็นสิ่งที่เราแทบจะไม่สามารถควบ คุมได้เลยเพราะว่ามันโกหกยากนั่นเองนะ ครับนี้ก็เป็นอันนึงที่เขาก็บอกถึงเคสนะ นะฮะดวงตาถือเป็นส่วนสำคัญของร่างกายนะ ครับเพราะฉะนั้นเนี่ยมันจึงเป็นสุดแสดง ออกที่ค่อนข้างชัดเจนนะครับเช่นการเอามือ ปิดบังดวงตานะฮะเป็นวิธีการที่บอกว่าฉัน ไม่ชอบในสิ่งที่ได้ยินหรือมองเห็นการแตะ เปลืองตาสั้นๆระหว่างสนทนาอาจจะบอกถึง ความคิดในแง่ลบของสิ่งที่กำลังพูดคุยกัน อยู่นะครับการหลับตาเป็นเวลานานหลังจาก ได้ยินข้อมูลแสดงถึงความรู้สึกในแง่ลบและ ไม่พอใจนะครับการปิดเปลือกตาแน่นหมายถึง การปิดกั้นข่าวสารหรือเหตุการณ์ร้ายๆเป็น ต้นนะครับอ่ะนะฮะบทนี้ดีนะบทนี้จะมีพูด ถึงอะไรเยอะมากเลยเกี่ยวกับเรื่องดวงตานะ ครับซึ่งใครสนใจก็ลองไปอ่านดูได้นะฮะผมจะ ขออนุญาตไปที่บทสุดท้ายเลยนะครับเพราะว่า เดี๋ยวจะยาวเกินไปเนาะนี่ก็ยาวพอสมควร แล้วนะครับสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับบทสุด ท้ายเนี่ยคือเรื่องของการโกหกนะครับผม สรุปอย่างนี้เลยบอกว่าการโกหกเนี่ยไม่ใช่ การจะจับกันได้ง่ายๆมือสมัครเล่นที่ชอบ คิดว่าสามารถจับโกหกผู้อื่นได้เนี่ยยาก มากนะครับและแม้แต่เขาเองก็ยังบอกเลยว่า เคทำงานเรื่องนี้มาหลาย10บปีเนี่ยการโกหก เนี่ยเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมากนะครับคน ที่มีคสวรรค์ในการจับโกหกอย่างแท้จริง เนี่ยมีไม่ถึง 1% ของประชากรทั่วไปนะครับ แม้กระทั่งคนที่เป็นผู้พิพากษาทนายความ แพทย์ตำรวจ fbi หรืออะไรก็แล้วแต่เนี่ยมี โอกาสจับโกหกได้ 50 50 กันทั้งนั้นนะ ครับทำไมถึงจับโกหกยากเพราะคนเราฝึกโกหก มาตั้งแต่เด็กๆนั่นเองนะครับต้องบอกอย่าง งี้เลยก็คือมันมันเป็นแบบนั้นจริงๆนะครับ อย่างไรก็ดีเนี่ยนะฮะในหนังสือเล่มนี้ เนี่ยนะครับเขาก็ได้พยายามที่จะเล่าถึง วิธีการจับโกหกนะ ฮะบทบาทสำคัญในเรื่องนี้เนี่ยนะครับคือ ความสบายใจและความอึดอัดคนที่โกหกหรือรู้ สึกผิดจะรู้อยู่ก่ใจว่าตัวเองโกหกหรือทำ ความผิดจึงเป็นเรื่องยากที่เขาจะรู้สึก สบายใจด้วยเหตุนี้เราย่อมมีโอกาสสังเกต เห็นความเครียดและความทุกข์ใจของพวกเขา ได้การพยายามปกปิดความผิดหรือการโกหกจะทำ ให้หัวของพวกเขายุ่งเหยิมไปหมดขณะพยายาม ปั้นแต่งคำตอบกับคำถามที่แสนเรียบง่าย ยิ่งใครบางคนสบายใจใที่จะพูดคุยกับเรามาก เท่าไหร่ก็จะยิ่งง่ายต่อการตรวจจับภาษา กายสำคัญำคัญที่แสดงถึงความอึดอัดใจนะฮะ อันเนื่องจากการโกหกมากขึ้นเท่านั้นเป้า หมายที่นี้คือทำให้เขาครู้สึกสบายใจนะ ครับตั้งแต่เริ่มต้นการปฏิสัมพันธ์จะช่วย ให้คุณรู้ถึงพฤติกรรมพื้นฐานของเขาในการ จับโกหกคุณต้องตระหนักว่าตัวคุณมีผลต่อ การกระทำของคนที่สงสัยว่าโกหกอย่างมากเลย รวมทั้งต้องตระหนักว่าพฤติกรรมที่คุณแสดง ออกมามีผลต่อพฤติกรรมของอีกฝ่ายด้วยวิธี การตั้งคำถามของคุณเช่นการตั้งคำถามในแนว ทางกล่าวหาวิธีการนั่งของคุณชนั่งใกล้มาก ๆวิธีที่คุณมองเค้านะฮะด้วยความสงสัยจะมี ส่วนเพิ่มหรือลดระดับความสบายใจของเขา เป็นที่รู้กันดีว่าหากคุณรุกรำพื้นที่ของ คนอื่นหากคุณทำอะไรที่น่าสงสัยหากคุณมองเ ด้วยเสตาแปลกๆหรือหากคุณถามด้วยน้ำเสียง กล่าวหาทั้งหมดนี้ไม่เป็นผลดีต่อการสอบ สวนของคุณประการแรกและสำคัญที่สุดคุณต้อง เข้าใจก่อนว่าการฉีกหน้ากากคนโกหกนั้นไม่ ใช่การบ่งชี้ความไม่ซื่อสัตย์แต่มัน เกี่ยวข้องกับการสังเกตและตั้งคำถามเพื่อ จับโกหกมากกว่าเรื่องที่ 2 มันเกี่ยวข้อง กับการรวบรวมข้อมูลภาษากายทั้งหลายยิ่ง คุณเห็นมากเท่าไหร่คุณจะยิ่งมั่นใจกับการ สังเกตของตัวเองมากขึ้นเท่านั้นและจะ เพิ่มโอกาสให้คุณได้รู้เวลามีใครบางคน โกหกหลอกลวงคุณอยู่ถึงแม้ว่าคุณจะมองหา สัญญาณของการหลอกลวงระหว่างการสนทนาการ สัมภาษณ์การสอบสวนแต่คุณต้องทำตัวให้เป็น กลางที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ไม่ทำตัว สงสัยจำไว้ว่าทันทีที่คุณแสดงความสงสัย ออกมาคุณจะมีอิทธิพลต่อปฏิกิริยาตอบสนอง ของอีกฝ่ายถ้าคุณพูดว่าคุณกำลังโกหกนะฮะ หรือฉันคิดว่าคุณไม่ได้พูดความจริงนะครับ หรือแค่มองเด้วยความสงสัยเนี่ยนะฮะคุณจะ มีพฤติกรรมต่อเาทันทีวิธีการที่ดีที่สุด คือให้ถามคำถามเกี่ยวกับประเด็นนั้นๆ เพื่อให้ได้รายละเอียดที่กระจ่างชัดมาก ขึ้นนะครับเช่นฉันไม่เข้าใจช่วยอธิบาย เพิ่มหน่อยได้มมนะครับบ่อยครั้งแค่ขอให้ บางคนขยายความสิ่งที่เขาพูดก็เพียงพอแล้ว ที่จะแยกแยะความจริงออกจากความเท็จได้ใน ที่สุดไม่ว่าคุณกำลังจะตรวจสอบเอ่อใน ระหว่างการสัมภาษณ์งานคุณสมบัติผู้สมัคร งานนะฮะหรือกำลังจะสอบสวนเรื่องอะไรบาง อย่างเนี่ยนะครับการทำตัวให้สงบยกเย็นไว้ สำคัญมากๆนะครับอย่าแสดงความสงสัยออกไปทำ ตัวสบายๆแล้วเป็นกลางเท่านี้คุณก็จะเริ่ม รู้แล้วว่าคนนั้นอีกฝ่ายนึงมีความต้องการ ที่จะโกหกหรือไม่นะครับรายละเอียดมีเยอะ นะฮะในประเด็นนี้ซึ่งก็ลองไปอ่านกันดูได้ นะครับในประเด็นคือมันมันค่อนข้างจะ ละเอียดมากเลยนะไอ้ไอ้เรื่องโกหกเนี่ยนะ ฮะทีนี้เนี่ยผมจะปิดท้ายเนี่ยนะครับด้วย 2 เรื่องนะครับหลัก 2 อย่างในการพิจารณาใน การจับโกหกอันที่ 1 คือความสอดคล้องกัน ความสอดคล้องกันเนี่ยนะครับมันคือการมอง หาระหว่างสิ่งที่สื่อออกมาทางปากกับสิ่ง ที่สื่อออกมาทางกายนะ ครับเมื่อถูกตั้งคำถามนะสมมุตินะคนที่ตอบ คำถามด้วยการยอมรับควรจะเคลื่อนไหวศีรษะ สอดคล้องกับคำพูดในทันทีไม่ล้าชาคำพูดการ ขาดความสอดคล้องกันจะปรากฏให้เห็นเมื่อ เขาพูดว่าฉันไม่ได้ทำแต่กับผงกศีรษะยอม รับในทนองเดียวกันความไม่สอดคล้องกันจะ เกิดขึ้นเมื่อคนนึงถูกถามว่าคุณโกหกหรือ เปล่าและศีรษะของเขาผงกขึ้นลงขณะที่เขา ตอบว่าไม่นะครับเมื่อสังเกตพกที่ไม่สอด คล้องกันแล้วเนี่ยเราจะเห็นได้ว่าเออมัน จะเป็นความเอ๊ะอ่ะอยู่นะครับมันมีเคสที่ เขาเล่าให้ฟังบอกว่าพ่อแม่แจ้งความว่าลูก ถูกรักพาตัวนะครับซึ่งเวลาแจ้งความว่าถูก รักพาตัวก็ต้องมีความสอดคล้องกันระหว่าง เหตุการณ์คือการลักพาตัวและอารมณ์ของพ่อ แม่พ่อแม่ที่กำลังวาวุ่นใจจะต้องเอะอะโวย วายกับตำรวจเล่าเรื่องอย่างละเอียดหมด อะไรตายอยากกระตือรนที่จะช่วยเหลือและยิน ดีจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก แต่ถ้าผู้มาแจ้งมีอาการสงบมากๆเป็นกังวล เกี่ยวกับการเล่าเรื่องที่แต่งขึ้นและ แสดงอารมณ์ออกมาอย่างไม่สอดคล้องกันรวม ถึงห่วงภาพรักของตัวเองด้วยล่ะก็นั่นก็ เป็นสัญญาณว่าอันนี้คือการขาดความซื่อ สัตย์นะครับอันที่ 2 ครับคือพฤติกรรมเน้น ยำฮะในขณะที่เราพูดเนี่ยเราจะใช้ส่วนต่าง ๆของร่างกายเช่นคิ้วสีสะมือแขนลำตัวขา เท้าเพื่อเน้นย้ำประเด็นสำคัญเราจึงต้อง สังเกตพฤติกรรมเน้นย้ำด้วยด้วยเพราะมัน เป็นสิ่งที่ใครๆก็ทำเมื่อพูดความจริงการ เน้นย้ำเป็นการทำงานของสมองส่วนลิมบิก เพื่อส่งเสริมการสื่อสารเป็นวิธีบอกให้ ผู้อื่นหรือว่าเราจริงจังมากแค่ไหนในทาง ตรงกันข้ามเมื่อสมองส่วนลิมปิกไม่ สนับสนุนในสิ่งที่เราพูดเราจะแสดง พฤติกรรมเนย้ำน้อยลงหรือไม่แสดงออกมาเลย นะครับจากประสบการณ์ของคุณโจเนี่ยนะฮะเขา บอกว่าคนโกหกจะไม่แสดงพฤติกรรมเน้นย้ำแต่ จะใช้สมองส่วนใช้ความคิดเพื่อจะตัดสินใจ ว่าจะพูดและโกหกอย่างไรเมื่อต้องโกหกคน ส่วนใญ่จะไม่ตระหนักว่าการเน้นย้ำมีบทบาท สำคัญมากในการสนทนาประจำวันนะครับเมื่อคน โกหกพยายามสร้างเรื่องเพื่อตอบคำถามการ เน้นย้ำของพวกเขาจะดูไม่เป็นธรรมชาติและ แสดงออกมาได้ช้ากว่าคำพูดโดยมักเกิดขึ้น ผิดจังหวะพฤติกเน้นยันนี้เองจึงเป็นอีก อันนึงที่สามารถบอกได้ว่าคนๆนั้นกำลังพูด ความจริงอยู่หรือเปล่านะฮะปิดท้ายนะครับเ บอกอย่างงี้ฮะบอกว่าเรื่องเนี้ยทั้งหมด ทั้งมวลเนี่ยนะฮะมันเป็นสิ่งที่เป็นสิ่ง ที่พื้นฐานที่สุดของมนุษย์นะครับผมขอ อนุญาตเอาบทส่งท้ายหรือข้อคิดส่งท้ายของ หนหนสือเลมเนี่ยมาเล่าให้ฟังนะฮะเป็นการ ปิดนะเมื่อไม่นานวันนี้เนี่ยมีเพื่อนคน นึงเล่าเรื่องนึงให้ให้คุณโจฟังซึ่งถือ ว่าเป็นการสรุปสาระสำคัญของหนังสือเล่ม นี้ไว้อย่างดีเพื่อนคนนี้กำลังขับรถพาลูก สาวไปถ่ายรูปที่เมืองมืหนึ่งนะครับซึ่ง อยู่ห่างจากบ้านของพวกเขาไปหลายชั่วโมง เนื่องจากเธอไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนจึง ต้องดูแผนที่เพื่อหาเส้นทางที่ดีที่สุด ทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดีจนกระทั่งเธอถึง เมืองนั้นแล้วเริ่มมองหาป้ายถนนแต่กลับพบ กับความว่างเปล่าไม่เห็นป้ายสักอันขับวน ไปวนมานาน 20 นาทีในที่สุดก็สิ้นหวังจึง หยุดจอดที่ปั๊มน้ำมันแล้วถามคนในเมืองว่า เฮ้ยคุณรู้ได้ไงอ่ะว่าถนนเส้นไหนเป็นเส้น ไหนมันไม่มีป้ายอ่ะเจ้าของปั๊มไม่รู้สึก แปลกใจกับคำถามนี้เลยสักนิดเขาบอกว่าคุณ ไม่ใช่คนแรกหรอกที่ถามแบบนี้พอคุณขับถึง แยกนะคุณต้องมองหาที่พื้นไม่ใช่มองที่ ข้างบนป้ายที่ทำด้วยหินเทียมสูง 15 ซมมี ชื่อถนนเขียนไว้บนทางททานะครับคือมันไม่ ได้อยู่แบบปกติอ่ะมันอยู่ที่ทางเท้าก็ เพื่อนของคุณโจก็ทำตามคำแนะนำนะภายในไม่ กี่นาทีก็ขับถึงที่ใหม่ได้เธอบอกว่าอัน ที่จริงฉันมองหาใ้ายถนนที่สูงน้อย 2 เมตร ไม่ใช่แค่ 15 ซมพร้อมกับเสริมว่าสิ่งที่ เหลือเชื่อยที่สุดคือเมื่อฉันรู้แล้วว่า ต้องมองหาอะไรและมองที่ไหนป้ายเหล่านั้น มันชัดเจนสุดๆจนกระทั่งมันไม่มีปัญหา เรื่องการมองหาเส้นทางอีกต่อไปหนังสือเลม นี้ก็เช่นเดียวกันในแง่ของพฤติกรรมคนน่ะ เรามีป้ายอยู่ 2 แบบคือป้ายที่มีเสียงและ ป้ายที่ไม่มีเสียงพวกเราทุกคนถูกสอนมาให้ มองหาและอ่านป้ายที่มีเสียงซึ่งเปรียบ เทียบด้วยกับป้ายตามเสาที่มองเห็นได้ชัด เจนและขนาดขับรบไปในเมืองที่ไม่คุ้นเคย เนี่ยเราก็คาดหวังว่ามันจะมีป้ายนั้นอยู่ แต่มันยังมีป้ายที่ไม่มีเสียงอยู่ตรงนั้น มาตลอดแต่ถ้าพวกเราไม่ได้เรียนรู้แลไม่ ได้สังเกตมันนะครับเราก็จะไม่สามารถอ่าน มันได้เลยแต่เมื่อไหร่ที่เราเห็นแล้ว เนี่ยป้ายเหล่านั้นมันจะปรากฏชัดเจนจน กระทั่งเราจะเห็นมันตลอดดังนั้นเมื่อคุณ เข้าใจภาษากายแล้วคุณจะมองเห็นโลกรอบตัว ได้อย่างลึกซึ้งและมีความหมายมากยิ่งขึ้น สามารถได้ยินทั้ง 2 ภาษาก็คือภาษาที่มี เสียงและภาษาที่ไร้เสียงซึ่งมันจะช่วย เติมเต็มกันและกันและมอบประสบการณ์อันล้ำ ค่าให้กับมนุษย์นี่คือคือเป้าหมายที่คุ้ม ค่ากับความพยายามนะครับแลนี่คือบทสรุปของ หนังสือเล่มนี้นะครับผมพูดเลยว่าหนังสือ เล่มนี้เนี่ยดีมากแต่ว่าคือผมเล่าไปนิด เดียวนะที่ผมเล่ามาทั้งหมดอ่ะเพราะว่าถ้า เล่าเยอะมันจะนานเกินไปนะครับก็ใครสนใจก็ ไปหาซื้ออ่านกันได้นะครับเป็นหนังสือที่ แปลโดยสำนับคี lear แปลได้ดีมากด้วยเช่น กันนะครับอ้อแล้วก็วันนี้เรามีของแจกอีก เช่นเคยนะฮะช่วงนี้เรากำลังพยายามเทสอยู่ แต่วันนี้ขอเปลี่ยนแฮชแทกหน่อยมาคอมเมนต์ กันหน่อยว่าภาษากายอะไรที่คุณรู้สึกว่า คุณสังเกตเห็นได้ชัดเจนมากที่สุดเป็น เรียกว่าเป็นไม้ตายของคุณเลยอเวลาคุณมอง คนอื่นแล้วคุณสังเกตอันเนี้ยแล้วคุณ สามารถบอกได้เลยว่าคนนี้เกำลังคิดหรือ กำลังจะทำอะไรอยู่นะครับคอมเมนต์กันมานิด นึงนะครับติดแฮชแทกวันนี้ขอเปลี่ยนแฮชแทก หน่อยนะครับติดเป็นแฮชแทกตัวเต็มเลย Mission To the Moon เหตุผลเพราะว่า แฮชแทกไ mtm ที่เราใช้ก่อนหน้าเนี้ยมันไป ซ้ำมันไปซ้ำกับของฝรั่งเมันทำให้เทำทีม งานเคหายากนะครับเดี๋ยวเราจะประกาศผลใน YouTube community อ้าแจกอะไรนะครับวัน นี้แจกเป็นกันแดดนะครับของสรีจันททั้ง 4 สูตรนะฮะ 1 รางวัลเราให้ 4 สูตรเลยนะครับ เราแจกทั้งหมด 5 รางวัลนะครับ 5 รางวัลไป แบ่งเพื่อนฟูมครอบครัวใช้ได้นะครับขอบคุณ ที่ติดตาม Mission to the มูนในตอนสรุป หนังสือของเราในวันนี้นะฮะแล้วเราพบกัน ใหม่ในสัปดาห์หน้าที่ทุกๆปลายๆสัปดาห์แบบ เนี้ยผมจะนำหนังสือสนุกๆมาเล่าให้ทุกท่าน ฟังสวัสดี ครับ Mission To the Moon podcast Presented by Number 24 ผู้ให้บริการ Shutter Stock ในประเทศไทยแต่เพียงผู้ เดียวให้การใช้งานลิขสิทธิ์เป็นเรื่อง ง่ายทุกการใช้งานสร้างสรรค์อย่างมั่นใจ ให้ Number 24 Shutter Stock ตอบทุก การใช้งาน Content