สวัสดีนะครับ วันนี้ก็มีการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินเพื่อประเมินจุดยืนในแง่ของตัวนโยบายการเงินและแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อโดยในการประชุมครั้งนี้คณะกรรมการมีมติ 5 ต่อ 2 เสียงให้ลดตัดต่อเบี้ยนโยบายร้อยละ 0.25 ต่อปีจากร้อยละ 2.5 เป็นร้อยละ 2.25 โดยให้มีผลทันทีในภาพรวมคณะกรรมการประเมินในแง่ของเศรษฐกิจใกล้เคียงกับที่ ได้ประเมินไว้นะครับ โดยตัวเลขในปีนี้นะครับประเมินที่ร้อยละ 2.7 นะครับ ปีหน้าที่ 2.9 นะครับโดยแรงส่งหลักๆเนี่ย ก็ยังมาจากภาคท่องเที่ยวนะครับแล้วก็การบริโภคภัยกระชนนะครับ โดยในแง่ของตัวเงินเฟ้อนะครับก็เช่นเดียวกันนะครับ ก็จะทยอยกลับเข้าสู่กรอกเป้าหมายในช่วงปลายปีนะครับ โดยเงินเฟ้อเนี่ยคณะกรรมการมองในปีนี้นะครับ ที่ 0.5 นะครับ และในปี การปรับปรับลดสัดส่วนของเรื่องของหนี้ครัวเรือนต่อต่อต่อต่อต่อรายได้ในคณะกรรมการก็ยังประเมินว่ามีแนวโน้มที่เกิดขึ้นต่อเนื่องนะครับโดยค่ะโดยคณะกรรมการในทั้งหมดนะครับเห็นว่าจุดยืนของนโยบายการเงินเนี่ยที่ยังเป็นกลางเนี่ยยังคงเหมาะสมนะครับกับแนวโน้มของเศรษฐกิจนะครับก็ห และเงินเฟ้อ โดยกรรมการส่วนใหญ่ 5 ท่านที่เห็นควรให้ลดอัตรฐกเบี้ยนโยบายลงร้อยละ 0.25 นิยมีก็เห็นว่าในแง่ของการลดอัตรฐกเบี้ยนโยบายจะช่วยลดบรรเทาภาระหนี้ได้บ้างโดยไม่เป็นอุปสรรคในแง่ของการปรับลดเรื่องของสับสวนหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ภายใต้บริบทที่อาจจะมีการพัฒนาการเปลี่ยนไปโดยในแง่ของสินเชื่อมีแนวโน้มขยายตัว ชะลอลง คณะกรรมการให้ความสำคัญกับเรื่องของหนี้ครัวเรือนเพราะว่าเรื่องของทั้ง Growth แล้วก็เงินเฟ้อเป็นไปตามที่คณะกรรมการคาดไว้โดยคณะกรรมการเห็นว่าพอปรับลงแล้วเรื่องของนโยบาที่ 2.25 ยังคงอยู่ระดับที่เป็นกลางแล้วก็สอดคล้องกับเศรษฐกิจนรยาข้างหน้าขณะที่กรรมการสองท่านเห็นว่าเรื่องของ อัตโดคเบียนนโยบายที่ดับเดิมก็ยังคงสอดคล้องกับแนวโน้มของเรื่องเศรษฐกิจและเงินเฟ้อโดยให้น้ำหนักกับเรื่องการรักษาสถาปภาพเศรษฐกิจในระยะยาวรวมถึงการรักษาขีดความสามารถของนโยบายการเงินในการรองรับความไม่แน่นอนที่อาจจะมีอยู่ในระยะข้างหน้าโดยในแนวต่อไปคณะกรรมการเห็นว่าอัตโดคเบียนนโยบายยังควรอยู่ในระดับที่เป็นกลางและก็สอดคล้องกับศักยภาพของเศรษฐกิจ โดยจะต้องไม่ต่ำจนเกินไป จนส่งผลไปสู่การสะสมความเสี่ยงความไม่สมดุลในระยะยาวนั่นก็เป็นภาพรวมของการประชุม ที่ผมขออนุญาตลงในรายละเอียดอันนี้อาจจะฉายภาพซ้ำอีกนิดนึงว่าในแง่ของตัวภาพรวมของเศรษฐกิจก็ต้องบอกว่าใกล้เคียงกับที่ทางกรณงอได้เคยประเมินไว้จริงๆ ใกล้เคียงกับทั้ง ตั้งแต่ต้นปี แล้วรอบกลางปีที่มีการประเมินไว้ที่ GDP Growthถ้าเราจำกันได้ ในต้นปีอยู่ที่ประมาณ 2.6 แล้วก็ 3จริง ในครั้งนี้ออกประมาณการใหม่มาอยู่ที่ 2.7 แล้วก็ 3 เช่นเดียวกันก็ใกล้เคียงมากกับที่ประเมินไว้ในช่วงต้นปีโดยแรงขับเคลื่อนสำคัญมาจากภาคท่องเที่ยว แล้วก็การบริโภคไพรกระชนแล้วก็แรงส่งก็ได้เพิ่มเติมจากเรื่องของมาตรการที่เรา ได้รับทราบดีอยู่นะครับ เรื่องของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐแล้วก็ภาคของเรื่องของการส่งออกก็มีแนวโน้มทยอยดีขึ้นเหมือนที่เราเคยได้คุดคุยกันแล้วว่า เดี๋ยวเรื่องของภาคส่งออกจะเริ่มทยอยดีขึ้นในช่วงปลายปีถ้ายังจำกันได้ส่วนเรื่องของเงินเฟ้อถ้าเทียบกับประมาณการณ์หน้าต้นปีก็ใกล้เคียงกับที่ทางกรณง.เคยคาดไวเมื่อช่วงต้นปีกรณง.คาดไวที่ 0.5 กับ 1.3 ในครั้งนี้ก็ ปีนี้ก็ที่ 0.5 แล้วก็ปีหน้าที่ 1.2 ก็ใกล้เคียงมากก็ต้องบอกว่าในแง่ของเงินเฟ้อ ก็จะกลับเข้ากรอบในช่วงปลายปีแล้วก็จะอยู่ในระดับที่ต่ำในแง่ของใกล้เคียงกับขอบร่างจากเรื่องของปัจจัยเชิงโครงสร้าง ต้นทุนการนำเข้าที่ต่ำจากประเทศจีน แล้วก็สิ่งที่คณะกรรมการได้ให้น้ำหนักจริงๆ ก็พูดมาตั้งแต่ในแง่ของการประชุมครั้งที่แล้วก็คือเรื่องของภาวะการเงินที่กรรมการให้ความสำคัญแล้วก็ดูว่าเป็นยังไงบ้างพัฒนาการที่เห็นก็เป็นลักษณะที่เราเห็น พัฒนาการที่เป็นไปส่วนใหญ่ก็จะคล้ายๆ กับที่เราได้ประเมินไว้ในครั้งที่แล้วก็คือมีลักษณะที่โดยรวมมีการตึงตัวขึ้นบ้าง การโตโตชะลอลง อันนี้ก็โดยเฉพาะส่วนที่เป็นกลุ่มที่เรา บอกว่ารายได้ฟื้นตัวช้านะครับ หรือกลุ่มที่อาจจะเดินเจอปัญหาเรื่องโครงสร้างอย่าง SME เป็นต้น ก็จะมีลักษณะของเรื่องของภาวะการเงินที่อาจจะมีความตึงตัวขึ้นนะครับด้านของสถิตภาพทางด้านการเงินจริง เนี่ยคุยกันเยอะแล้วก็เป็นส่วนสำคัญในแง่ของการที่ผลของการปรับลดนโยบายครั้งนี้ก็คือเรื่องของการปรับลดสัดส่วนรายได้หนี้ต่อครัวเหลือนนะครับที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า debt relaterging นะครับ อันนี้เนี่ยเราเห็นในตรงนี้เนี่ยมีการ เกิดขึ้นชัดเจนและต่อเนื่องภายใต้บริบทที่เราเห็นว่าสินเชื่อมีแนวโน้มที่จะขยายตัวชะลอลง ถ้ามองไปข้างหน้า เราก็คาดการณ์ไวเพราะฉะนั้นตรงนี้ก็เลยเป็นส่วนสำคัญทำไมครั้งนี้คณะกรรมการถึงตัดสินใจที่จะลดอัตราต่อบินโดยนโยบายลงเพราะว่าในแง่ของการให้สมดุลระหว่างเรื่องของการลดอัตราต่อบินโดยนโยบายลงก็ช่วยบรรเทาภาระของ ของลูกหนี้ได้บ้างนะครับ สิ่งแม้เรารู้ว่าจะไม่ได้มากนะครับแต่ในคดีกันเนี่ย ในแง่ของการลดลงไปแล้วเนี่ยกรรมการก็ประเมินว่าจะไม่เป็นอุปสรรคในแง่ของการปรับลดนะครับ ในแง่ของตัวเด็ดต่อ GDP ของครัวเรือนนะครับ ในแนวโน้มเพราะว่าปัจจุบันที่สินเชื่อเนี่ย มีแนวโน้มอาจจะขยายตัวชะลอลงในระยะข้างหน้านะครับขออนุญาตอาจจะเท้ากวามนิดนึงนะครับสิ่งที่เราทำไปในช่วงที่ผ่านมาเนี่ย เราก็มีการ ปรับนโยบายตามภาวะเศรษฐกิจและแนวโน้มจะเห็นได้ว่าในช่วงที่ผ่านมาที่เรานอร์มอลไลด์อัตราดอกเบี้ยคือขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงแรกในช่วงเดือนประมาณกลางปี 2022ก็จะเห็นได้ว่าเรามีการปรับขึ้นจริงๆ ด้วยบริบททางเศรษฐกิจที่แตกต่างกับประเทศอื่นจะเห็นได้ว่ารูปทางด้านซ้ายมือ การปรับขึ้นดอกเบี้ยของเราขึ้นช้าเพราะว่าเศรษฐกิจเราฟื้นตัวช้า แล้วก็ขึ้นไม่ได้เยอะเมื่อเทียบกับประเทศอื่นแล้วก็เราก็อยู่ในระดับดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.5 มาประมาณสักปีกว่าๆก็เป็นสิ่งที่เราเห็นว่าเศรษฐกิจเองอย่างที่เรียนไปก็เป็นไปตามที่เราคาดก็ฟื้นตัวแน่นอนมันจะมีบางส่วนที่อาจจะเปลี่ยนไปบ้างแต่ว่าโดยภาพรวมก็เป็นไปตามที่เราคาดไว้ในแง่ของเรื่องของเศรษฐภาพของราคาจะเห็นได้ว่า เรื่องของดอกเบี้ยเองก็ทำหน้าที่ได้ค่อนข้างดีในช่วงที่ผ่านมาก็ทำให้ยึดเหนียวการคาดการณ์ของเงินเฟ้อทำให้เงินเฟ้อทั่วไปที่เคยขึ้นไปเร็วในช่วงสิงหาคมปี 2022ก็ปรับลดลงได้ค่อนข้างเร็วและอีกตัวหนึ่งก็คือเรื่องของความไม่สมดุลทางการเงินก็คงเป็นเรื่องของหนี้ครัวเรือนเรื่องของการปรับลดลงของหนี้ครัวเรือนในช่วงที่ผ่านมาผมว่าดอกเบี้ยเองก็มีส่วนช่วยที่ไม่ไปเติมเชื้อไฟให้กับเรื่องของการปรับลดลง ในแง่ของตัว Death ต่อ GDP ในช่วงที่ผ่านมาแล้วก็รูปทางด้านกว่ามือก็จะบอกว่าเรื่องของการปรับขึ้นนโยบายที่ผ่านมาเราไม่ได้ปรับขึ้นจนเกินกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่เป็นกลางหรือภาษาอังกฤษที่เรียกว่า Neutral Rateสังเกตดูประเทศที่ส่วนใหญ่ต่างๆจะเห็นได้ว่ามีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่าอัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลางของเราเป็นการขยับขึ้นไปสู่อัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลางในช่วงอัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลาง ที่เป็นกลางอาจจะไม่ได้ exact แต่ว่าเป็นช่วงของที่เราคิดว่าเป็นกลางอยู่ก็จะมีความแตกต่างกันในแง่ของบริบทของแต่ละประเทศถ้าเราลงในแง่ของตัวประมาณการในละเอียดนิดนึงเริ่มจากเรื่องของตัว GDPอย่างที่เรียนไปภาพของ GDP ไม่ได้เปลี่ยนไปมากนักเรามอง Growth ในปีนี้ที่ 2.7 แล้วก็ปีหน้าที่ 2.9แล้วก็ถ้าเราดูนะครับเราเคยคุยกัน ถ้าจำได้ในครั้งที่แล้วบอกว่า ในแง่ของตัว GDP ในแต่ละไตรมาสYear on Year ไตรมาสที่ 1 ประมาณ 1% ตัวเลขจริงไตรมาสที่ 2 ประมาณ 2%ไตรมาสที่ 3 ก็อยู่ Roughly น่าจะประมาณ 3% เราคิดว่าประมาณสัก 3%แล้วก็ไตรมาสที่ 4 จะอยู่ที่ประมาณสัก 4% ก็ยังเป็นไปตามที่เราเคยบอกไว้แล้วก็ในแง่ของการเจริญเติบโตจะเห็นได้ว่าในแต่ละไตรมาสที่ 2ก็จะมีอัตราเจริญเติบโตที่ในแง่ของ Year on Year ที่มากกว่า ในไตรมาสแรกนะครับ แต่ในแง่ของตัว QOQ แรงส่งก็จะชะลอลงไปเพราะว่าเราฟื้นตัวค่อนข้างแรงในช่วงไตรมาสแรก ก็จะเป็นลักษณะของเศรษฐกิจแบบนั้นนะครับก็หลักๆ ก็อยากจะบอกว่า ในแง่ของภาพรวมแล้วกัน ตัวเลขของตัว GDP ภาพรวมเนี่ยค่อนข้างเป็นไปตามที่เราคาดนะครับ ทั้งในแง่ของตัวภาพรวม แล้วก็ในแง่ขององค์ประกอบด้วยนะครับองค์ประกอบเนี่ย จะเห็นได้ว่าถ้าเราลองเบรกลงมาดูเนี่ย ลองแตกออกมาเนี่ย ว่ามันมาจากอะไรบ้างเนี่ยตัวหนึ่งที่ชัดเจนก็คือ เรื่องของตัว Government spending ที่เราบอกว่ามันจะมาแล้วก็มาใช่ไหม ก็จะเป็นแท่งสีฟ้านะครับจากที่เคยเป็นลบในตรายมาสที่ 1 นะครับแล้วก็จะกลับเป็นบวกในตรายมาสที่ 2แล้วก็ในช่วง half 2 ของปีนี้แล้วก็ half 1 ของปีหน้านะครับอีกตัวหนึ่งที่เริ่มจะกลับมานะครับก็คือเรื่องของการส่งออกสินค้านะครับจะเห็นได้ว่าในแง่ของ contribution ต่อกรสจะเริ่มเป็นบวกในตรายมาสที่ 2 ของปีนี้ ในช่วงขึ้นหลังของปีนี้ก็จะเห็นได้ว่าแท่งที่เป็นสีแดงจะเห็นได้ว่าอยู่ในแดนบวกตัวที่ยังคงเป็นบวกต่อเนื่องก็คือเรื่องของการบริโภคพลักษณ์กระชนตัวแท่งที่เป็นสีเขียวเข้มรวมถึงในแง่ของเรื่องของการส่งออกบริการก็คือเรื่องของการท่องเที่ยวเพราะฉะนั้นเครื่องยนต์มันจะไม่ได้โหลดออนสเซคเตอร์ใดสเซคเตอร์หนึ่งเหมือนที่เราเคยเจอมาคือการบริโภคพลักษณ์กระชนท่องเที่ยวแต่ตอนนี้ก็จะมีเรื่องของภาครัฐ แล้วก็เรื่องของการส่งออกสินค้ากลับมาด้วยเพราะฉะนั้นในภาพรวมหลัก ก็คือคล้าย กับในแง่ของ Growthแล้วก็ในแง่ของลักษณะของการเจริญเติบโตก็ค่อนข้างที่จะเป็นไปตามที่เราคาดไว้ในจุดที่ 2 นะครับนี่ที่ผมบอกว่ามี Growth ที่กำลังงอดูGrowth เงินเฟ้อ แล้วก็ในแง่ของสถิธิภาพระบบการเงินส่วนที่ 2 คือเรื่องของเงินเฟ้อพัฒนาการก็คล้าย กับในแง่ของ GDPก็คือใกล้เคียงกับที่เรา คาดไว้เมื่อต้นปีค่อนข้างมากปีนี้ตัวเลขที่เราบอกตัวเลขเงินเฟิร์สทั่วไปอยู่ที่ 0.5ปีหน้าอยู่ที่ 1.2แล้วก็จะกลับเข้าสู่ในช่วงขอบร่างของกรอบเป้าหมายเงินเฟิร์สในช่วงปลายปีแล้วก็เราคาดว่าจะอยู่ในระดับต่ำก็คือใกล้ กับขอบร่างไปเนื่องจากปัจจัยเชียงโครงสร้างไม่ว่าจะเป็นเรื่องของตลาดแรงงานเองที่เราค่อนข้างยืดหยุ่นโครงสร้าง สินค้าการนำเข้าที่สินค้านำเข้าถูกเนี่ยมาเยอะขึ้นนะครับอันนั้นก็จะเป็นเรื่องของเงินเฟ้อที่เราคาดการณ์ว่ายังอยู่ในระยะต่ำนะครับในระยะข้างหน้าต่อไปนะครับแต่ถามว่ามีความกังวลในแง่ของความเสี่ยงเรื่องของเงินฝืดหรือเปล่านะครับรูปทางด้านกว่ามือเราก็จะทำให้ดูนะครับเรื่องของการเพิ่มขึ้นของราคาเนี่ยก็ยังมีการปรับเพิ่มขึ้นนะครับในหลายหมวดสินค้านะครับก็หมายความว่าสินค้าในส่วนที่ส่วนมากแหละก็ยังมีการปรับเพิ่มสูงขึ้นอยู่รายได้ของคนเองก็ยังโตเป็น เป็นบวกอยู่นะครับ รวมถึงเรื่องของเงินเฟ้อคาดการณ์นะครับก็ยังค่อนข้างใกล้เคียงกับเรื่องของค่ากลางของกรอกเงินเฟ้ออยู่เพราะฉะนั้นในแง่ของความเสี่ยงต่อเงินฝืดหรือคนคิดว่าเงินเฟ้อจะปรับลงไปเรื่อยๆหรือว่าสาขาสินค้าที่จะมีเรื่องของปรับลกลงต่อเนื่องตรงนี้เราไม่ได้เห็นอะไรนะครับ เพราะฉะนั้นเนี่ยเงินเฟ้อก็จะเป็นไปตามลักษณะที่เราเคยมองไว้นะครับ มาเรื่องที่กรรมการก็คุยกันตั้งแต่ครั้งที่แล้วคือเรื่องของสินเชื่อลักษณะของสินเชื่อจะเห็นได้ว่ารูปทางด้านซ้ายมือก็จะมีการปรับลดลงจริง เรื่องของการปรับลดลงเราก็มองไว้ในการประชุมครั้งที่แล้วถ้าเกิดใครดูเรื่องของแถลงก็จะเห็นได้ว่ามีเรื่องของภาวะการเงินที่อยู่ในเอกสารอยู่ในแถลงข่าวว่าคณะกรรมการจะติดตามพัฒนาการตรงนี้จริง สิ่งที่เกิดขึ้น จริง ก็บอร์ดลี่ไปตามที่เราเห็นไว้ก็คือมันมีปัจจัยที่กระทบกับการปล่อยสินเชื่อโดยเฉพาะในกลุ่มที่อาจจะเป็นกลุ่ม SMEก็จะมีปัจจัยเรื่องโครงสร้างที่มากระทบอย่างสินเชื่อบางตัวที่เป็นสินเชื่อรถยนต์มันก็มีธุรกิจเรื่องของอุตสาหกรรมรถยนต์เองที่อาจจะมีการชะลอตัวลง มันก็เป็นลักษณะที่เราประเมินไว้แต่แน่นอนกรรมการก็โน้ตว่ามันก็พัฒนาการเองมันก็ไม่ได้ปรับดีขึ้นในแง่ของตัว ของตัวสินเชื่อนะครับ รูปทางด้านกว่ามือก็จะเห็นตัวตัว NPL ก็ลักษณะที่เราติดตามเช่นเดียวกันนะครับก็จะเห็นได้ว่า NPL เนี่ย ในใน อ่า ตัวล่าสุดเนี่ย ก็เริ่มทยอย อ่า เรียกว่าทรงตัวนะครับจะเห็นได้ว่าเส้นในช่วงหลังหลังเนี่ย จะเริ่ม จะเริ่มลาบนะครับ แต่ว่ายังไงก็ดีเนี่ยคณะกรรมการก็ยังดูว่าระดับของ NPL ก็อยู่ระดับที่ค่อนข้าง ยังอยู่ระดับสูงอยู่นะครับแล้วก็ประเมินว่าจริงจริงเนี่ย มันก็จะมีเรื่องของ สิ่งที่เราเคยช่วยเหลือในอดีต ที่ผ่านมามันก็ยังแอดตัว NPLที่เราช่วยเหลือธุรกิจและโครเรือนในช่วงโควิดมันเริ่มทะยอยมาตรการออกไปเพราะฉะนั้นในแง่ของ NPL ถึงที่เราคิดคืออาจจะมีเรื่องของการปรับเพิ่มขึ้นบ้างแต่ว่าค่อนข้างที่จะไม่ได้มากแต่ว่าก็อาจจะมีการทะยอยปรับเพิ่มขึ้นนั่นคือสิ่งที่เรามองไว้ ด้วยพัฒนาการบริบทของเรื่องของภาวะการเงินที่เราเห็นมีพัฒนาการสอดคล้องกับเรื่องของเศรษฐกิจตรงนี้ไปก็จะเห็นได้ว่าเรื่องของกรรมการก็มาดูว่าสิ่งที่ให้น้ำหนักเงินเฟ้อเป็นตามที่เราคาด GDPก็เป็นไปตามที่เราคาดไว้ก็เลย shift เรื่องของน้ำหนักมาดูเรื่องของ Financial Stabilityคือเรื่องของหนี้ครัวเรือนก็มาดูว่าสิ่งที่ดำเนินมาจากสินเชื่อก็อาจจะมีการโตชะลอลง ในแง่ของการลดดอกเบี้ยในครั้งนี้ประโยชน์ก็คืออาจจะช่วยลดภาระของลูกหนี้บรรเทาภาระของลูกหนี้ได้บ้างแน่นอนก็จะมีส่วนที่ได้มากน้อยแตกต่างกันแต่ในภาพรวมมันก็จะได้บ้างแล้วก็ในขณะเดียวกันต้นทุนของการลดดอกเบี้ยในครั้งนี้ก็คือต้องถามว่าเป็นยังไงบ้างคำตอบคือว่าภายใต้บริบทของสินเชื่อที่มีแนวโน้มอาจจะชะลอลง ก็คิดว่าการลดดอกเบี้ยก็จะไม่เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการปรับลดหนี้ครัวเรือนต่อรายได้ถ้าเราดูรูปข้างล่างตรงนี้ก็จะเห็นว่าในช่วงที่ผ่านมาตัวหนี้ครัวเรือนตัวเส้นสีแดงมีการปรับเพิ่มขึ้นมาในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาก็ปรับเพิ่มขึ้นมาแล้วในไตรมาสที่ 2 อยู่ที่ประมาณ 89.6% ถ้าเราดูช่วงที่เราก็เริ่มเห็นการทยอยการปรับลดในแง่ของตัวเด็ดให้ตัว หนี้ครัวเรือนต่อ GDPหลักๆ ถ้าเราลองเบรกมาดูว่า มาแยกๆ มาดูว่ามันมาจากอะไรก็จะเห็นได้ว่าแน่นอนมันมาจากส่วนที่พาระดอกเบี้ยแหละก็เป็นเส้นสี เป็นแท่งสีเทา ซึ่งอันนี้ค่อนข้างโครงที่ก็คือต้องจ่ายหนี้ ก็หนี้ก็จะมีดอกเบี้ยนะครับอีกส่วนหนึ่งก็คือเรื่องของส่วนที่เป็นเรื่องของรายได้ รายได้ที่เพิ่มสูงขึ้นก็คือ GDP นั่นแหละที่มีการปรับเพิ่มดีขึ้นจะเห็นว่า GDP ก็ดีขึ้นก็เลยเป็น Contribution ในแง่ของตัวที่เป็นบวกเป็นลบต่อก็คือช่วยลดในแง่ของตัว Debt ต่อ GDPก็จะเห็นได้ว่าแท่งสีฟ้ามันก็ทำหน้าที่ของมันอยู่มันก็เป็นช่วยที่ลดในแง่ของตัว Ratio ตัวนี้แต่ตัวที่เราเห็นก็คือเรื่องของตัวผลของการคู่ยืมก็คือตัวสินเชื่อมันมีการหดตัวเพราะฉะนั้นตัวนี้เองมันก็ ขยายตัวลดลงก็ช่วยที่ทำให้ตัวในแง่ของตัว Household debt ต่อ GDP มันก็ลดลงอยู่แล้วเพราะฉะนั้นเราคิดว่าการลดต่อเบี้ยในครั้งนี้อาจจะไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการในแง่ที่การปรับลดในแง่ของตัว Household debt ต่อ GDP ในระยะต่อไปในระยะข้างหน้าถ้าเรามองไปข้างหน้าบ้างเนี่ยจริงๆก็ต้องบอกว่าคณะกรรมการเนี่ยก็ยังให้ความสำคัญกับเรื่องของ เรื่องของการปรับลด เรื่องของตัว household debt ต่อ GDP อย่างต่อเนื่องเห็นที่รูปทางด้านซ้ายมือ ถึงแม้ว่าเราจะปรับลดลงในช่วงที่ผ่านมาแต่ในระดับของเรา เราขึ้นค่อนข้างเร็วแล้วก็ยังอยู่ในระดับที่ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับต่างประเทศแล้วก็ในแง่ของนโยบายทางการเงิน คณะคำมการยังเห็นความสำคัญว่า จะต้องอยู่ในระดับที่เป็นกลาง แล้วก็ไม่ต่ำจนเกินไปซึ่งจะทำให้เกิดความสะสมความเสี่ยงในระยะยาวได้รูปทางด้านกว่ามือก็จะเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำเมื่อเทียบกับตัวอัตราตราวิทย์ที่เป็นกลางจะทำให้ในแง่ของตัวหนี้ที่เกิดขึ้นก็จะเกิดขึ้นมาเยอะก็จะเห็นได้ว่าเป็น slope ก็จะเป็นลบก็คือถ้าเกิดดอกเบี้ยยิ่งต่ำเยอะๆถ้าเทียบกับอัตราตาวิทย์ที่เป็นกลางจะทำให้หนี้ครัวเรือนต่อ GDP ในระยะต่อไปจะสูงขึ้นก็ขอสรุปนะครับ ประมาณการในแง่ของเศรษฐกิจก็ตัว GDP ภาพใหญ่ใกล้เคียงกับที่เราประเมินไว้จริง ๆค่อนข้างใกล้กับที่ก็คือ 2.7 ในปีนี้แล้วก็ 2.9 ในปีหน้าแรงคลับเคลื่อนในปีนี้ก็มาจากเรื่องของการบริโภคไพรกระชน แล้วก็ในแง่ของปีหน้าเนี่ย แรงขับเครื่องของเศรษฐกิจเนี่ยก็จะมีความสมดุลมากขึ้นนะครับ ก็จะเห็นได้ว่าการโตที่เป็นการโตก็จะเป็นบวกนะครับ ในทุกองค์ประกอบนะครับแล้วก็ในแง่ของดุลบัญชีเดือนสะพัดนะครับ ก็ปีนี้ก็ปรับลดลงเล็กน้อยนะครับ10,000 ล้านเหรียญตลาดสหรัฐปีหน้าก็ปรับลดลงเล็กน้อยนะครับ ถ้าเทียบกับที่เคยเผยแพร่ไปนะครับ ที่ 16,000 ล้านเหรียญตลาดสหรัฐนะครับ อัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่ 0.5 ปีนี้ และ 1.2 ปีหน้า 0.9 ในปีหน้าครับครับ ขอบคุณครับ เดี๋ยวก็เรียนเชิญคำถามได้เลยครับค่ะค่ะคือ การลดดอกเรียกทางนี้มันทำให้มุมมองของแบงชาติกับรัฐบาลในเรื่องของเศรษฐกิจมันดูจะสอดคล้องกันมากขึ้นหรือเปล่าคือ จะตอบคำถามนะครับ มีการมองว่าดูเหมือนแบงชาติจะคอมเพอร์ไมต์กับรัฐบาลมากขึ้นหลังจากที่มีการหาลือกับรัฐมนตรีคัง แล้วมันจะกระทบต่อความเป็นอิสระในการตัดสินใจของแบงค์ชาติหรือเปล่าเราจะตอบพันๆ อย่างไรอันที่สองคือหลังจากเราลดดอกเบี้ยแล้วกรอบเงินเฟ้อที่เรามอง 1-3 ยังเหมาะสมไหมเพราะว่ามันเป็นช่วงในการที่จะต้องหารือเรื่องกรอบเงินเฟ้อปีหน้าและทางรัฐบาลเองต้องการขยับกรอบเงินเฟ้อขึ้นขอบคุณนะครับการหารือกับรัฐบาลผมว่ามันคงไม่ได้พึ่งหารือหารือกันมาแล้วก็ต้องบอกว่าเรื่องของการได้ เรียกว่า input จากภาคส่วนต่าง เป็นสิ่งที่ทางแบงค์ชาติต้องการอยู่แล้วทางกรรณงอ ก็ได้ input ต่าง ที่เข้ามาแต่ถามว่าเรื่องของการปรับ อย่างที่ได้คุยกันในรอบนี้เราการปรับที่เรา เราดูเรื่องของการปรับสมดุลในแง่ของเรื่องของการดูแล เรื่องของ financial stabilityดูแลเรื่องของหนี้ครัวเรือนนะครับอยากให้เรื่องของกระบวนการที่ การปรับลดหนี้ครัวเรือนต่อรายได้มันสอดคล้องกับ เรื่องของรายได้ และภาระหนี้ของประชาชนเพราะฉะนั้นในแง่ของตรงนี้ ภาพใหญ่ ต้องบอกว่าจริง เรื่องของการพูดคุย มีการพูดคุยกันมาโดยตลอดและจริง สิ่งที่เราเห็น เราก็ติดตาม และดูตามแนวโน้มเรื่องของแนวโน้มที่มองไปข้างหน้าแน่นอนเรื่องมีการพูดคุย ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือภาคอิกระชนก็มีการคุยและให้อินพุทธ์ กับทางแบงค์ชาติ ทางกรณง.ในการเข้ามาประมวลภาพ และเราก็มาประมวลแล้วก็ ในรอบนี้เราคิดว่าสมดุลเนี่ย เราคิดว่ามันมี room ที่จะปรับสมดุลได้รอบนี้ก็สามารถที่จะลดดอกเบี้ยได้อันการเมืองอะไรก็ไม่ได้เป็นแรงกดดันทางด้านการเมือง แต่ว่าจะ take ว่าเป็น input หนึ่งที่ถ้าเขามี comment อะไรที่เราก็มาดูว่า ว่าข้อมูลอะไรที่มีความสำคัญแล้วก็มีความเกี่ยวข้องกับการทำนโยบายส่วนคำถามที่ 2 นะครับ เรื่องของเป้าเงินเฟ้อ เดี๋ยวเป้าเงินเฟ้อจะมีการคุยกัน อีกทีนึงอยู่แล้วนะครับ แต่ก็ต้องขอเรียนว่าเป้าเงินเฟ้อในภาพหลักๆเนี่ยจริงๆต้องเป็นเรื่องของการดูแลเรื่องของเงินเฟ้อระยะยาวนะครับเงินเฟ้อระยะยาวแล้วก็ดูแลเรื่องของความผันผวนของเงินเฟ้อที่เราได้มีการคุยกันไปเยอะนะครับ เงินเฟ้อของไทยเนี่ยความผันผวนเนี่ยมันหลักๆเนี่ยมันมาจากปัจจัยธนอุปฏิฐานแล้วก็มาจากปัจจัยภายนอกเยอะนะครับ เพราะฉะนั้นเนี่ยกรอบเงินเฟ้อที่ดีนะครับควรจะมีความยึดหยุ่นนะครับในการดู ในการที่สอดคล้องกับเรื่องของตัวเงินเฟ้อที่มีความหันผวดนะครับแล้วสิ่งที่ควรให้ความสำคัญก็คือว่าเงินเฟ้อเนี่ยมันไม่ควรจะอยู่สูงเกินไปนะครับเราอยากได้เงินเฟ้อที่มีลักษณะที่เป็นเรียกว่าเป็นไม่ได้สูงเกินไปแล้วก็คือในช่วงแบบเนี่ยผมว่าก็เป็นอะไรที่ช่วยที่ทำให้ทำให้เศรษฐกิจเนี่ยสามารถที่จะช่วยในการ support ในแง่ของการ การทำกิจกรรมทางหน้าเศรษฐกิจเงินเฟ้อที่สูงเกินไปมันก็คงเป็นสิ่งที่เราไม่อยากเห็นขออนุญาตนะครับเอาตัวเงินเฟ้ออีกนิดนึงนะคะว่าที่ว่าเราไม่อยากให้มันสูงหรือว่าอยู่ในระดับนอกสมคือหมายถึงว่าอยู่ในระดับตอนนี้ใช่ไหมที่มันหลุดกรอบหรือระดับ 3% ที่เราวางกรอบไว้ตั้งแต่ต้นแล้วก็ ลืมคำถามเลย มองคุณเจ้าโอเค โอเค ไม่เป็นไรตอนที่เรียนไปผมว่าเราต้องการเราต้องการความ เราต้องการความเราต้องการความยึดหยุ่นนะครับจริง ถามว่าถ้าเราจะกลัวกลัวเงินเฟิร์สต่ำ กลัวเพราะอะไรใช่ไหมครับกลัวว่าจะเกิดความเสียง เรื่องของเงินฝืดใช่ไหมคะถ้ากลัวว่าเงินฝืดคนไม่ไปจับจ่ายใช้สอยเราเห็นตรงนั้นหรือเปล่าผมว่าเราก็คงยังไม่ได้เห็นแต่ว่าแน่นอนในส่วนของเงินเฟ้อที่สูงเกินไปผมว่าเราเห็นข้อเสียแหละต้นทุนของผู้ประกอบการก็จะสูงขึ้น ค่าคลองชีพที่ปัจจุบันเนี่ย ถึงแม้ตัวเลขเงินเฟิร์สอาจจะเห็นว่าตัวเลขมันอาจจะต่ำแต่ว่าจริง ค่าคลองชีพมันขึ้นไปแล้ว แล้วมันก็หลับราคามันค้างอยู่ถึงแม้ว่ามันไม่ได้เปลี่ยนแปลงนักเนี่ย แต่ว่าราคาในแง่ของค่าคลองชีพ ของประชาชนเนี่ย คืออย่างที่ค่อนข้างสูงอยู่แล้วค่ะ นึกได้แล้วค่ะคำถามคือการประจุมครั้งนี้เนี่ยนะคะ ที่ลดดอกเบี้ยเนี่ยกรณงอเนี่ย ให้น้ำหนักตัวไหนมากที่สุดในเรื่องของการลดดอกเบี้ยอีกคำถามนึงเรื่องนี้โคเลียน เรื่องหนี้โครเรือนอยากทับทราบว่าคาดการณีโครเรือนจนถึงสิ้นปีมันจะลดลงจากไตมาส 2 ใช่ไหมคะเราถึงไม่กังวลลดตกเบี้ยได้เราคิดว่าเศรษฐกิจมันจะฟื้นดีกว่าที่คาดนิดนึงจากประมาณการเดิม น้ำหนักนะครับ จริง เมื่อกี้ที่กรรมการเวลาเราทุกครั้งในการดูเรื่องของดอกเบี้ยเนี่ยเราดูหลัก เราดู 3 ด้านใช่ไหมครับนี่เขาอาจจะเน้ม อย่างนี้อยากจะเน้มอีกทีนะครับกันเรื่องของ Growth เรื่องของ Inflation แล้วก็เรื่องของ Finstep ก็คือนี่ เรื่องของหนี้ครัวเรือนนะครับ ถ้าในบริบทปัจจุบันนะครับเรื่องของ Growth เองเนี่ย เป็นไปตามที่เราคาดตัวเงินเฟ้อเองก็ไม่ได้ต่างจากที่เราคาดนะครับเพราะฉะนั้นน้ำหนักในรอบเนี่ย ก็คือเรื่องของตัวหนี้ครัวเรือนนะครับก็คือมาดูตรงนี้แล้วเนี่ย ตรงนี้เนี่ยเราเห็นว่ามันมี มีรูมที่มันจะสร้างเรื่องของสมดุล ของการปรับสมดุลได้บ้างระหว่างตัวภาระหนี้ที่จะลดลง ของลูกหนี้กับกระบวนการลดหนี้ของครัวเรือน ที่ได้เรียนไปคือตัว Household debt ต่อ GDPซึ่งมองไปข้างหน้า เราคาดการณ์ว่ามันน่าจะปรับลดลงไปได้จากพัฒนาการของสินเชื่อในช่วงที่ผ่านมาเพราะฉะนั้นในแง่ของอัตราดอกเบี้ยนอาจจะไม่ได้มีความจำเป็น ต้องช่วยตรงนี้อีกเพิ่มเติมเท่าไหร่นัก ณ ภาวะปัจจุบันนี้ถามผลกระทบ ค่ะก็น้องอ้อมีการประเมินผลกระทบ จากการที่เราตัดสินใจลดดอกเบี้ยรอบนี้จะมีผลกระทบกับเรื่องของคุณภาพสินเชื่อ และการปล่อยสินเชื่อจากเดิมที่มีปัญหาอยู่แล้วว่า ปล่อยต่ำอยู่แล้ว อัตราการขยะ ตัวของสินเชื่อภาพรวมเนี่ยต่ำอยู่แล้วเนี่ย ถ้ารถอบเบี้ยงไปอีกเนี่ยอาจจะมีผลกระทบด้านเนี้ย เพิ่มเติมหรือเปล่าแล้วก็อีกด้านหนึ่งอะค่ะ เอ่อ กรณงอมีการประเมินในเรื่องของตัวของภาพรวมของ ในครึ่งปีหลังเนี่ย มีการเปลี่ยนแปลงไปยังไงหรือเปล่าเพราะว่า statement รอบนี้ไม่ได้มีการอธิบายหรือว่าขยายความเกี่ยวกับเรื่องของเรื่องของส่งออกหรือว่าท่องเที่ยวที่เคยแบบใช้เป็นปัจจัยหรือว่าเป็นเหตุผลหลักในการใช้โครงดอกเบี้ยมาโดยตลอดอะค่ะแล้วก็อีกอันหนึ่งอะค่ะการลดดอกเบี้ยรอบเนี่ยค่ะจะมีผลกับการ เร่งตัวของคุณภาพการด้อยของสินเชื่อนเนี่ย เพิ่มขึ้นหรือเปล่าอันตอบคำถามที่ 2 ก่อนแล้วกันนะครับเรื่องเดี๋ยวคงมีคันขยายความเพิ่มเติมพอดีในแง่ของ Statement มันก็มีที่จำกัดแล้วอาจจะอยากจะ Highlight ในบางเรื่องที่คิดว่าสำคัญแต่ในภาพใหญ่เนี่ยภาพการประเมินเศรษฐกิจไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปก็ต้องขอย้ำอีกครั้งหนึ่งนะครับเราอาจจะพูดหลายครั้งแล้วว่าไม่ได้เปลี่ยนไปจากที่เราได้เคยประเมินไว้ในภาพรวมนะครับเพราะว่า เราเคยถ้าจำได้เราพูดว่าส่งออกจะเริ่มทยอยดีขึ้นในช่วงขึ้นหลังของปีแล้วมันก็มาจากเรื่องของตัววัทธจักรของเลข Electronic Cycleตรงนั้นเราเห็นแล้วเราก็เห็นแล้วตัวเลขส่งออกที่เป็นแถลงข่าวรายเดือนเราก็เห็นตรงนั้นอยู่เรื่องของการบริโภคเพศกระชนจริงๆก็เป็นไปตามที่เราคาดเพราะว่ามันเคยขึ้นสูงมันก็จะเริ่มมีการปรับตัวของมันไปสู่ระดับที่เป็นระยะที่ปกติของมัน ก็ยังเป็นแรงขับเคลื่อนที่สำคัญ ทั้งในแง่ของการบริษัทประชนแล้วก็เรื่องของการท่องเที่ยวอีกตัวหนึ่งที่ได้เรียนไปก็คือ เรื่องของการใช้จ่ายภาครัฐเดิมมันเคยเป็นลบ เพราะว่าเบิกจ่าย เงินยังไม่ออกก็เริ่มออกมา เพราะฉะนั้นก็กลับมาเป็นบวกเพราะฉะนั้นในแง่ของตัวภาพของเศรษฐกิจ ผมต้องบอกว่าไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างที่เราเคยประเมินไว้ จริงๆค่อนข้างใกล้มากเพราะฉะนั้นน้ำหนักเราเลยไม่ได้ให้การเขียน อาจจะไม่ได้ ขยายกวามในตัวอะไรที่เพิ่มเติมในการพูดคุยครั้งต่อไปคำถามที่ 2 ผมว่าอาจจะรวมกัน 1 กับ 3 มาจากคล้ายๆ กันนะครับเท่าที่ฟังก็คือว่าการปรับดอกเบี้ยลงผลคืออะไรการปรับดอกเบี้ยลงผลก็คือการลดภาระอันนี้ใช่ไหมครับถ้าเราดูรูปที่เรา รูปนี้นะครับแน่นอนเรื่องของภาระของเขาเนี่ย ไอ้ตรงเทาๆ ก็จะลดลงไปบ้างแต่แน่นอนมันก็ไม่ได้เยอะมากหรอก มันก็ลดลงมาใช่ไหมครับการลดภาระนี่เนี่ย แน่นอนส่วนหนึ่งก็น่าจะช่วยในแง่ของความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้ก็จะดีขึ้นนิดนึงนะครับแต่ในขณะเดียวกันเนี่ยสิ่งที่เรากำลังดูความสมดุลเนี่ยก็คือถ้าเกิดเราลดออกเบี้ยไปแล้วเนี่ยการก่อนี่ใหม่มันจะเป็นยังไงใช่ไหมครับ ก็ต้องเทรดออฟกันสิ่งมันมาทั้งในแง่ของตัวตัวหนี้เก่าแล้วก็หนี้ใหม่เมื่อกี้เราพูดถึงหนี้เก่าลดลงแต่หนี้ใหม่ก็อาจจะก่อเพิ่มขึ้นตัวนั้นเองเนี่ย ถามว่าเราเป็นกังวลไหมคำถามคงเป็นอย่างงั้นมากกว่าว่าเราเป็นความ... ความเป็นกังวลไหมกับตัวหนี้ใหม่ว่าจะเร่งตัวขึ้นคำตอบก็คือว่าจากปัฒนาการในช่วงที่ผ่านมาและเราดูค่อนข้างใกล้ชิดเรื่องของสินเชื่อเราคิดว่าตรงนี้คิดว่าไม่น่าจะมีความเสี่ยงมากนักเพราะฉะนั้นกรรมการเลยชั่งน้ำหนักว่าภาระหนี้ที่ลดลงที่ช่วยลูกหนี้กับเรื่องของกระบวนการการปรับลดเรื่องของ Deliveraging มันเป็นยังไงซึ่งเราเห็นว่ากระบวนการการปรับลดเรื่องของตัวหนี้ครัวเรือนต่อ GDP มันน่าจะเกิดได้ต่อเนื่องในช่วงนี้ ครับ ถามเรื่องการปรับประมาณการ GDP นิดเดียวทั้งปีนี้และปีหน้ามันมีปัจจัยอะไรเข้ามาซัพพอร์ตตรงนี้บ้างปัจจัยที่มีมาซัพพอร์ตตัวนี้จริง ก็ จริงๆปรับไม่ได้ไม่ได้เยอะมากนะครับก็ทั้งในแง่ของของปีนี้เนี่ยจะเห็นได้ว่าตัวที่มีการปรับเพิ่มขึ้นนะครับก็จะมีเรื่องของการการส่งออกนะครับปรับเพิ่มขึ้น แต่มันก็ไม่ได้เยอะมากนะครับ แล้วก็มีเรื่องที่ปรับลดลงบ้างนะครับจากเรื่องของ investment ก็คือการลงทุนที่ตัวเลขจริงที่ออกมาอาจจะแยกกว่าที่คาดไว้บ้างนะครับ แล้วก็ส่วนเรื่องการบริเวษกระชนเนี่ยค่อนข้างใกล้เคียง ใกล้เคียงกับที่คาดนะครับเพราะฉะนั้นเนี่ย โดยภาพรวมเลยไม่ค่อยต่ำมากนักนะครับ ครบคู่กันไป ตอนนี้กรรมการให้ลักษณะของความเสี่ยงก็เป็นลักษณะสมดุล เรายังมีตัวมาตรการที่อาจจะออกมาเพิ่มมากขึ้นของภาครัฐ รวมถึงเรื่องของอุปสรงโลกอาจจะชะลอตัวลง การส่งออกที่เราเห็นดีขึ้นถ้าเกิดมีประเด็นมีอะไรขึ้นมา เศรษฐกิจโลกถ้าเกิดมีสงคราม มีเรื่องของ Geopolitics เพิ่มเติมขึ้นจะเป็นยังไงเพราะฉะนั้นผมว่ามันเป็นเรื่องการปรับ ดอกเบี้ยในรอบนี้ในแง่ของเศรษฐกิจมันไม่ได้เข้าไปมากขนาดนั้นก็คือเศรษฐกิจมันค่อนข้างที่จะใกล้เคียงมากในแง่ของตัวเบสไลน์นะครับอย่างน้อยในแง่ของตัวเบสไลน์ใกล้เคียงมากกับที่เราเคยคาดไว้ถามเพิ่ม GDP ค่ะแต่การปรับ GDP ขึ้นมาอยู่ที่ 2.7% เนี่ยอันนี้มันจะสร้างความสัมสนให้ตลาดหรือเปล่าเพราะว่าในช่วงที่กรณงอลดประมาณการ GDP ตอนนั้นเนี่ยเราก็คงดอกเบี้ยแต่พอตอนนี้เนี่ย เราขึ้น GDP แต่เรากลับรถดอกเบี้ยอันนี้มันจะสร้างความสับสนให้กับตลาดหรือเปล่าครับ อย่างที่ได้เรียนเวลาเราทำนโยบายเราภายใต้กรอบเงินเฟ้ออย่างยุ่นเพราะฉะนั้นอย่างที่บายไปในตอนแรกกรอบในการทำนโยบายเราดูทั้ง 3 ด้านจริงๆ ในแง่ของตัว Growth แง่ของ GDP มันเป็นไปตามที่เราคาดไว้แล้วการปรับรถดอกเบี้ยในครั้งนี้กรรมการส่วนใหญ่ที่ปรับรถก็คือ คือยังเห็นว่าปรับรถแล้วเนี่ย ดอกเบสที่ปรับรถลงเนี่ยยังเป็นกลางต่อ แนวโน้มของเศรษฐกิจและเงินเฟ้ออยู่เพราะฉะนั้นเราไม่ได้ไปโซนที่เรียกว่าไปกระตุ้น ไปอะไรถ้าพูดภาษาอังกฤษไม่ได้easing cycle พูดง่ายๆก็คือไม่ได้เป็นการลดแบบเป็นเรื่อยๆนี่เป็นการแค่เป็นเรื่องของการ recalibrateเรื่องของอัตราดอกเบี้ยนโยบายก็คือถามต่อจากเมื่อกี้ก็คือแสดงว่าเราจะไม่ได้เห็นการลดดอกเบี้ยที่ต่อเนื่องจะเป็นการลดแล้วก็หยุดเพื่อเราดูข้อมูล ข้อมูลใช่ไหมครับใช่ครับถามตัว GDP ต่อเนื่องนะคะตัว Digital Wallet หนึ่งหมื่นเนี่ยเราได้ประเมินหรือรวมเข้ามาในนี้บ้างหรือยังแล้วก็ปีหน้าที่เราปรับลดอันนี้เรามองยังไงคะกับการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลนะคะตัวเงินโอนนะครับเงินโอนอาจจะเรียก Digital อาจจะเรียกเป็นเงินโอนละกันในที่โอนที่ไปรอบนี้เรามีการ การเข้าเทคเข้าไปในรวมเข้าไปในประมาณการเรียบร้อยแล้วนะครับผลก็จะเห็นแล้วแล้วก็อาจจะพลาดไปถึงปีหน้าบ้างนะครับมันก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ปีหน้าฐานก็เลยสูงขึ้นนะครับการปรับลดของปีหน้าส่วนหนึ่งก็เป็นเรื่องของผลของฐานที่ที่มีการมีการตัวตัวตัวตัวเงินโอนได้เข้าไปก็จะเข้าไปอยู่ในการบริโภคไพ ยังมีความไม่แน่นอน ในแง่ของตัวรูปแบบของตัวมาตรการ เราใส่ไปบ้างแต่ว่าใส่ในลักษณะที่อาจจะยังไม่ได้เต็มที่นักมีการใส่ไปบ้าง แต่ไม่เต็มที่นักก็ขอรอความชัดเจนตรงนี้อีกนิดนึงก่อนที่จะใส่ไปเพิ่ม ออกให้อายความจาก ที่หาลือกับทางคลังว่า Output สำคัญที่กรณงอหรือที่แบงชาติรับฟังOutput สำคัญจากทางกระทรวงคลังคลังคือประเด็นไหนในเมื่อกรรมการทั้งเสียงส่วนใหญ่และเสียงส่วนน้อยก็ต่างมองว่าสภาพอัตราดอกเบี้ยทั้งเดิมและที่ปรับหลดคือ No True แล้วคือเอาอะไรมาวัดที่เป็นตัวชี้สำคัญว่ารอบนี้ตัดสินใจที่จะเป็นทางที่สุด ที่จะลดในเมื่อครั้งก่อนๆเนี่ยก็เคยมองว่าอัตรานี้มันเหมาะสมแล้วมันโนโลทั่วแล้วอะค่ะก็เลยสงสัยว่าเอาผู้สำคัญที่กรรมงอรับฟังรอบนี้คืออะไรเพราะว่ามันอยู่ในทามิ่งที่สังคมอาจจะจับตามองเกี่ยวกับเรื่องของแรงกดดันภายนอกกับเรื่องของภายในแปลงชาติอะค่ะผมว่าแรงกดดันมันเจอมาโดยตลอดอยู่แล้วนะครับผมว่ามันคงไม่ได้ก็เรื่องปกตินะครับเป็นเรื่องที่คุยกันอยู่แล้วผมว่าอันนั้นประเด็นแรกนะครับ สิ่งที่เราติดตามก็คือพัฒนาการในแง่ของตัวภาวะเงินที่เราก็ได้มีการคุยกันอยู่แล้วล่ะเรามีการบอกว่าเราจะดูตรงนี้เป็นพิเศษอยู่แล้วในแง่ของตัวพัฒนาการ ในแง่ของภาวะเงินการโตของสินเชื่อเรื่องซึ่งเราเห็นว่าตรงนี้ต้นทุนของการลดดอกเบี้ยในครั้งนี้ในแง่ของสมดุล ในแง่ของ benefit กับ cost ของมันก็คือ benefit ตัวข้อดีก็คือลดภาระของลูกหนี้ แต่ในแง่ของต้นทุนก็คือว่า มันอาจจะไปทำให้เป็นอุปสรรคต่อกระบวนการการลดเรื่องของตัวนิขัวเรือนต่อ GDPแต่ตรงนี้เราประเมินว่าภายใต้บริบทที่มันเปลี่ยนไปบริบทที่มันเปลี่ยนไปคือสินเชื่อมีแนวโน้มที่จะชะลอ โตชะลอลงในระยะข้างหน้าอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นความจำเป็นในการที่จะเอาดอกเบี้ยไว้ในระดับที่เดิมจึงน้อยลงและในขณะเดียวกันการเอาลงมามันยังค่อนข้อ ตอบครองกับระดับดอกเบี้ยที่เป็นกลางต่อเศรษฐกิจก็คือไม่ได้ไปกระตุ้น ถ้ากระตุ้นก็คือไปเพิ่มเรื่องของหนี้ครัวเรือน เรื่องของอะไรเพราะฉะนั้นเราจะคิดว่ามันมีรูมที่จะปรับลงมาเมื่อมองกับหลาย อย่างและหลาย อย่างมันก็มีเรื่องของภาวะการเงินโลกที่มีการเข้าสู่ Instinct Cycleแต่มันก็ไม่ใช่เป็นปัจจัยหลักแหละแต่ว่ามันเป็นปัจจัยที่มองแล้วมันไม่เป็นอุปสรรคต่อการปรับลดดอกเบี้ยในครั้งนี้ครั้งจริงมันมีหลายปัจจัย แต่ว่าเราพยายามจะสรุปให้เห็น เรื่องของค่าเงินบาทด้วยหรือเปล่าครับ การลดอันตราดอกเบี้ยข้างนี้จริงๆ มีผลหรือเปล่า ผมว่าเดี๋ยวตลาด จริงๆ เวลานี้ก็คงเห็นอยู่แล้วล่ะพอดีผมอาจจะไม่ได้มีตัวเลข แต่ว่าสิ่งผมว่าตลาดที่เขาคาดกันไว้เนี่ยเขาก็มีการคาด ถ้าแรงชาญมีการปรับ แล้วก็ surprise ของตลาดหรือเปล่าตลาดก็จะบอกเราเองว่าเป็นยังไงนะครับ สินเชื่อที่คาดว่าจะชะลอลงแต่ดูแนวโน้มแล้วทั้งปีจะติดลบไหมคะแล้วสินเชื่อใหม่ล่าสุดที่บอกว่าเริ่มติดลบนี่คือติดลบเท่าไหร่อ่ะคะโตชะลอลง โตชะลอลง โตชะลอลง โตชะลอลงเรื่องของ สินเชื่อผมว่ามันมีพัฒนาการที่คงต้องดูต่อเนื่องไปมันไม่ได้สามารถที่จะบอกได้ว่าเดี๋ยวมันจะโตชะลอลงเพราะว่าจริงๆในแง่ของภาพของเศรษฐกิจเองก็ยังปรับดีขึ้นมันคงมีหลายปัจจัย เพราะว่าตัวสินเชื่ออย่างบางตัวที่เป็นสินเชื่อลด มันไม่ได้เกี่ยวกับเศรษฐกิจขนาดนั้นมันเป็นเรื่องของการเข้ามาของอุตสาหกรรมที่เข้ามาเจอเรื่องของรถจนไฟฟ้ามันก็ทำให้ราคาของรถมีการปรับตัวยเยอะ การปล่อยสินเชื่อก็เลยทำได้ยากหรือว่ายังกรณีหลายๆตัวมันเป็นปัจจัยเชิงคงสร้างอยู่แล้ว หลายๆตัวก็เป็นคล้ายๆกับว่าสิ่งที่แบงค์เคยช่วยเหลือลูกหนี้ไว้ ช่วงนี้ก็ปล่อยมา เพราะฉะนั้นในแง่ของมองไปข้างหน้าต้องบอกว่า ก็เป็นปัจจัยที่ต้องดูว่า development จะเป็นยังไงขออนุญาตคือภาพรวมยังไม่ได้มองว่าจะถึงกับหดตัวใช่ไหมคะ สิ้นปีนี้ค่ะ ภาพรวมเราก็คงคิดว่า คิดว่า คิดว่าคือโตแบบชะลอลงนะครับก็คือโตอยู่แต่ว่าโตแบบชะลอลงครับอีกคำถามนึงค่ะ การลดดอกเบี้ยครั้งนี้เนี่ยกรณงอได้ประเมิดไหมคะว่า มันจะส่งผ่านไปสถาบันการเงินแล้วก็เข้าสู่ประชาชนใช้ระยะเวลาอย่างไรบ้างคะ เราก็คาดหวังว่าจะมีการส่งผ่านนะครับถ้ามีการรถดอกเบี้ยเราก็คาดหวังว่าจะมีการส่งผ่านแล้วก็คาดหวังว่าการส่งผ่านก็คงในอัตราที่ใกล้เคียงกับที่เราเคยเห็นนะครับก็จะเกือบประมาณเกือบครึ่งนึงนะครับนั่นก็คงเป็นสิ่งที่เราต้องติดตามต่อไปว่าจะเป็นยังไงเราก็คาดหวังว่าจะส่งผ่าน เราจะต้องมีมาตรการเสริมอะไรไหมคะในเรื่องของการที่จะให้สถาบันเงินเรื่องหนี้ครัวเรือน เรื่องอะไรอย่างนี้ค่ะครับ นึกบอกว่าจริงๆเรื่องหนี้ครัวเรือนเราพูดเยอะแล้วก็แบงค์ชาติให้ความสำคัญอยู่แล้วจริงๆ พอดีวันนี้เป็นเรื่องแถลงเรื่องของดอกเบี้ยแต่จริงๆ เนี่ย ได้ตัวที่เรา ให้ความสำคัญอยู่ก็คือเรื่องของการช่วยเหลือลูกหนี้ผ่านการปรับโครงสร้างหนี้เนี่ยซึ่งมันเป็นการแก้ที่ตรงจุดนะครับ จริงๆเนี่ยก็ยังเป็นการผลักดันอยู่อย่างต่อเนื่องหรือการปล่อยสินเชื่อที่เป็น SME คำถามว่าลดดอกเบี้ยไปเนี่ยก็คงไม่ได้ช่วย ในแง่ของการปล่อยสินเชื่อของ SME เท่าไหร่นักถ้าเขามีปัญหาที่เป็นเรื่องอื่นๆจะเป็นเรื่องของเครดิตเรื่องของการที่จัดตั้ง เรื่องของการค้ำประกันตัวสินเชื่อก็ยังเป็นสิ่งที่จำเป็นต้องผลักดันขอบคุณครับโอเค ขอบคุณนะครับ สำหรับวันนี้ ขอบคุณครับ