Transcript for:
ฟีเจอร์ใหม่ใน iOS 18

ยิ่งกว่าความเร็ว มากกว่าความแรง เพราะตัวจริงมี 1 เดียว AIS 5G ยกระดับการปกป้อง iPhone 16 ด้วยกระจก Ableman คุณภาพเดียวกับหน้าจอ iPhone สวัสดีครับ อู๋ Spin9 ครับ คุณผู้ชมครับ สัปดาห์นี้นอกจากที่จะเป็นวันขายของ iPhone 16 แล้วนะครับ ผู้ใช้ iPhone เดิมทั้งหมดที่ลง iOS 17 อยู่ สามารถที่จะอัปเดตมาเป็น iOS เวอร์ชั่นใหม่หรือว่า iOS 18 ได้นะครับ คลิปนี้ผมจะเล่าให้ฟังครับว่า iOS 18 หลังจากที่คุณผู้ชมกดอัปเดตแล้ว เราสามารถที่จะปรับแต่งอะไรกับมันได้บ้างนะครับ รวมถึงมีฟีเจอร์อะไรใหม่ให้กับ iPhone เดิมของเรานะครับ แต่เราคนที่ยังไม่ตัดสินใจอัปเกรด iPhone ใหม่ในปีนี้ อย่างน้อยๆ iPhone เครื่องเดิมของเราได้ซอฟต์แวร์ใหม่อย่าง iOS 18 เข้าไป ทำอะไรเพิ่มเติมได้บ้างนะครับ เรามาชมคลิปนี้กันครับ อัปเดตมาเป็น iOS 18 นะครับ สำหรับผู้ใช้ iPhone ที่มี iOS 17 อยู่เดิม ไม่ว่าจะถือรุ่นไหนอยู่ ถ้าเครื่องเราลง iOS 17 ได้ อัปเดตมาเป็น iOS 18 ได้ทุกรุ่นนะครับ อัปเดตมาเสร็จเราจะยังไม่ค่อยเห็นความแตกต่างมากมายนักนะครับ แต่จริง แล้วปรับแต่งได้เยอะมาก ผมเอาเรื่องหน้าตาก่อนแล้วกันนะครับ ล็อกสกรีนที่เราตั้งไว้เป็นล็อกสกรีนเดิมนี้ ปลดล็อกมาเราเจอกับไอคอนหน้าตาเดิมแบบนี้นะครับ มันสามารถปรับแต่งได้เยอะมากขึ้นเลยนะครับ เราจิ้มหน้าจอแช่ไว้แป๊บหนึ่งนะครับ แล้วกดปุ่ม Edit ซ้ายบนครับ Customize นี่เป็นปุ่มใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนนะครับ อันที่ผมชอบมากแล้วผมปรับแต่งเป็นอย่างแรกเลยหลังจากที่อัปเดตมาเป็น iOS 18 ก็คือผมทำให้ไอคอนมันใหญ่ขึ้นแล้วก็เอาชื่อแอปทั้งหมดออกไปเลยนะครับ โดยที่เราเลือกปุ่ม Large แบบนี้ มันดู Clean ขึ้นนะครับมันดู Minimal ขึ้นนะครับ คือเราคุ้นเคยอยู่แล้วถ้าเกิดเป็นเครื่องของเราเราก็จะรู้ว่าแอปหน้าตาแบบนี้มันชื่อแอปอะไร เราก็ไม่ต้องใช้ชื่อแอปก็ได้นะครับ พอเป็นหน้าตาแอปไอคอนใหญ่ๆ แบบนี้ มันก็ดู Clean มากขึ้น Minimal มากขึ้นนะครับ ผมชอบอันนี้มาก ยังไม่พอแค่นั้นมันยังมี Dark Mode ให้เราเลือกใช้นะครับ เปลี่ยนโทนของไอคอนทั้งหมดให้กลายเป็นโทนสีมืดแบบนี้นะครับ หรือจะเป็นแบบ Automatic ก็ได้นะครับ ช่วงเวลากลางวันจะเป็นไอคอนสีสว่าง แล้วพอเป็นช่วงเวลากลางคืนมันก็จะเฟสเป็นไอคอนสีมืดโดยอัตโนมัตินะครับ อันนี้แล้วแต่สไตล์คนชอบเลย บางคนใช้ Wallpaper สีเข้มหน่อยหรือว่าออกแนวโมโนโทนหน่อย ก็จะชอบไอคอนในแนวสีมืดเป็น Dark Mode หรือเราสามารถย้อมสีไอคอนแอปทั้งหมดได้เลย โดยที่เราเลือกหมด Tinted อันนี้ครับ เลือกได้เลยว่าจะย้อมเป็นโทนสีอะไร สมมุติว่าผมอยากได้โทนสีประมาณนี้ สีเหลืองหน่อย สว่างสดใสหน่อย อันนี้มันย้อมไปหมดเลยไม่ว่าเราจะเป็นไอคอนแอปอะไรก็ตามนะครับ ทั้งหมด จะกลายเป็นสีนี้ บางคนเห็นครั้งแรกก็จะรู้สึกว่าไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ผมว่าถ้าผมเป็นนักพัฒนาแอป แล้วก็มีไอคอนสีที่มันตรงกับบริษัท CI ของเราอยู่แล้ว มาเจอ iOS 18 เปลี่ยนไอคอนสีของบริษัทเรา หรือว่าโลโก้แอปเรา กลายเป็นสีอะไรไม่รู้แบบนี้ ก็อาจจะปวดหัวได้นะครับ แต่ว่าในมุมของผู้ใช้เราเลือกได้อิสระมากนะครับ มันจะได้เข้าทีมกันกับ Wallpaper ที่เราเลือกใช้ หรือว่าเข้าทีมกับวันนั้นๆ หรือว่ามูดในวันนั้นของเราสามารถที่จะเปลี่ยนได้อย่าง อิสระมากขึ้นนั่นเองครับ นอกจากปรับโทนสีต่างๆ ปรับให้แอปมีขนาดใหญ่แล้วก็ไม่ต้องแสดงชื่อแอปได้แล้ว เรายังสามารถจัดเรียงแอปแบบที่ไม่ต้องดันทั้งหมดขึ้นไปอยู่ข้างบนเหมือนเดิมได้แล้วนะครับ นั่นก็คือผมอยากจะเอาไอคอนนี้มาอยู่ด้านล่างตรงไหนก็ได้ จะเว้นพื้นที่ว่างตรงไหนก็ได้ของหน้าจอนะครับ หรือว่าวิจเจ็ตพวกนี้จะมาอยู่กลางจอไม่ต้องดันขึ้นไปข้างบน มาอยู่ด้านล่างตรงนี้สามารถทำได้หมดเลย จัดเรียงตำแหน่งได้แบบอิสระมากขึ้น ถ้าเกิดก่อนหน้านี้ iOS ก็จะบังคับให้เอาไอคอนทุกอย่างกองขึ้นไปด้านบนทั้งหมดเลยใช่ไหม ตอนนี้ทำได้อิสระแล้วครับ นอกจากนี้วิจเจตที่มีหลายขนาดได้อย่างเช่นแอป Wester แล้วกัน จริงๆ แล้วมันสามารถที่จะปรับเปลี่ยนหลายขนาดได้นะครับ เราสามารถลากแบบเร็วๆ ได้เลยอย่างนี้นะครับ เปลี่ยนขนาดของวิจเจตได้เลยนะครับ ก็สะดวกสบายมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้ Control Center หน้าตาใหม่ด้วยนะครับ เวลาที่เราลากจากมุมขวาบนลงมาฟึก นี่หน้าตาใหม่เลยนะครับ เป็นแบบกลมๆ มากขึ้นนะ แต่ละไอคอนนี้เป็นวงกลมแทบจะทั้งหมดเลยนะครับ แต่ละอันในนี้ Custom ได้เช่นเดียวกัน แล้วก็มีหลายหน้าต่างเช่นเดียวกันนะครับ เขาแบ่งออกเป็นหน้าหลักๆ อย่างเช่น Favorite ที่เป็นหน้าหลักแบบนี้ โยกลงมาทีไรก็จะเป็นหน้านี้ตลอดนะครับ เราสามารถเลื่อนปัดทางหน้าขึ้นไปนะครับ กลายเป็นหน้าของ Music อย่างเดียว หรือว่าเป็น Content ที่เรากำลังรับชมรับฟังอยู่ตอนนั้นนะครับ เราพลิกขึ้นมาอีกทีเป็นเรื่องของ HomeKit หรือว่า Smart Home อย่างเดียวเลยนะครับ เพียวๆ ทางหน้าเลยนะครับ หรือว่าเป็นเรื่องของ Connectivity การเชื่อมต่อต่างๆ Wi-Fi Bluetooth การเปิด AirDrop หรือว่าเปิดปิด Cellular แบ่งหน้าจอออกมาเป็นหมวดหมู่อย่างชัดเจนแบบนี้ ยังไม่พอแค่นั้นเราสามารถที่จะเพิ่มหน้าได้ด้วย ด้วยการกดแช่ไว้แล้วก็ Add Control เข้าไปนะครับ เราสามารถที่จะเลือกเอาเมนูอะไรก็ได้นะครับ เข้ามาปรับแต่งอยู่ในหน้าจอ Control Center ของเรา ก็จะสะดวก สบายมากขึ้นนะครับ เหมือนกับเรามี Shotcut เพิ่มเติมตามใจของเราได้เลยนะครับ จากที่ก่อนหน้านี้มันถูกจำกัดไว้พอสมควรครับ แล้วพูดถึงปรับเปลี่ยนไอคอนพวกนี้ก็ต้องพูดถึงหน้าจอ Lock Screen นะครับ ที่ก่อนหน้านี้เวลาเราล็อกหน้าจออยู่แบบนี้แตกขึ้นมามันจะมีไอคอน 2 แอปตรงนี้ ฝั่งหนึ่งเป็นไฟฉายฝั่งหนึ่งเป็นกล้องนะครับ ตอนนี้สามารถปรับเปลี่ยนได้แล้วนะครับ เอาซ้ายเป็นอะไรก็ได้เอาขวาเป็นอะไรก็ได้นะครับ โดยการ Edit Lock Screen ครับ แล้วก็ คัสเตอร์ไหม้มันที่ล็อคสกรีน ก็จะเจอแล้วว่าไอคอนซ้ายกับไอคอนขวานี้ มันเลือกเป็นแอปอะไรก็ได้เลยจากเดิมที่เป็นไฟฉาย เลือกเอาเลยครับ บางคนใช้ Smart Home บ่อยนะครับ บางคนใช้นาฬิกาจับเวลาบ่อยนะครับ หรือถ้าเกิดเป็นแอปพวก Third Party ต่างๆ นี้ อาจจะต้องมาใช้แอปพลิเคชัน Shotcut นะครับ เป็นตัวเลือกแทนว่าใช้ Shotcut ในการ Launch แอปที่เราต้องการ หรือว่าคำสั่งที่เราต้องการนะครับ ก็ยืดหยุ่นมากขึ้นนะครับ เขาไม่ได้ Fix ไว้แล้วนะครับ ว่าปุ่มหนึ่งก็เป็นไฟฉาย ปุ่มหนึ่งก็เป็นกล้องนะครับ หรือใครชอบแบบ Clean จะเอาปุ่มออกไปทั้งหมดแบบนี้เลยก็ได้ครับ อีกฟีเจอร์หนึ่งนะครับ ที่มาจากการเรียกร้องของ iPhone User มากมาย ก็คือเขาอยากให้ iPhone สามารถที่จะล็อกแอปพลิเคชันได้ ก็คือเราสามารถตั้งค่าได้ว่า ถ้าเกิดจะเข้าถึงบางแอปได้นี้ จะต้องมีการสแกนใบหน้าหรือว่าสแกน Face ID ก่อน หรือยังน้อย ต้องรู้ Passcode หรือว่ารหัสเข้าเครื่องก่อนนะครับ อันนี้หลายกรณีเลยป้องกันเวลาที่เรายื่น iPhone ของเราให้กับคนอื่น แล้วก็ไม่อยากให้เขาไปเปิดเข้าแอปอะไรมั่วซั่วที่จะไปเจอข้อมูลที่เราไม่ได้อยากให้เขาเห็น เราสามารถที่จะล็อกได้นะครับ อย่างเช่นผมต้องการที่จะล็อกแอป Dropbox กันแล้วกัน ผมกดแช่ไว้เลยครับ ก็จะมีเมนูใหม่ที่เพิ่งมีใน iOS 18 ก็คือ Require Face ID อันนี้ถ้าผมกดเปิดมันก็จะมีให้เลือกว่าจะ Require Face ID ทุกครั้งที่เปิดเพียงอย่างเดียวไหม หรือว่าจะซ่อนแอปนี้จากหน้าจอไปเลย แล้วก็ถ้าเกิดจะเปิดก็ต้อง Require Face ID ด้วยนะครับ ก็คือเป็น 2 ชั้นเลย ผมลอง Require Face ID อย่างเดียวก่อนแบบนี้ ต่อไปทุกครั้งที่เวลาเราเข้าแอป Dropbox มันก็จะต้องการ Face ID หรือว่าต้องการสแกนใบหน้าของเจ้าของเครื่อง iPhone ทุกครั้งนะครับ ก็จะอุ่นใจได้ระดับหนึ่งว่าตอนที่โทรศัพท์เราไม่ได้อยู่ในมือเรา คนอื่นก็จะไม่สามารถเปิดแอปเรามัวซัวร์ได้นั่นเองครับ สมมุติว่าผมมาเปิด Dropbox ที่หลัง มันก็จะต้องการ Face ID หลังจากเจ้าของเครื่องไม่อยู่ใกล้ๆ ก็จะไม่สามารถเข้าแอปนี้ได้ครับ หรือถ้าเกิดป้องกันแบบเหนียวขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง ก็คือเราเลือก Require Face ID แล้วก็เลือกว่า Hide and Require เลย ก็คือซ่อนแอปนี้ไปด้วยครับ ถ้าเกิดเลือกเป็น Option นี้ มันก็จะถามเลยว่าแอปนี้จะถูกซ่อนตัวไปเลยนะ กดแอปนี้ซ่อนตัวออกไป นี่ไม่ใช่เป็นการลบแอปนะครับ แอปนี้ยังอยู่แต่ว่าถูกซ่อนไปเท่านั้นเองนะครับ ทำให้คนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของเครื่องก็จะไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเรามีแอปนี้อยู่ในเครื่องครับ ทีนี้เวลาซ่อนไปมันก็จะไม่ได้โนติด้วยนะ คือเปรียบเสมือนกับไม่มีแอปนี้อยู่ในเครื่องจริง นะครับ แล้วเจ้าของเครื่องอยากเข้าแอปนี้ต้องเข้าไปตรงไหนนะครับ ต้องปัดไปขวาสุดที่ App Library เลยนะครับ แล้วก็เลื่อนลงมาล่างสุดจะมี โฟลเดอร์เทาๆ ตรงนี้ที่เขียนว่า Hidden อยู่ครับ เราถึงจะกดเข้าไปใน Hidden นี้ มันจะต้องการ Face ID ของเจ้าของเครื่อง ในการที่จะเข้าไปในแอปพลิเคชันที่เราซ่อนไว้ครับ แอปใหม่หนึ่งตัวที่มันจะงอกขึ้นมาเลยหลังจากที่เราอัปเดตเป็น iOS 18 ก็คือเป็นแอปที่ชื่อว่า Password ไอคอนจะเป็นรูปกุญแจแบบนี้ ถ้าเกิดใครเคยใช้ Password Manager ของตัว iOS อยู่แล้ว มันจะอยู่ใน Setting ก่อนหน้านี้นะครับ บางคนใช้หลาย Service แล้วก็ จำ Password ไม่ได้หรอก จำไม่ได้หรอกว่าแอปนี้ User Name อะไร Password อะไรของเราทั้งนั้นแหละ ตัวเครื่องมีการ Save เอาไว้ให้นะครับ หรือว่าใครใช้ Safari ใครใช้ Google Chrome มันก็จะมีพวก Password Manager ของตัวเองอยู่แล้วใช่ไหมครับ ใน iOS 18 นี้เขาอำนวยความสะดวกมากขึ้นในการแยกแอป Password ตัวนี้ออกมานะครับ เป็น Password Manager ของเครื่องเหล่านี้แหละ เวลาที่เราเข้าเว็บบราวเซอร์ต่างๆ เวลาเข้าแอปพลิเคชันต่างๆ ที่ต้องใช้การล็อกอิน เราจำ Password ไม่ได้นะครับ ย้อนกลับมาดูในแอปที่ชื่อ Password ตัวนี้ได้ครับ อีกอันหนึ่งที่ปรับปรุงครั้งใหญ่เลยใน iOS 18 ก็คือแอปโฟโต้หรือว่าแอปดูรูปของเรานั่นแหละนะครับ มาถึงวันนี้หลายคนน่าจะมีรูปอยู่ใน iPhone นับพัน นับหมื่นรูปกันอยู่แล้วนะครับ คนนี้เป็น Power User อาจจะทะลุไปถึงหลักแสนรูปเลยด้วยซ้ำนะครับ การที่เราจะจัดการรูปทั้งหมดที่เรามีใน iPhone ไม่ใช่เรื่องง่ายนะครับ และ Apple เองก็ต้องพัฒนาฟีเจอร์ออกมาให้เราสามารถดูรูปต่าง ให้เราสามารถหาเจอนะครับ เรากลับไปดู Memory ย้อนหลังของเรา เราจะได้รู้สึกว่า มันมีการจัดหมวดหมู่เอาไว้เป็นอย่างดีนะครับ อยากหารูปที่ไหน เรานึกอะไรออกว่าเราเคยเจอรูปนี้ เราเคยถ่ายรูปนี้ไว้ เราสามารถที่จะเสิร์ชหาได้ง่าย นะครับ ใน iOS 18 นี้ก็มีการปรับปรุง App Photo นะครับ อย่างหนึ่งที่หลายคนต้องชอบมากแน่ ก็คือมันสามารถที่จะเลือกไม่แสดงภาพ Capture หน้าจอได้แล้วนะครับ ถ้ามันมีภาพ Capture หน้าจออยู่ โอนเงินอะไรต่าง Capture อันนี้ส่งไปบอกคนนั้นอะไรอย่างนี้ มันไม่ค่อยเกี่ยวกับคลังภาพของเราสักเท่าไหร่ คือคลังภาพของเรามีไว้ถ่ายพวกความทรงจำต่างๆ เวลาที่เราไปที่ เราสามารถที่จะเลือกปุ่มนี้ครับ ปุ่มใหม่ที่เป็นรูป ปุ่มลูกศรขึ้นลงตรงนี้นะครับ แล้วก็กด View Option ครับ ติ๊กคำว่าสกรีนชอตออกได้ครับ ภาพสกรีนชอตทั้งหมด ภาพแคปเจอร์หน้าจอทั้งหมด จะหายไปจากไลเบอรี่ของเราเลย ทำให้มันดูคลีนมากขึ้น แล้วเราก็หาของเจอได้ง่ายขึ้นเนอะ อันนี้คืออันหนึ่งนะครับ มันยังคงสามารถที่จะซูมเข้า ซูมออกได้แบบสวยงามเหมือนเดิมนะครับ อย่างนี้ หรือ การค้นหาก็ยอดเยี่ยมมากขึ้นเช่นเดียวกันครับ หลายคนอาจจะยังไม่ค่อยได้ใช้ฟีเจอร์ค้นหาใน Photo Library นะครับ ผมลองให้ดูนะครับ กดค้นหาแล้วเราพิมพ์ของที่เราอยากจะหาลงไปได้เลยนะครับ ตอนนี้มันฉละขึ้นเยอะมากเลย สมมุติผมอยากหาแมว พิมพ์คำว่า Cat ครับ โชว์มาแต่รูปแมวเลย ในไลเบอรี่ทั้งหมดของเรานะครับ คือมันไปโพสเตรดมาหมดแล้วว่า ทั้งหมดทั้ง Photo Library เรา อันไหนที่มีแนวโน้มเป็นรูปแมวบ้างเอามาโชว์ให้ ทั้งหมดแบบนี้เลยนะครับ ยิ่งถ้าเกิดใครมีสัตว์เลี้ยงเป็นของตัวเอง เราสามารถที่จะแท็กได้ด้วยนะครับว่า แมวหน้าตาแบบนี้คือแมวเรานะ ชื่อแมวอะไรนะครับ อย่างเช่นผมทำการแท็กไปแล้วว่าแมวอันนี้ คือแมวผมนะ ชื่อวิสกี้ ถ้าเกิดเราทำการตั้งชื่อให้กับรูปแมวรูปหนึ่งของเราแล้ว มันจะไปหาโฟโต้ลาเบอรี่ทั้งหมดเลยว่า รูปวิสกี้คือรูปไหนบ้างนะครับ และหลังจากนั้นเราสามารถที่จะเสิร์ชด้วยชื่อแมว หรือว่าชื่อคนชื่อเพื่อนเราก็ได้นะครับ ที่เราตั้งไว้ได้อย่างง่ายได้เลยนะครับ ก็คือผมก็พิมพ์ไปเลยว่า ผมต้องการที่จะหาวิสกี้ครับ นี่ครับ ทั้งหมดที่เป็นรูปวิสกี้เอามาโชว์อยู่ตรงนี้หมดเลยครับ อันนี้จริงๆ ไม่ได้เพิ่งทำได้ใน LF-18 นะ แต่สำหรับคนที่ไม่เคยใช้มาก่อนนี้ แนะนำอย่างยิ่งให้ใช้นะครับ มันทำได้กับหน้าคนที่จำได้อย่างละเอียดมากๆ นะครับ ว่าหน้านี้คือคุณพ่อของเรานะครับ เราแท็กชื่อลงไป 1 ครั้งว่าคนนี้คือคุณพ่อนะ ต่อไปเราเสิร์ชว่าคุณพ่อ เจอรูปคุณพ่อตั้งแต่เรามีรูปพ่อใน iPhone ของเรา โชว์ให้ทั้งหมดเลยครับ นอกจากนี้มันยังสามารถใช้ในการ Search สถานที่นะครับ อย่างเช่นผมอาจจะคุ้นๆ ว่ารูปนี้ เราเคยถ่ายที่ Monaco นะครับ เรา Search ชื่อสถานที่เลยว่า Monaco นะครับ รูปที่เราถ่ายที่ Monaco ก็มาโชว์อยู่ตรงนี้ พวกนี้ถ่ายที่ Monaco นะครับ Search ชื่อสถานที่ได้ Search เหตุการณ์ได้นะครับ อย่างเช่นวันเกิดก็แล้วกันนะครับ เรา Search ว่าเป็น Birthday ก็จะเป็นเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับ Birthday นะครับ การเป่าเค้กต่างๆ อะไรก็ได้ที่ดูเหมือนกับจะเป็น Birthday Party นะครับ มาโชว์อยู่ในนี้ อันนี้ตัว iOS เองเอาคีย์เวิร์ดที่เราเสิร์ชไปวิเคราะห์อีกทีหนึ่งนะครับ ว่ารูปใน Photo Library ของเราทั้งหมดนี้อันไหนเข้าข่ายเดียวกันกับคีย์เวิร์ดเราบ้างนะครับ ลองใช้ดูครับ Advanced มากขึ้นกว่านั้นนะครับ กว่าการเสิร์ชหาชื่อคนธรรมดาปกติที่เราเสิร์ช ก็คือเราสามารถเสิร์ชชื่อคนได้มากกว่า 1 คนด้วยอย่างเช่น ผมเสิร์ชรูปผมครับ ก็คือตัวผมเองนะครับ บวกกับซู่ชิง ถ้าเกิดเสิร์ช 2 ชื่อแบบนี้ รูปที่มาโชว์จะเป็นรูปที่มี 2 คนนี้อยู่ในรูป ก็คือจะเป็นรูปคู่นั่นเอง หรือว่าอย่างน้อย มีเรากับซู่ชิงอยู่ในรูปนี้นะครับ คืออาจจะเป็นรูปแบบรูปหมู่หลายคนก็ได้ แต่ว่าอย่างน้อย มี 2 คนนี้อยู่ในรูปนะครับ จะเอามาโชว์ ก็สามารถที่จะหารูปต่าง ได้ง่ายมากขึ้น สะดวกมากขึ้น ลองใช้กันดูนะครับ นอกจากนี้ในหน้าหลักของเขานะครับ ถ้าเกิดเราสกรูลงมาเราจะเจอแถบใหม่นะครับ Interface ใหม่นะครับ ก็จะถูกแบ่งหมวดหมู่ไว้นะครับ ไม่ว่าจะเป็นรูปคนของเราสัตว์เลี้ยงของเรานะครับ Memory ตัวนี้มันก็จะถูกจัดเรียงขึ้นมาโดยอัตโนมัติเหมือนกันว่า Summer ที่ผ่านมาไปไหนกันมาบ้างนะครับ หรือว่าจัดเรียงรูปขึ้นมาตามหมวดหมู่ อันนี้เป็นแบบอัตโนมัติที่มันจะโชว์เราขึ้นมาครับ หรือมันสามารถที่จะจัดเรียงเป็น Trip อันนี้ผมไม่ได้สร้างขึ้นมานะ คือตัว iPhone รู้ครับว่า เดือนไหนเราเดินทางไปอยู่โลเคชั่นที่แตกต่างกันบ้าง แล้วก็นี่น่าจะเป็นทริปท่องเที่ยวนะครับ เขาก็คิวเรทรูปที่เกิดขึ้นจากทริปนั้นๆ เข้ามารวมกัน แล้วก็สามารถที่จะแตะเข้าไปดูได้แบบง่ายๆ นะครับ ว่าช่วงนี้ที่ผมไปโอลิมปิกมาเขาก็จัดเรียงมาว่า เป็นช่วงที่เราอยู่ที่ปารีสนะ ก็เป็นการคิวเรทรูปหรือว่ารวมรูปที่ถ่ายในทริปนั้นๆ ออกมาให้กับเราแบบง่ายๆ เลยโดยที่เราไม่ต้องมานั่งจัดเรียงด้วยตัวเอง อีกอันหนึ่งที่ อัปเดตหน้าตาเช่นเดียวกันก็คือเมนู Setting ของตัวเครื่อง ถ้าเกิดใครคุ้นเคยกับเมนู Setting เข้ามาใน iOS 18 ก็จะเห็นว่ามันมีขนาดที่เล็กลง ถี่มากขึ้นกว่าเดิม เพราะว่าตอนนี้มันก็ปรับแต่ได้เยอะมาก แบ่งหมวดหมู่ได้ดีขึ้นกว่าเดิม ก็คือเขาแบ่งเอา Setting ของแอปพลิเคชันต่าง แยกไป 1 หมวดหมู่เลยที่จะเป็นแอปยาว แบบนี้ แล้วก็แบ่งตามตัวอักษรแล้ว สามารถที่จะสโกรธ์หาได้แบบง่าย ว่า Setting ของแอปไหนก็เข้ามาดูได้ง่ายมากขึ้นกว่าเดิม มีการปรับแต่งหมวดหมู่ใหม่นะครับ โดยเฉพาะในส่วนของ iCloud เมนู iCloud เปลี่ยนไปเยอะมากนะครับ ก็ได้เห็นภาพรวมมากขึ้นนะครับ ว่าพื้นที่ iCloud ของเราถูกเก็บอะไรไปบ้างนะครับ เป็นรูปทั้งหมดกี่ไอเทมนะครับ หรือว่าเป็น Storage เป็น Drive ทั้งหมดนะครับ ความจุเท่าไหร่มีโน้ตเยอะเท่าไหร่นะครับ หรือถ้าเกิดใครเป็น Family Plan ก็จะได้เห็นด้วยนะครับว่า Family Member ของเราใช้พื้นที่ไปเยอะมากน้อยแค่ไหน อันนี้สามารถที่จะวางแผนพื้นที่ของ iCloud มากขึ้น เขาเพิ่งแอบขึ้นราคาไปก่อนหน้านี้นะครับ ก็ดีเหมือนกันที่อัปเดต iOS ออกมาใหม่ แล้วก็เราเห็นภาพรวมของการใช้งาน Storage ของเราที่ดีขึ้นครับ แล้วก็เรื่องสำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็คือเมนูแบตเตอรี่นะครับ แบตเตอรี่ของ iPhone ก็ หลายคนซื้อ iPhone เครื่องหนึ่งมาก็อยากจะ Optimize นะครับ อยากจะชาร์จให้แบตเตอรี่เสื่อมช้าที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยเฉพาะคนที่เสียบชาร์จไว้นานๆ นะครับ เสียบทิ้งไว้เลย ก็จะไม่อยากให้มันดันอยู่ที่ 100% ตลอดเวลานะครับ เราสามารถที่จะ Set Charging Limit ได้แล้วนะครับ อยู่ในเมนู Charging อีกทีหนึ่งนะครับ แล้วก็ Set Charging Limit ได้เลยนะครับ ว่าทุกครั้งที่เราเสียบจะเอาแค่ 85% ไหม จะเอาแค่ 90% ไหมนะครับ เรา Set Charging Limit ตรงนี้ได้เลยครับ ฟีเจอร์ใหม่อีกอย่างหนึ่งนะครับ สำหรับคนไทยที่ ใช้งาน iOS 18 ที่ต้องเน้นว่าเป็นคนไทยเลย เพราะว่ามีฟีเจอร์ใหม่สำหรับคีย์บอร์ดไทยครับ สำหรับคีย์บอร์ดภาษาอังกฤษจริง แล้วพัฒนามาหลายเวอร์ชั่นแล้วนะครับ นอกจากที่เราพิมพ์ปกติ Auto Correct ได้ ไม่รู้ว่าหลายคนได้ใช้หรือเปล่า ก็คือ Swipe Keyboard ภาษาอังกฤษ มันสามารถที่จะ Swipe ตามคำที่เราต้องการพิมพ์ได้แบบนี้ภาษาอังกฤษ แต่ว่าภาษาไทยไม่มาสักที มาแล้วในที่สุดนะครับ สำหรับ iOS 18 นะครับ มี Swipe Keyboard ที่รองรับภาษาไทย เป็นที่เรียบร้อยนะครับ อันนี้ถือว่าเป็นฟีเจอร์ใหม่ครับ ปกติถ้าเราพิมพ์ภาษาไทยเองก็ แป้นมันเล็กกว่าอังกฤษนะ ตัวปุ่มมันเล็กนะครับ โอกาสพิมพ์ผิดก็ค่อนข้างเยอะนะครับ อันนี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกครับ นอกจากการสั่งพิมพ์ด้วยเสียงนะครับ ก็คือใช้นิ้วของเรา สวายตามคำที่เราต้องการได้เลย อย่างเช่นผมมีคำว่า ตัวยางการพิมพ์ด้วยการลากนิ้ว ก็แทนที่จะต้องแบบมา จิ้มเอาทีละตัวอักษรก็ลากเอาตามตำแหน่งที่ปกติเราจะพิมพ์ได้เลย ถ้าเกิดใครเคยใช้สไวท์ภาษาอังกฤษมาก่อนแล้ว มาทำความคุ้นเคยนิดหน่อยเพิ่มเติมกับสไวท์ภาษาไทยก็เพิ่มตัวเลือกครับ คือแต่การที่ปกติเราต้องพิมพ์ก็ผิดบ่อย หรือว่าเราใช้เสียงพิมพ์ในบางสถานที่เราก็อาจจะไม่สะดวกในการใช้เสียงพิมพ์นะครับ เพิ่มตัวเลือกในการสไวท์ภาษาไทยใช้ได้กับคีย์บอร์ดของ iOS 18 ไม่ว่าเราจะอยู่แอปไหนก็ตามนะครับ ใช้ได้แอปแชทต่างๆ แอปเมสเซ็ตต่างๆ หรือว่าพิมพ์งานยาวยาว จดโน้ตยาวยาว ทำได้หมดเลยครับ ฟีเจอร์ของ iOS 18 ที่ผมเล่าให้ฟังกันไป ก็เลือกมาเฉพาะฟีเจอร์ Highlight นะครับ จริง ถ้าเกิดให้เจาะลึกกัน โห ยังมีอีกหลากหลายอย่างมาก เรายังไม่ได้พูดถึง Message นะครับ ยังไม่ได้พูดถึง Safari ยังไม่ได้พูดถึงอีกหลายแอปเลยนะครับ มีฟีเจอร์ในการปรับแต่งรูปที่เพิ่มเติมขึ้นมาด้วยนะครับ ตัวนั้นใครได้อัปเดตแล้วก็ลองไปเล่นกันดูนะครับ มีหลายฟีเจอร์ที่น่าสนใจ แล้วก็ปรับปรุงให้ iPhone เครื่องเดิมของเรา ถึงแม้ว่าหลายคนไม่ได้วางแผนที่จะอัปเดตมาเป็น iPhone 16 ในปีนี้ ที่เพิ่งเปิดตัวมาใหม่ก็ตาม ใช้งานได้สนุกสนาน ผมแถมให้อีกหนึ่งฟีเจอร์สำหรับคนที่ใช้เครื่อง Mac ด้วยนะครับ ไม่ว่าจะเป็น MacBook หรือว่าจะเป็น iMac แบบนี้ก็ตามนะครับ ถ้าเกิดอัปเดตระบบปฏิบัติการมาใหม่นะครับ ที่เขาอัปเดตใหม่เช่นเดียวกันในปีนี้เป็นเวอร์ชั่น MacOS Sequoia นะครับ ตัว Sequoia เองสามารถที่จะเชื่อมต่อกับ iPhone ที่ใช้ iOS 18 ได้แบบไหลลื่นมากนะครับ โดยที่มีฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจตัวหนึ่ง แล้วจะมีไอคอนที่ไม่เคยเห็นมาก่อนตัวนี้เรียกว่า iPhone Mirroring นะครับ ตัวนี้ถ้าเกิดเราเปิดขึ้นมาแล้วเราเองเป็นเจ้าของเครื่องก็คือล็อกอินด้วย Apple ID เดียวกัน ทั้ง iPhone ของเราแล้วก็เครื่อง Mac ของเรา เราจะสามารถเอาหน้าจอของ iPhone มาอยู่บนเครื่อง Mac ได้เป็นครั้งแรกเลย เป็นหนึ่งหน้าต่างในนี้เลยครับ แบบนี้นี่คือทุกอย่างใน iPhone ของผมเครื่องนี้แหละ มาโชว์อยู่บนนี้แล้วเราก็สามารถที่จะใช้เบาส์ในการที่จะควบคุมทุกอย่างที่เกิดขึ้น บนหน้าจอหน้าต่างนี้ได้เหมือนกับเราใช้งานใน iPhone เลยนะครับ ประโยชน์ก็คือก่อนหน้านี้เราจะต้องนั่งอยู่หน้าจอ Mac อยู่คีย์บอร์ด อยู่เมาส์แล้วไม่พอ เราอยากได้บางอย่างใน iPhone ของเรา ก็ต้องหยิบ iPhone ของเรามาปลดล็อค เพื่อที่จะเอาข้อความบางอย่าง เพื่อที่จะเอารูปบางอย่าง เพื่อที่จะแอร์ดรอปอะไรบางอย่าง จาก iPhone ของเราลงเครื่อง Mac ใช่ไหมครับ ตอนนี้ iPhone ของเรามันเป็นหนึ่งหน้าต่างใน Mac ได้แบบนี้นะครับ อันนี้คือพลังของ Ecosystem เขา คือมันทำให้มันสมบูรณ์แบบมากขึ้นนะครับ นี่ก็คือฟีเจอร์ไฮไลท์ของ iOS 18 นะครับ รุ่นไหนได้ไปต่อบ้างนะครับ อย่างที่ผมบอกไปก่อนหน้านี้ก็คือ iPhone รุ่นไหนที่ลง iOS 17 ได้ สามารถอัปเดตมาเป็น iOS 18 ได้ทุกรุ่นเลยนะครับ ก็คือย้อนไปจนถึง iPhone 6s แล้วก็ iPhone XR เลย ถือว่ารอบนี้ Apple ใจดีมากนะครับ ไม่มีรุ่นไหนที่ไม่ได้ไปต่อเลย รุ่นไหนที่ลง iOS 17 ได้ มา 18 ได้ทั้งหมดเลยนะครับ สามารถกดอัปเดตแล้วก็มาเล่นฟีเจอร์ใหม่ กันไปได้นะครับ ส่วนใครที่ถามหาว่าแล้ว AI Apple Intelligence อยู่ไหนนะครับ Apple Intelligence ฟีเจอร์ใหม่ จะตามมาใน iOS 18.1 นะครับ ที่คาดว่าจะเปิดอัปเดตในช่วงเดือนตุลาคมที่จะถึงนี้นั่นเองครับ ก็ต้องอดใจรอกันนิดหนึ่งนะครับ อัปเดตตัว 18 ไปเล่นให้คุ้นมือกันก่อนแล้วเดี๋ยวพอ 18.1 มา ก็จะเริ่มมีฟีเจอร์ใหม่ ของ Apple Intelligence นะครับ ที่เราสามารถแต่งรูปลบบางส่วนของรูปได้นะครับ หรือว่าให้มันช่วยเขียนคำ ช่วยแต่งคำอะไรได้นะครับ ตัวนั้นเดี๋ยวเรามาว่ากันอีกทีช่วงปลายปีนี้ครับ ผมอู๋ Spin9 ครับ แล้วเราพบกันใหม่คลิปหน้า สวัสดีครับ