สวัสดีครับนักศึกษาสำหรับการเรียนในวิชานี้ก็จะเป็นPOL 1100 นะครับเป็นวิชารัฐศาสตร์ทั่วไปนะครับก็จะเป็น การบรรยายโดยอาจารย์สุรพันธรรมสุวรรณนะครับในวิชานี้ก็จะมีอาจารย์บรรยาย 3 ท่านด้วยกันพอหมดจากอาจารย์แล้วก็จะเป็นท่านอาจารย์กิจิธีแล้วก็ท่านอาจารย์เอกสริษฐ์นะครับอยากจะบอกนักศึกษา ว่าวิชา POL 1100 ในวิชารัฐศาสตร์ทั่วไปสำหรับภาคฤดูรรณปีการศึกษา 2562จะสอบวันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคม 2563เวลา 9 นาฬิกา 30 นาที ถึง 11 นาฬิกา 30 นาทีมีเวลาสอบ 2 ชั่วโมง นักศึกษาที่เรียนแล้วเนี่ย อาจจะต้องดู 3 เรื่องด้วยกันนะครับประเด็นที่ 1 ก็คือต้องฟัง Lecture ฟังคำบรรยายนะครับข้อสอบก็จะอยู่ในประเด็นอย่างนี้ข้อที่ 2 ก็คือต้องอ่านตำรานะครับตำราซึ่งรัฐศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยรามคำแหงก็ได้จัดพิมพ์ไว้นะครับมีจำหน่ายที่สำนักพิมพ์ที่หัวหมากนะครับ และประเด็นที่ 3 ก็นักศึกษาต้องติดตามข่าวสารบ้านเมืองเพื่อจะได้เป็น 3 ส่วนที่จะออกเป็นข้อสอบเพราะฉะนั้นในภาคฤดุร้อนนี่นักศึกษาสามารถที่จะไปขอตารางสอบมหาวิทยาลัยเขาก็จะมีตารางสอบรายบุคคลสำหรับวิชานี้ สอบวันเสาร์ที่ 16 พฤษภาคมในช่วง 9 นาฬิกา 30 นาที ถึง 11 นาฬิกา 30 นาทีในการสอบ ฝากนิดนึงนักศึกษาจะต้องใช้ดินสอทั้งหมดเลยนะครับในการระบายลงไปในกระดาษคำตอบ answer sheet นะครับไม่ต้องใช้ปากกานะครับ ใช้ดินสออาจจะเป็นดินสอสีดำๆ นะครับ2B 3B อะไรอย่างนี้นะครับในคราวที่แล้วเราได้เรียนว่าวิทยารัฐศาสตร์นั้นศึกษาเกี่ยวกับเรื่องอะไรนะครับสำหรับกันบรรยายคราวนี้ก็จะต่อในคราวที่แล้วนะครับว่า ในขอบเขตของการศึกษาวิชารัฐศาสตร์ ซึ่งมี 3 ส่วนใหญ่ ๆส่วนที่ 1 ก็จะเป็นเรื่องการเมืองการปกครอง หรือ Governmentส่วนที่ 2 ก็จะเป็นเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ International Relationsส่วนที่ 3 ก็จะเป็นเรื่องของการบริหารรัฐกิจ หรือ รัฐภาษาสนศาสตร์ เป็น Public Administration เรื่องการปกครองหรือ government หมายถึงอะไรเรามาเรียนเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงนี้เน็ตหนึ่งนะครับการปกครองหรือภาษาอังกฤษเรียกว่า government นะครับไอ้คำศัพท์ตัวนี้จะใช้ในความหมายหลักๆ 2 อย่างหมายถึง 1 คือการปกครองนะครับส่วนที่ 2 คำว่า government ก็จะหมายถึงรัฐบาลนะครับอย่างเช่น รัฐบาลไทยก็จะเรียกว่า Thai government การปกครองก็คืออะไรการปกครองก็คือหลักการใช้อำนาจรัฐหลักการใช้อำนาจรัฐหลักการใช้อำนาจรัฐเนี่ยก็จะประกอบไปด้วยสองส่วนใหญ่ๆก็คือ 1. ผู้ปกครอง ประกอบด้วยผู้ปกครอง2. รัฐบาล ก็คือ government นั่นเองก็คือผู้ปกป้องคุ้มครองรัฐคำว่ารัฐบาลส่วนที่สองหลักการใช้อำนาจรัฐก็จะต้องมีผู้อยู่ใต้ปกครองหรือที่เรียกว่าประชาชนหรือพลเมืองเป็นผู้ดูแลในนี้การปกครองมีเป้าหมายเพื่ออะไร การปกครองนั้น หรือ government นั้น มีเป้าหมายเพื่อสร้างรัฐที่ดีให้พลเมืองมีชีวิตที่ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์สุขกับประชาชน ทุกรัฐบาลมีหน้าที่ที่จะต้องทำให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีได้รับประโยชน์สุขเหมือนอย่างกับนักศึกษาประเทศ นักศึกษาที่ ดูในอดีตในสมัยพระมหากษัตริย์ราชการที่ 9เวลาที่ท่านขึ้นสะเด็ดขึ้นของราชอย่างเป็นทางการที่เรียกว่าพระราชพิธีบรมราชาพิเศกก็จะเห็นว่าพระมหากษัตริย์ราชการที่ 9 ท่านก็ตั้งปนิธานคำหนดเป็นที่เรียกว่าปฐมบรมราชโองการบอกว่าเราจะคลองแผ่นดินเพื่อประโยชน์สุขของ ประชาชน อันนี้คือเป้าหมายหลักของทุกรัฐบาลก็คือเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์ของความสุขและก็เพื่อให้บ้านเมืองนั้นมีความสงบสุขร่มเย็นให้มีความเจริญก้าวหน้า ทัศน์เทียมนานาอารยะประเทศทุกรัฐบาลก็ต้องทำหน้าที่อย่างนี้เหมือนกันหมดไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลในสหรัฐอเมริกา รัฐบาลในยุโรป รัฐบาลในอาฟริกา ก็ต่างกัน ก็มีเป้าหมายของการปกครองเช่นเดียวกันรวมทั้งรัฐบาลไทยด้วยนะครับในในการปกครองเนี่ยหรืออาจจะสรุปว่าอย่างนี้ว่าการปกครองก็คือเพื่อให้ประชาชนหนึ่งมีชีวิตที่อยู่ดีมีชีวิตอยู่ดี หมายความว่ามีสภาพแวดล้อมที่ดี มีสภาพแวดล้อมที่ดี มีชีวิตอยู่ดีอันที่สองก็คือ มีเศรษฐกิจที่ดี มีความอยู่ดีกินดีอะไรอย่างนี้รัฐบาลก็ต้องทำหน้าที่อย่างนี้อันที่สาม ให้มีความปลอดภัยรัฐบาลต้อง ให้เกิดความปลอดภัยทั้งภายในประเทศและภายนอกประเทศภายในประเทศก็จะมีตำรวจภายนอกประเทศก็จะมีทหาร มีกองทัพก็ผู้ใดเป็นรัฐบาล รัฐบาลก็ต้องทำหน้าที่ในการปกครองเพื่อแก้ปัญหาให้กับประชาชนและประเทศชาติหมายความว่าทุกประเทศหรือประชาชนทุกแห่งมันก็มีปัญหาเหมือนกันหมดแล้วเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่จะแสดงถึงประสิทธิภาพแสดงถึงความสามารถว่าแต่ละรัฐบาลนั้นจะแก้ปัญหาอย่างไรซึ่งอันนี้เราก็จะเห็นในทางรัฐศาสตร์ก็คือเช่นเวลามีการเลือกตัด เกิดขึ้น อ่า ภาคการเมืองก็จะส่งผู้สมัครอาศาเข้ามาเพื่อที่จะบอกว่าจะแก้ปัญหาประชาชนจะแก้ปัญหาประเทศชาติอย่างไร นะฮะประชาชนมีปัญหามากมาย เรื่องชีวิตความเป็นอยู่เรื่อง อ่า โรคไพรไข้เจ็บและอะไรต่างต่างเรื่องเศรษฐกิจ อ่า ประเทศชาติก็มีปัญหาเรื่องมากมาย เช่น อ่าเกิดซูนามิบ้าง เกิดภูเขาไฟแผ่นดินไหวอะไรต่างต่าง น้ําท่วม ฝน สนแรงอะไรต่างๆ ประเทศก็มีปัญหาเพราะฉะนั้นรัฐบาลก็มีหน้าที่ที่จะต้องดูแลแก้ปัญหาให้ประชาชนและประเทศชาตินะครับในประเด็นเรื่องของ เรื่องของอำนาจของรัฐ พูดถึงเรื่องอำนาจอธิปไตยที่ได้กล่าวไปแล้วว่ายกตัวอย่างสักอันหนึ่งว่าทฤษฎีในทางรัฐศาสตร์ เช่น อธิษฎีว่าด้วยอำนาจอธิปไตยก็จะมีนักคิดที่ชื่อว่า ชองโบแดง เขาเป็นนักปราศฝรั่งเศส ในศตวรรษที่ 16ได้อธิบายว่าเมื่อเกิดรัฐขึ้น รัฐนั้นก็จะมีอำนาจอธิปไตยที่สุด อำนาจ เรียกว่า อำนาจรัฐ หรือ เรียกว่า อำนาจอธิปไตยแล้วถ้าอำนาจอธิปไตย อำนาจอธิปไตยนั้นเป็นของใคร ก็จะเรียกการปกครองนั้นอย่างเช่น ยกตัวอย่างว่า ในหลักของการปกครอง ถ้าอำนาจเป็นของพระมหากษัตริย์ในทฤษฎีอำนาจรัฐเป็นของพระมหากษัตริย์ในหลักรัฐศาสตร์ก็จะเรียกว่าระบอบการปกครองสมบูรณายาสิทธิราช หรือเรียกว่า Absolute Monarchyหรือเรียกว่าระบอบราชาธิปไตยหมายความว่า ประเทศนั้นก็จะมีพระมหากษัตริย์เป็นรัฐบาลหรือรัฐบาลนั้นก็จะเรียกว่าพระมหากษัตริย์ซึ่งปัจจุบันก็ยังมีอยู่ แต่น้อยแล้วในบรรดาประเทศยกตัวอย่าง ในอาเซียนของเรานี่ก็จะมีประเทศ Brunei อย่างนี้นะฮะ ประเทศ Brunei ก็ยังคงปกครองด้วยระบอบสมบูรณายาสิทธิราชพระมหากษัตริย์ก็จะเรียกว่า องค์สุรต่านก็จะเป็นรัฐบาลในการปกครองประเทศก็จะเรียกว่าระบอบสมบูรณายาสิทธิราชส่วนที่สอง อำนาจรัฐเป็นของบุคคลที่เรียกว่าระบอบ หรือขณะบุคคลเรียกว่าระบอบอำนาจนิยมหรือระบอบผลิตการ ซึ่งในระบอบอำนาจนิยมหรือระบอบผลิตการเนี่ย ก็จะมีแบ่งเป็นระบอบผลิตการฝ่ายซ้ายเรียกว่า Communist ก็คือเน้นมวลชน ระบอบผลิตการฝ่ายขวา เรียกว่า แบบฟาซิส เน้นเรื่องรัฐ เรื่องความมั่นคงของรัฐเป็นการปกครองแบบทหารก็มีในหลายๆ ประเทศก็ยังมีอย่างนี้อยู่ส่วนที่สาม อำนาจรัฐเป็นของประชาชน อำนาจรัฐเป็นของประชาชน หรือประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปติก็จะเรียกว่าระบบประชาธิปติ หรือ Democracyคำว่าอำนาจเป็นของประชาชน ซึ่งประเทศไทยได้นำมาใช้ตั้งแต่วันที่ภายหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2475 นั้นเนี่ยเราจะเห็นตัวอย่างในหลายๆประเทศ อย่างเช่นประเทศอังกฤษ เวลาที่เขาถือว่าการปกครองเขาเป็นระบบประชาธิปไตยเวลาเขาจะตัดสินเรื่องอะไรที่สำคัญของประเทศเขาก็จะต้องถาม ประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยรัฐบาลเองในระบอบประชาธิปไตยต้องถือว่าเป็นตัวแทนของประชาชนรัฐบาลไม่ใช่ประเทศนะคำว่าประเทศ เหตุนั้นต้องเป็นรวมก็คือทั้งประชาชนและรัฐบาลก็เป็นตัวแทนของประชาชนอย่างในกรณีของประชาชนอังกฤษของเดิมถ้าเราจะดูว่าอังกฤษนั้น อยู่ในสมาชิกของที่เรียกว่า EU สหภาพของยุโรปในยุโรปแต่เมื่ออยู่ไปแล้วก็เห็นว่ามันไม่เป็นที่พอใจ มีประเด็นปัญหามากมายก็อยากจะออกจาก EUก็ต้องถามประชาชน ซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยก็เรียกว่า จะถามด้วยวิธีอะไรในหลักรัฐศาสตร์ก็คือเรียกว่า การออกเสียงลงประชามติ ประชามาติว่าจะออกจาก EU หรือไม่ออกจาก EU อย่างนี้นะครับประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินก็ต้องถามรัฐบาลเอง รัฐบาลอังกฤษเองก็ไม่สามารถที่จะตัดสินด้วยตัวรัฐบาลได้เพราะว่าอำนาจอธิบัติเป็นของประชาชนตามระบบประชาธิบัติก็ต้องถามประชาชนซึ่งเราจะเห็นมีคำศัพท์ในทางการลงการ ตรงประชามติว่าจะอยู่หรือจะไม่อยู่กับ EU เนี่ยที่เราเรียกว่า Brexit นะ ที่เรียกว่า Brexitนักศึกษาก็จะเห็นกรณี Brexit ในประเทศอังกฤษนะว่าจะออกจาก EU หรือไม่ออกจาก EU ก็ต้องถามประชาชนซึ่งเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยนะเพราะรัฐบาลก็ต้องถามอย่างนี้นะครับเรียกว่าการปกครองระบอบประชาธิปไตย หรือจัดตั้งรัฐบาล ก็ต้องถามประชาชนจะถามด้วยวิธีใด ก็ต้องถามด้วยวิธีการเลือกตั้งประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่า จะเลือกใครให้เป็นรัฐบาลก็ขึ้นอยู่กับประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน ประเทศไทยก็แนวๆ อย่างนี้ ยังต้องปลายเปลี่ยนมา แต่ประเทศที่เขาพัฒนาในระบบประชาธิปไตยเนี่ย การเปลี่ยนรัฐบาลก็ดี การจัดตั้งรัฐบาลก็ดีการควบคุมรัฐบาลก็ดี ก็จะต้องให้เจ้าของประเทศคือประชาชนเป็นผู้ตัดสิน เหมือนกับยกตัวอย่างประเทศที่เรียกว่ามีความเป็นประชาธิบัติ อย่างสหรัฐอเมริกาหรือย่างญี่ปุ่น หรือย่างอังกฤษ พวกนี้เวลาที่เขาจะจัดตั้งรัฐบาลก็ดี เปลี่ยนแปลงรัฐบาลก็ดีก็จะต้องถามประชาชนด้วย วิธีการเลือกตั้ง ก็จะเป็นอย่างนี้เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของความเป็นประชาธิปไตยอันนี้ก็จะเป็นหลักเรื่องอำนาจรัฐทีนี้ในประเด็นเรื่องอำนาจรัฐทฤษฎีอำนาจอธิปไตย เวลาที่มีการแบ่งเกิดทฤษฎีเรื่องอำนาจอธิปไตยแล้วก็จะเป็นอำนาจอธิปไตย ทองโบแดงเนี่ย เป็นผู้อธิบายว่า เมื่อมีรัฐ ก็จะมีอำนาจรัฐ เรียกว่า อำนาจอธิปไตยนักศึกษาก็จะเห็นเวลา ในประเทศต่างๆ จะแสดงออกก็คือ ไปใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งการเลือกตั้งเป็นการใช้ อำนาจอธิปไตยอย่างหนึ่งในประเด็นเรื่องของอำนาจรัฐ ก็จะทองโบแดง แล้วก็มีนักคิดอีกคนหนึ่งที่ชื่อว่า Amontesquieuเขาก็จะแบ่งว่าอำนาจรัฐก็จะแบ่งเป็นหนึ่งอำนาจนิติบรรยัติสองอำนาจบริหารและสามอำนาจตุลาการก็จะแบ่งออกเป็นสามอำนาจอำนาจนิติบรรยัติเป็นอำนาจในการออกกฎหมายนั่นเองหรือที่เรียกว่า Legislative Powerอำนาจรัฐนั้นเรียกว่า Power of State ก็ตายเรียกว่า ซูเวอร์เรนตี้ ภาษาอังกฤษก็กำกับเอาไว้อำนาจนิติบัญญัติ หมายถึงอำนาจในการออกกฎหมายก็จะผ่านโดยสถาบันที่เรียกว่ารัฐสภาในเรื่องหลักการปกครอง หลักการใช้อำนาจรัฐบางประเทศรัฐสภาก็จะประกอบไปด้วย 2 สภา1.
สภาผู้แทนนัสดร 2. สภาผู้แทนนัสดร ว่า วุฒิสภา บางประเทศก็จะมีเพียงสภาเดียวก็เรียกว่าสภาผู้แทนรัศดรไม่มีวุฒิสภาอย่างเช่น ประเทศอิสราเอลประเทศอิสราเอล หรือประเทศยิวในแถบตะวันออกกลางรัฐสภา สภาของอิสราเอลก็จะประกอบไปด้วยสภาเดียวคือสภาผู้แทนรัศดรเขาก็ไม่มีวุฒิสภาอาจจะเป็นประเทศเล็กหรืออีกตัวอย่างหนึ่งอย่างเช่นประเทศสิงค์ สิงคโปร์ ประเทศสิงคโปร์ รัฐศภาเขาก็จะมีประกอบไปด้วยศภาเดียวคือศภาพุทธแหลษฎร ก็ทำหน้าที่รัฐศภา ก็ไม่มีวุฒิศภาประเทศไทยในอดีต เคยมีศภาพุทธแหลษฎร ศภาเดียวแล้วก็ต่อมาก็มีสองศภา แล้วก็จนถึงปัจจุบันก็มีรัฐศภาประกอบไปด้วยสองศภาอันนี้ก็แล้วแต่ว่ารัฐธรรมนูญจะบรรยัติไว้อย่างไร แต่อย่างไรก็ตามอำนาจนิติบัญญัติก็จะเป็นอำนาจในการออกกฎหมายแล้วก็มาบังคับใช้กับประชาชนของแต่ละประเทศอำนาจในการออกกฎหมายที่จะบังคับใช้หรือว่าทุกคนที่อยู่ภายในแต่ละประเทศก็ต้องเคารพกฎหมายของแต่ละประเทศนั้นๆแล้วก็กฎหมายแต่ละประเทศก็มีการเปลี่ยนแปลงไปมีการเปลี่ยนแปลงไปท้ายังไม่เหมาะสม ไม่ยุติธรรมก็ต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมในกฎหมายเราก็จะเห็นหลายๆประเทศก็มีการออกกฎหมาย มีการแก้ไขกฎหมายเพื่อให้เกิดความยุติธรรมให้มากขึ้นในแต่ละประเทศก็จะแตกต่างกัน ประเทศไทยเองก็มีกฎหมายมากมายที่มีการแก้ไขมีการเปลี่ยนแปลงเป็นรายละเอียดในส่วนประเทศไทย มีการแก้ไข ท่านชองโบแดงก็จะ แล้วก็มองเตสเกเออร์ก็จะบอกว่าอำนาจอธิปไตยแยกออกเป็นอำนาจที่สองเรียกว่า อำนาจบริหารExecutive Power อำนาจบริหารอำนาจบริหารก็จะมีสถาบันที่ทำหน้าที่นี้เช่น บางประเทศก็เรียกว่า พระมหากษัตริย์ซึ่งก็มีในปัจจุบันยังมีอยู่แถบตะวันออกกลาง สาวุดีอาราเบีย พระมหากษัตริย์ก็ทำหน้าที่เป็นรัฐบาลใช้อำนาจบริหารบางประเทศผู้ที่ใช้อำนาจบริหาร หรือที่เรียกว่ารัฐบาลก็จะเรียกว่าประธานาธิปดีอย่างเช่น อย่างที่บอกประเทศฝรั่งเศส อย่างนี้ ประเทศฝรั่งเศส รัฐบาลเขาก็เรียกว่าประธานาธิปดีหรือประเทศอินโดนีเซีย รัฐบาลเขาก็เรียกว่าประธานาธิปดี ซึ่งแต่ละประเทศเนี่ยรัฐบาลก็จะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันในหลักรัฐศาสตร์อันนี้เวลาที่ผู้ที่ศึกษาในทางรัฐศาสตร์ก็จะต้องจดจำเหมือนกันต้องมีความจำ มีความเข้าใจมีการวิเคราะห์ มีการสังเคราะห์แต่บางประเทศรัฐบาลเขาเรียกว่า นายกรัฐมนตรี เช่น ประเทศอังกฤษ ประเทศอังกฤษนั้น รัฐบาลเขาเรียกว่า นายกรัฐมนตรีรัฐบาลญี่ปุ่นก็จะเรียกว่า นายกรัฐมนตรีรัฐบาลอินเดียก็จะเรียกว่า นายกรัฐมนตรีประเทศไทย รัฐบาลก็จะเรียกว่า นายกรัฐมนตรีอันนี้ก็แล้วแต่ว่า ประเทศนั้นๆ ในรัฐธรรมนุนจะบรรยัตไว้เป็นอย่างไรนะครับ อำนาจบริหารหมายถึง อำนาจที่ปฏิบัติตามกฎหมายปฏิบัติตามอำนาจนิติบรรยัตน์อำนาจบริหารเป็นอำนาจที่ปฏิบัติตามกฎหมายเป็นอำนาจที่สองอำนาจที่สามก็จะเรียกว่า อำนาจตุลาการ judicial powerอำนาจตุลาการนั้นเป็นอำนาจที่ใช้โดยสถาบันที่เรียกว่าศาลแล้วก็มีผู้พิพากษาเป็นผู้ที่ดำเนินการ อำนาจตุลาการ ประเทศต่างๆ เขาก็มักจะแบ่งออกเป็น 3 ระดับฉันเรียกว่าสารยุติธรรม สารยุติธรรมก็จะมี 3 ระดับก็จะมี 1 สารชั้นต้น ถ้าสารชั้นต้นตัดสิน ผู้พิพากษาตัดสินแล้วไม่เป็นที่พึงพอใจก็มีการอุดสรรค์ อุทร ประยังสารอุทรสารอุทรก็เป็นสารที่สองสารที่สองถ้าผู้พิพากษาตัดสินแล้วยังไม่เป็นที่พึงพอใจก็ยื่นไปที่สารที่สามเรียกว่าสารดีกาเมื่อสารดีกาตัดสินแล้วถือว่าเป็นที่ยุติแล้ว ถือว่าให้ความยุติธรรมแล้ว เพราะว่าผ่านถึง 3 ชั้นสารแล้วทั่วโลกก็จะมีหลักในการดำเนินการอย่างนี้เหมือนกันนะครับ สารยุทธิธรรมปัจจุบันในเรื่องอำนาจตุลาการเนี่ยอาจจะมีการแบ่งเป็นระบบสารใหม่เหมือนปกติเขาก็จะมีสารเดียวกันที่เรียกว่าสารยุทธิธรรมนะครับแต่ต่อมาก็บางประเทศก็จะเปลี่ยนแปลงบ้างที่เรียกว่าระบบสารคู่นะก็คือมีสารยุทธิธรรมคู่กับสารอื่นๆเกิดขึ้น เพื่อให้มีการพิจารณาคดีแตกต่างกันไปอย่างประเทศไทยเนี่ย ก็มีการพัฒนา มีการปฏิรูประบบตุลาการระบบสารของประเทศไทยนั้นเดิมเนี่ย เราก็มีระบบที่เรียกว่าระบบสารเดี่ยวคำว่าระบบสารเดี่ยวหมายความว่า มีสารที่ตัดสินคดีต่างกันไป ทุกเรื่อง ต้องขึ้นที่สารยุติธรรมหมดขึ้นสารชั้นต้นไปสารอุทธร และไปสารดิกาสารยุติธรรมก็จะเป็นตัดสินหมดประเทศไทยตั้งแต่กรุงสุโขทัยมานักศึกษาก็คงจะทราบว่าประเทศไทยเราตั้งประเทศมาเมื่อ 700 กว่าปีเมื่อ 700 กว่าปี เรามีราชธานี หรือมีเมืองหลวงแห่งแรก ก็คือกรุงสุโขทัยเป็นนาจฐานีระบบการสารเราก็เป็นสารเดี่ยวมีสารตัดสินทุกคดีความต่อมาประเทศก็ย้ายเมืองหลวงจากกรุงสุโขทัยมากรุงศรีอายุทยาการย้ายเมืองหลวงเป็นของธรรมดาว่าในทุกประเทศ เมืองหลวงเขาก็ย้ายกันไปเรื่อยประเทศไทยก็มีการย้ายย้ายมาเมืองหลวงที่สองคือกรุงศรีอายุทยา ก็ยังคงใช้ระบบสารเดี่ยวเหมือนกันเหมือนกันกับกรุงสุโขทัยทุกคดีความก็ต้องขึ้นสารยุทธิธรรมตัดสินกรุงศรีอยุธยาต่อมาก็ย้ายเมืองหลวงเมื่อต้องพ่ายแพ้กับทางกองทัพพระม่าก็ย้ายเมืองหลวงมาที่กรุงธนบุรีมากรุงธนบุรีก็ยังคงใช้ระบบสารเดี่ยวสรรพ์ เดี่ยวตัดสินทุกคดีความจากกรุงธนบุรีต่อมาก็ย้ายเมืองหลวงมาที่กรุงเทพปัจจุบันที่เรียกว่ากรุงรัฐนโกสินหรือกรุงเทพของประเทศไทยก็ย้ายเมืองหลวงมา 4 แห่งแล้วในประเทศอื่นๆเขาก็มีการย้ายเมืองหลวงเช่นเดียวกันเพราะฉะนั้นอันนี้เป็นข้อสังเกตว่าในหลักรัฐศาสตร์นั้นเนี่ยอำนาจต่างๆสถาบันต่างๆมันมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด เหมือนกับเมืองหลวงของประเทศพม่าเดิม และปัจจุบันก็เปลี่ยนชื่อแม้แต่ชื่อประเทศก็เรียกว่าเมียนมา เดิมเมืองหลวงอยู่ที่ร่างกุ้งก็ย้ายมาปัจจุบันอยู่ที่เนปิดอร์ ก็ย้ายกันอย่างนี้นะครับประเทศไทยเนี่ย สารยุติธรรมก็เป็นระบบสารเดี่ยวมาจนกระทั่งถึงปี 2540สองประเทศก็จะมีการสร้างแรงการที่จะมีการสร้างแรงการที่จะมีการสร้างแรงการที่จะมีการสร้างแรงการที่จะมีการสร้างแรงการที่จะมีการสร้างแรงการที่จะมีการสร้างแรงการที่จะมีการสร้างแรงการที่จะมีการสร้างแรงการที่จะมีการสร้างแรงการที่จะมีการสร้างแรงการที่จะมีการสร้างแรงการที่จะมีการสร้างแรงการที่จะมีการ ของ 1540 มีการปฏิรูประบบการศาลของประเทศไทยใหม่เปลี่ยนจากระบบศาลดี