สวัสดีครับนักเรียนทุกคนวีดีโอนี้ครับ ครูก็จะมาตอนติวสรุปฟิสิกส์ม.5วีดีโอนี้เป็นบทที่ 12 เรื่องเสียงนะครับในช่วงที่ปิดเทอมที่ผ่านมานะครูก็ไม่ได้ลงวีดีโอนะครับแต่ว่าตอนนี้นะครับครูคิดว่าถึงเวลาที่นักเรียนเรียนเรื่องเสียงนะครับครูก็จะมาติวสรุปเรื่องเสียงให้นักเรียนฟังนะครับ แน่นอน หลังจากติวสรุปนะครับก็จะมีตัวอย่างนะเป็นตัวอย่างข้อสอบนะครับทั้งหมด 20 ข้อคุณแนะนำเหมือนเดิมให้นักเรียนลองดูวิดีโอติวสรุปก่อนนะครับจะได้รู้สูตรจะได้จำสูตรทั้งหมดได้หลังจากนั้นนะครับก็ลองทำแบบฝึกหัดด้วยตัวเราเองนะและค่อยไปดูเฉลยนะครับแน่นอนคุณมีเฉลยตัวติวสรุปฟิสิกส์ม้อง 5 ที่เป็นแบบฝึกหัดอีก 1 วิดีโอนะครับให้กับนักเรียนนะเพื่อที่จะแสดงนะครับวิธีทำให้กับนักเรียนดูนะคราวนี้เราก็มาดูติวสรุปเรื่องเสียงเลยนะครับ ตอนนี้เสียงครูอาจจะเปลี่ยนนิดหนึ่งนะ เพราะยอมรับตามตรงนะครับครูเป็นโควิดเพิ่งหายนะ เพิ่งหายมาได้ประมาณไม่ถึงสิบวันมั่งนะอาการเจ็บคอยังมีอยู่เล็กน้อยอ่ะนะครับ เอ่อ แต่ว่าก็ตรวจออกซิเจนตัวเองทุกวันนะครับก็โอเคนะ ก็หลังจากที่เป็นโควิดแล้วนะครับมีผู้ประคองแนะนําว่าให้ครูไป สักครั้งหนึ่งนะก็แน่นอนตอนนี้ทุกอย่างปกตินะครับ เพียงแต่ว่าเจ็บคอนิดหน่อย มีเสมหะนะครับ แต่เดี๋ยวก็จะไปดูแลตัวเองนะครับ เดี๋ยวจะไป x-ray ปอดแล้วก็จะได้แข็งแรงนะครับ จะได้มาอัพคลิปนะฮะให้กับนักเรียนได้อีกนะฮะ เรามาดู ดูสรุปนะครับบทที่สิบสองฮะ ฟิสิกส์มอลห้า เรื่องเสียงกันได้เลยครับในเรื่องเสียงนั้นนะครับ เนื่องจากเสียงเป็นคลื่นนะในตอนแรกก็จะศึกษาสมบัตินะครับ ด้านความเป็นคลื่นของเสียงนะฮะทั้งการสะท้อนหักเห็นแทรกสอดแล้วก็ แล้วก็อัตราเลวเสียงนะครับที่ใช้สูตรว่า ส่วนทีแล้วก็ วีเท่ากับเอฟลัมด้านะครับ เรามาดูกันนะครับว่าจะมีเรื่องอะไรบ้างสรุปให้นักเรียนนะครับ อันดับแรกก็คือเสียงนะครับแล้วก็สมบัติสี่อย่างของมันนะครับ การสะท้อน การหักเหนะครับการแทรกสอด แล้วก็การเลือกเวราะเขียนตัวเล็กไปอันดับแรกเสียงนะครับ อ่า ก็พูดถึงอัตราเล็กของมันนะครับการสะท้อน การหักเหนะครับ การแทรกสอดนะครับ แล้วก็การเลี้ยวเบนของเสียง และรวมถึงอัตราเร็วของเสียงด้วยนะครับถัดมานะครับ เราจะมาดูสมบัติเฉพาะของไอ้เสียงตัวนี้นะครับไม่ว่าจะเป็นความดังของมันนะครับ ความเข้มระดับความเข้มเสียง อ่าความเข้ม ระดับความเข้มนะครับ ซึ่งครูจะสรุปให้นะครับในวีดีโอนี้นะ ความเข้มระดับความเข้มเสียงนะครับต่อจากความเข้มระดับความเข้มเสียงเป็นคืนนิ่งนะครับ แล้วการสั่นพ้องของเสียงอ่า การสั่นพ้องของเสียง การสั่นพ้องของทอบ แบบลูกซูมนะครับ การสั่นพ้องของท่อไปเปิดสองด้าน ท่อไปปิดสองด้านเป็นยังไงเดี๋ยวเราจะมาดูกันนะ ถัดมาการบีดนะครับ ของเสียงนะมันมีเสียงสองเสียงที่มีความถี่ใกล้เคียงกันนะครับ เราจะได้ยินเสียง นะเป็นจังหวะดังค่อยนะครับ อ่า เราจะมาดูกันนะ นี่จะปรากฏการบีดนะครับแล้วปรากฏการนะครับ แล้วก็คลื่นกระแทกนะครับ ก็พูดง่ายง่ายยกมาเกือบทั้งหมดเลยนะ มีตัวเนื้อหาด้วยกันทั้งหมด 11 หน้านะครับนักเรียนสามารถดาวน์โหลด อย่างอีกสารประกอบการเรียนได้นะแล้วก็สามารถเอามาใช้นะครับ ในการประกอบนะครับ การดูวีดีโอนี้ได้นะแล้วก็มีตัวอย่างนะครับ 20 ข่อ เอาล่ะมาดูกันเลยนะเสียงเป็นคลื่นกลนะครับ แล้วก็เป็นคลื่นตามยาว เป็นคลื่นกลหมายความว่าอาศัยตัวกลางนะครับในการเคลื่อนที่ แปลว่าเสียงไม่สามารถเคลื่อนที่ในศูนย์อากาศได้นะครับอาศัยตัวกลางในการเคลื่อนที่ตัวกลาง ของเสียงนั้นนะครับ ก็จะเป็นแก๊สนะ เป็นอากาศนะครับก็เป็นตัวกลางของเสียงได้ เป็นของเหลวก็ได้นะครับขึ้นเสียงในของเหลวก็เรียกว่าโซน่านะครับ หรือเราใช้มันในการแพทย์นะครับก็เป็นอัลตราซาวน์นะครับ แล้วก็ขึ้นเสียงนะครับในของแข็งก็ได้นะครับ แต่ว่าไม่สามารถเคลื่อนที่ในศูนย์อากาศได้นะครับเสียงมันขึ้นตามยาวนะครับ เสียงมันขึ้นตามยาวเพราะว่าการสั่นนะครับของบริษัทตัวกลางเนี่ยอยู่ในทิศ ทิศเดียวกับการเคลื่อนที่นะครับ สั่นในทิศเดียวกับการเคลื่อนที่อาณุภาพของเสียงก็จะสั่นเข้าสั่นออก สั่นเข้าสั่นออกนะครับจนทําให้เกิด ส่วนที่เป็น ตําแหน่งที่เป็นจุดอัดนะครับอัดแล้วก็ขยายอัดแล้วก็ขยายนะครับ ที่เคลื่อนที่ไปข้างหน้านะครับอันนี้เคลื่อนที่ อ่า ตัวนี้ก็สั่นนะครับ สั่นเข้าสั่นออก ตรงนี้ถ้าอยู่ใกล้กันก็เป็นส่วนอัด ถ้ามันอยู่ห่างกันก็เป็นส่วนขยายนั่นเองทีนี้ในเรื่องกราฟสำหรับการกระจัดกับระยะทางการกระจัดก็เป็นการกระจัดของอนุภาคที่มันสั่นเข้าสั่นออก เป็นรูปไหน และสัมพันธ์กับกราฟความดันอย่างไรเราจะมาดูกันในหน้านี้เลยในส่วนของการกระจัดนั้น นักเรียนต้องทราบว่าเรากำหนดทิศบวกลบของมันนั้น โดยใช้ Vectorโดยใช้ทิศซ้ายกว่าทิศขวาดังนั้นการกระจัดทิศเป็นบวก ก็แปลว่า ขึ้นไปทางขวาการกระจัดทิศเป็นลบ ก็ไปทางซ้ายดังนั้นการกระจัดทิศเป็นบวก แปลว่า มูลกุลของอากาศวิ่งไปทางขวาและการทิศเป็นลบ ก็มูลกุลของอากาศตัวนี้ วิ่งไปทางซ้าย ซึ่งนะครับ การหนี้มริกรหนออากาศวิ่งไปทางขวาและไปทางซ้ายนั้นนะครับมันทําให้เกิดส่วนอัดและส่วนขยายนะ จุดที่เป็นส่วนอัดนะครับก็แปลว่ามีมริกรส่วนหนึ่งมาทางขวานะครับ มีมริกรส่วนหนึ่งมาทางซ้ายนะครับมาเจอกันตรงกลาง ตรงกลางทําอะไรไม่ถูก ก็เป็นส่วนอัดนั่นเองนะครับโดนเพื่อนมาอัดมันนะครับ ดังนั้นนะครับ กราบการกระจัดที่เป็นรูปนี้ ถ้าเจอการกระจัดแบบนี้นะครับ นักเรียนจะทราบว่าไอตรงนี้นะครับมูลกุลของมันไปทางขวา เพราะมันเป็นบวกไงนะครับบวกคืออยู่เหนือการแอลน์ x นะครับ ตรงนี้นะครับมันทำมูลกุลของมันไปทางซ้าย ส่งผลให้ไอตรงที่เป็นซ้ายกับเป็นหัดไปขวาเนี่ยนะครับมาเจอกันตรงนี้นะครับ ตรงนี้นะครับ ก็เป็นส่วนอัดนั่นเองเนอะแปลว่าส่วนที่เป็นส่วนอัดของขึ้นเสียงนะครับ การกระจัดมันเป็นศูนย์ และแน่นอนนะครับ มูลกุลที่วิ่งหางเอาไว้จากมันนะครับ ก็จะกลายเป็นส่วนขยายตรงนี้จะเป็นส่วนขยายนะครับ จุดนี้เป็นส่วนขยายก็เพราะว่ามูลกุลที่อยู่ทางซ้ายมันก็ ไปทางซ้ายนะมูลกุลที่อยู่ไปทางทางขวามันก็ไปทางขวานะทําให้ตัวมันเองหน้าจุดนี้กลายเป็นส่วนขยายนะครับ มันก็จะดูนะครับมูลกุลที่อยู่ทางซ้ายมันก็ไปทางซ้าย เพราะว่าการจัดเป็นลบนะหรืออยู่ข้างบนเป็นทางขวาเพราะการจัดเป็นบวก ตัวนี้ก็เป็นขยายนะครับถัดไปก็เป็นอัดกับขยายอีกนะครับ อัน นี้ ก็ อัด อีก นะครับ อ่า เหรอ ม ูลกุ ล มา พ ุ ่ง ไว้ อย่างนี้ นะครับ แล้ว ตรงนี้ ก็ ข ยาย ไป ทาง ขวา กลาย จาก เป็น บวกอยู่ ข้างบน นะฮะ อยู่ ข้าง ลบ อยู่ ข้างล่าง นะครับ ตรงนี้นะครับ เรา ใช้ ความ รู้ เรื่อง ความ ยาว ขึ้น เหมือนเดิม นะครับว่า ตําแหน่ง นะครับ ที่ มัน สั่น นะครับ ถึง ตําแหน่ง ที่มันเป็น หนึ่ง ลัม ดา หรือ ส่วน อาจ ถึง ส่วน ขยายนะครับ ก็เป็น lambda ส่วน 2 นั่นเองสำหรับกราฟความดันอันนี้สบายมากนะครับจุดที่เป็นส่วนอัดความดันจะมากกว่าความดันบริยากาศนะและส่วนที่เป็นส่วนขยายความดันก็น้อยกว่าความดันบริยากาศนะครับนั่นนักเรียนซึ้ดมาเลยนะ จุดที่เป็นส่วนอัดความดันก็มากดังนั้นส่วนอัดกับส่วนขยายนั้นนะครับ ถ้าดูกราฟความดันนั้นชัดเจนนะครับส่วนอัดความดันมาก ส่วนขยายความดันก็น้อยนะครับ แต่ว่ากราฟการกระจัดกับระยะเราบอกส่วนอัดกับส่วนขยาย การกระจัดมันเป็นศูนย์ทั้งคู่นะครับและในต้องดูว่า เอ้ย มันชน ใครรู้หรอ มันเข้าหากันก็อัดนะครับถ้าออกจากกันก็ขยาย ตรงนี้นํามาสู่ความรู้ที่ว่ากราฟการกระจัดกับระยะทางและกราฟความดันกับระยะทางนั้นนะครับ มีเฟสไม่ตรงกันตัวกราฟการกระจัดนะครับ เฟสมันเป็นเก้าสิบองศาแล้วล่ะนะครับถ้าเรียนย้อนกลับไปดูเรื่องขึ้นนะครับ ตรงสันขึ้นก็เป็นเก้าสิบองศานั่นเองนะในหน้าที่นะครับ ตรงสมดุลเป็นศูนย์องศา มันเป็นศูนย์นะครับเพราะว่าถัดไปเป็นเก้าสิบนะครับ ตรงนี้นะครับ เราต้องทราบว่ากราฟการกระจัดนะครับมีเฟสนำความดันอยู่เก้าสิบองศาหรือภายส่วนสองเลเดียนนะครับคู่เขียนในข้างล่างนี้ก็ได้ ดังนั้นตรงนี้ เอ่อด้านขวามือคู่ขอรบนะครับ และคู่จะยกตัวอย่างให้ดูว่าถ้าเรามีกราฟ การกระจัดนะครับ นักเรียนสามารถวาดกราฟของความดันได้ไหมนะเราจะรู้ไหมว่าความดันเป็นกราฟไหนนะครับ ดูเลยนะครับสมมุติกราฟการกระจัดนะครับ กับระยะทางของขึ้นเสียงเป็นดังนี้นะครับเราถามว่ากราฟความดันนะครับ กับระยะทางจะเป็นรูปไหนครับต้องมีความแม้นะครับ ว่าระยะที่พูดถึงนั้นคือระยะเดียวกันกับข้างบนนะครับ กูมี 2 กราฟให้นักเรียนเลือกนะครับ รูปแรกอันนี้ รูปที่ 2 อันนี้แน่นอนเฟสมันไม่ตรงนะ โอเค คำตอบนะครับวิธีการเราก็มาวิเคราะห์ว่า การกระจัดมันนำนะ มันนำความดันอยู่ 90ดังนั้นตรงนี้นะครับ การกระจัดเรา 0 นะ แต่ความดันนี้ 90 นะครับความทรงนี้ลบ 90 แล้วเรามาดูว่ารูปไหนนะครับ ที่การกระจัดมันนำนะครับ ความดันอยู่นะครับ คําตอบก็คือรูปซ้ายนะครับ รูปนี้ถูก รูปน เหตุผลเพราะว่ารูปนี้ความดันมันนำนะ ความดันมันบวก 90 แล้วนะครับแต่ว่ารูปขวามือนั้นความดันมันตาม มันลบ 90 อยู่ในอาทิตย์การกระจัดเป็นสูตรนะ หรือลักเรียนอาจจะดูกราฟนะครับด้านซ้ายมือก็ได้ มันคือตรงนี้นั่นเองในการกระจัดเริ่มตรงนี้นะครับ การกระจัดเริ่มจาก 0 นะครับ แล้วก็เป็น 90แต่ที่ความดันก็เริ่มจากลบ 90 นะครับ โอเค นี่ความสัมพันธ์ระหว่างกราฟการกระจัดกับความดันของขึ้นเสียงนะครับมีสมการที่ทางเรียนจะต้องทราบนะครับว่าเราสามารถใช้สูตรของขึ้นนะในการอธิบายขึ้นเสียงได้นะครับ สูตรนั้นคือ v เท่ากับ f ลัมดานะครับหรือ v เท่ากับลัมดาส่วนคราบนะ นอกจากนั้นแล้วนะครับเรายังใช้สูตร v เท่ากับ f ส่วน t ในการพิจารณาขึ้นเสียงได้ด้วยนะครับอีกอันหนึ่ง ครูลืมบอกไปเมื่อกี้นะครับ ถึงอัดนะครับ เท่ากับเท่าไรนะ เท่ากับลัมดานะ ในหน้าที่อาจถึงขยายนะครับ มีค่าเท่ากับลัมด้าส่วนสองนะครับโอเค นี่คือหน้าแรกนะครับ เรื่องคืนเสียงนะครับภูมิพุษยาวเลย ถัดมาดูหน้าที่สองนะครับสิ่งที่ควรรู้ ก็ช่วงนี้ขอให้นักเรียนเราระวังตัวด้วยนะครับไปไหนใส่แมทตลอดนะครับ ตัวครูเองถามว่าติดยังไงนะ ติดจากรูป คือพอเปิดเทิมปุ๊บที่โรงเรียนก็นะครับ นักเรียนก็ทํากิจกรรมตามปกตินะครับเดี๋ยวจะจัดกีฬาสีนะ เด็กอยู่ใกล้กัน เด็กก็ไม่สบายเพราะไม่สบายปุ๊บ ไปหา ไปหาหมอนะครับคุณหมอก็ไม่ได้ตรวจโควิดนะครับ แต่จริงจริงคุณพ่อก็คิดว่าคุณเองก็คิดว่าไม่ได้เป็นโควิดนะครับ เพราะไม่ได้เจ็บคอนะครับสุดท้ายลูกคูสองวันหายนะครับ เด็กไงมันแข็งแรงนะครับแต่ปรากฏว่าติดทั้งบ้านนะ ทั้งแม่ยายติดนะครับ ภรรยาคู ติดลูก ลูกอีกสองคนก็ติด ครูก็ติด โอ้โห แต่นี้ทุกคนสบายดีแล้วนะครับหายดีแล้วนะครับ ก็อย่างเฝ้าระวังเรื่องอาการอายนิดหน่อยของครูนะครับนะครับ ก็ขอขอเตือนนะครับ ขอบอกกับนักเรียนไว้ว่าให้เราระวังตัวนะครับอย่าประมาณนะ ให้คิดว่าไม่สบายเป็นโควิดไว้ก่อนเออ เดี๋ยวจะเป็นเหมือนครูโอเค ถัดมาครับ สําหรับความถี่นะครับ ความถี่บอกระดับสูงต่ําของเสียงนะครับพวกโดดีมีฟาสต์ สันลาซีโดนะ โดก็คือเสียงสูงนะครับโดก็คือเสียงเสียงต่ํานะ อ่า ความถี่นะครับบอกระดับสูงต่ํานะครับ ของเสียงนะ จริงจริงบอกระดับเสียงก็ได้นะครับความถี่สูงก็เสียงสูง เสียงแหลมนะครับความถี่ต่ําก็เสียงต่ํานั้น มนุษย์ได้ยินเสียงอยู่แค่ยี่สิบถึงสองหมื่นเฮิรตซ์เท่านั้นนะครับ และแน่นอนนะครับ ความถี่ต่ำกว่า 20 เฮิรตร เราเรียก Infra-sonic เราไม่ได้ยินนะครับและถ้ามากกว่า 20,000 เฮิรตร เราเรียก Ultra-sonic เราก็ไม่ได้ยินนะครับแต่แน่นอนเราไม่ได้ยินเสียง 20-20,000 เฮิรตรทุกความดังนะครับไม่ใช่หมายความว่าเสียงเบาๆ 20 เฮิรตร เสียงเบามากเราจะได้ยิน เราไม่ได้ยินนะครับเดี๋ยวครูจะอธิบายกราฟในตัวอย่างโจทย์อีกทีนึงนะ ว่าความสัมพันธ์ระหว่างความถี่กับความเข้มนะครับที่เราได้ยินเป็นรูปไหน ตัวความเข้มและระดับความเข้มเสียงนะครับ บอกถึงความสามารถในการได้ยินของเรานะครับจริงๆ ความเข้มเสียงเป็นอัตราส่วนระหว่างกําลังนะครับ ต่อพื้นที่ที่ระหว่างความเข้มเสียงนั้นนะครับ เป็นการลดนะครับลด 10 กรัมลบ 12 ถึง 1 ลงมาเป็น 0 ถึง 120 decibel เพื่อพูดให้เราเข้าใจมากขึ้นนะครับมันจะได้ยินเสียงมีความเข้มนะครับ หรือไอตัวนี้นะ อยู่ระหว่าง 10 ลบ 12 ถึง 1 วัตต์ต่อตารางเมตร ในฐาธิเมื่อเราแปลงความเข้มเป็นระดับความเข้ม จะได้ยินเสียง 0-120 dBพูดคร่าวๆก็ได้นะครับความสัมพันธ์ระหว่างความถี่กับระดับความเข้มเสียงนะครับ อันนี้ระดับความเข้ม กับความถี่ที่มนุษย์ได้ยินนะครับ จะเป็นรูปนี้นะครับขอบเขตของการได้ยินของเราอยู่ในที่ครูแลงเงานะครับเส้นล่างก็เป็นขีดเริ่มของการได้ยินนะครับเส้นบนเราก็เริ่มปวดนะ ตัวยี่สิบเฮิรตรอยู่ฝั่งนี้นะครับ แล้วก็ตัวสองหมื่นเฮิรตรนะครับอยู่ทางด้านขวามือ ตรงศูนย์เดซิเบลนะครับอยู่ที่ เอ่อ ด้านล่างนะครับ แล้วก็ร้อยยี่สิบเดซิเบลอยู่ด้านบนนะครับ รูปนี้บอกว่านะครับ ที่ยี่สิบเฮิรตรศูนย์เดซิเบลเราไม่ได้ยินนะถูกไหม เพราะมันอยู่ในโซนที่ไม่ได้ยินนะหมายความว่าไอโซนสีแดงเนี่ยเราไม่ได้ยินนะครับ ไอตรงศูนย์ถึงร้อยยี่สิบเดซิเบลเนี่ยเราได้ยินเป๊ะ เป๊ะ สี่พันเฮิรตร แต่บวกละ 1000 เฮิรตซ์นิดหน่อย 0 เดซิเบล เราไม่ได้ยินตัว 1000 เฮิรตซ์เราได้ยินดีสุดแต่ว่าถ้า 20 เฮิรตซ์นี้เดี๋ยวค่อยดูในกราฟแล้วกันเราน่าจะได้ยินแถวๆ 60 เดซิเบลตัว 20 เฮิรตซ์ คือต่ำกว่า 60 เดซิเบล เราก็ไม่ได้ยินกราฟร่วมนี้ขอข้อสอบเข้ามาวิธีอะไรเปรียบเทียบกับ ไม่ใช่ 20 เฮิรตซ์เราได้ยินที่ความเข้มเท่าไหร่เปรียบเทียบกับ 20,000 เฮิรตซ์เราได้ยินที่ความเข้มเท่าไหร่และเป็นอัตราส่วนของความเข้มที่เราได้ยินระหว่าง 2 ความถี่นี้เป็นเท่าไหร่โอเค ถัดมาเรื่องคุณภาพเสียงคุณภาพเสียงเป็นตัวบอกถึงชนิดของแหล่งกำหนดเสียงนะครับหมายความว่าแหล่งกำหนดเสียงต่างชนิดกันนะจริงๆ แล้วจะมีลักษณะของคลื่นที่ต่างกันแต่ตัวลักษณะของคลื่นที่ต่างกันเราใช้คำว่าคุณภาพเสียงมันต่างกันนะครับเช่นเสียงตัวบัสซูนนะครับ เสียงฟรุตนะครับ ก็มีตัวคลื่นเสียงที่ต่างกัน ทำให้เราแยกนะครับความถี่เดียวกันสําหรับคนละคลื่นเสียงออกนะครับเช่น เสียงคู่ตอนสบายดีกับเสียงคู่ เอ่อ ตอนเป็นโควิดนิดหน่อยนะครับกําลังจะหายแล้ว เจ็บคอนนิดหน่อย ก็เสียงต่างกันนะครับทำให้เราสามารถแยกแหล่งกําหนดเสียงได้นะครับ ในแง่ของคุณภาพเสียงอัตราเลวเสียงในหัวข้อที่สี่นะครับ จะต่างกันนะครับขึ้นอยู่กับสมบัติของการอัดได้นะครับ ของตัวกลางแต่ละชนิดโดยทั่วไปแล้วใน ตัวกลางที่เป็นของแข็งนะครับ จะมีอัตราเร็วมากที่สุดนะและในตัวกลางที่เป็นของเหลวนะครับ อัตราเร็วก็รองลงมาและในตัวกลางที่เป็นการ์ด อัตราเร็วก็น้อยที่สุดนะครับเราสนใจอัตราเร็วเสียงในอากาศ เรามาดูว่าอัตราเร็วเสียงในอากาศขึ้นกับอะไรอัตราเร็วเสียงในอากาศเองนั้นนะครับ ขึ้นอยู่กับอุณหภูมินะ ในหน่วยเคียลวินเท่านั้น โดยเราสามารถนะครับ หาอัตราเร็วในอากาศได้โดยใช้สูตรว่า v นะครับเท่ากับสามสามหนึ่งนะครับ square root t ส่วนด้วยสองร้อยเจ็ดสิบสามเมื่อ t ใหญ่ตรงนี้นะครับ คืออุณหภูมิในหน่วยเคลวินและนะครับ เราสามารถวาดความสัมพันธ์นะครับระหว่างความเร็วกับอุณหภูมิได้นะครับ ดังกราฟรูปนี้แน่นอนนะครับ ตัวนี้ก็เป็น ความสำหรับว่า v นะครับ แปรตามรากที่สองของอุณหภูมินะครับในหน่วยเครียร์วิน ตรงนี้นะ เราจะเห็นว่าเราใช้สมการ vเท่ากับสามสามหนึ่งรุ่นทีส่วนสองเจ็ดสามในการแก้ปัญหานั้นมันยากนะครับ เพราะว่าเราไม่มีเครื่องคิดเลขนะครับตอนทําก็สอบ และจึงมีการประมาณนะครับประมาณตาเลวเสียงในอุณหภูมิที่เราอาศัยอยู่นะครับ ในอุณหภูมิที่เราอาศัยอยู่นั้นก็โดยประมาณก็คือประมาณลบสามสิบถึงสี่ห้าองศาเซลเซียนเนี้ยนะครับก็จะกลายเป็นกราฟเส้นตรง หรือว่าบวกลบนิดหน่อยก็ได้นะครับไอ้กราฟเส้นตรงสีฟ้าของครูนะครับ เขียนเป็นสมังการได้ครูใช้สีฟ้าก็ได้ว่า v เท่ากับ 331 บวกด้วย 0.6 t นะครับเมื่อ t คืออุณหภูมิในหน่วยองศาเซลเซียนนะครับและเราใช้นะครับ ในอุณหภูมิที่มนุษย์อยู่ได้นะครับคือถ้าเกิดเจอ 100 องศาเซลเซียน นักเรียนคงไม่ไปอยู่นะและเราคงไม่ใช้สูตรสีฟ้านะครับว่าสีฟ้านี่ก็คือเซฟ เราอาศัยอยู่ได้นะครับ ไม่ว่าจะลบร้อยองศาเซลเซียดนักเรียนยังใช้สูตร 331 บวก 0.6 ทีมันก็ไม่ใช่นะครับเราคงไม่ไปอยู่ตรงนั้น หน้าเลือดคงจะแข็งนะครับdead small เลย เอ่อ คือแทนที่กูจะบอกว่าอยู่ระหว่างลบ 30 ถึง 45 นะครับโดยประมาณนะ คือถ้าสำหรับอุณหภูมิใหญ่ตรงนี้มันก็จะคาดเคลื่อนน้อยนะครับคุณก็จะบอกว่า เอ่อ มันก็เอาอุณหภูมินี้มารถอยู่ไ��้แล้วกันนะครับจึงจะใช้สูตรสีฟ้านะครับ หรือถ้าเรียนอยู่ไม่ได้ก็ไม่ต้องใช้นะ แต่ถ้าบอกว่าผมอยู่ได้ครับครูเออ อันนั้นก็แล้วแต่เรานะตัวนี้นั้นนะครับ นำมาสู่สมการที่ใช้ในการเปรียบเทียบนะเวลาทำข้อสอบฟิสิกส์เนี่ย นอกจากเราจะรู้ความสัมพันธ์แล้วนะครับเรายังต้องเปรียบเทียบสองสภาวะนั้นด้วยนะกรณีอุณหภูมิมันเยอะเยอะนะครับ อุณหภูมิมากๆ หรืออุณหภูมิในหน่วยเคลวิน หรือพูดง่ายๆ ทุกกรณีก็ได้เราสามารถหาความสัมพันธ์ระหว่างอัตราเร็วของเตียงที่อุณหภูมิ T1 กับ T2 ในหน่วยเคลวินได้โดยใช้สมการว่า V1 ส่วน V2 เท่ากับ Root T1 ส่วน T2 เมื่อทีตัวนี้หน่วยเคลวินแต่ว่าถ้าเป็นอุณหภูมิที่เราอยู่ได้ สมมติอุณหภูมิของ อากาศเปลี่ยนนิดหน่อยอะไรพวกเนี้ย เราทําการทดลองมนุษย์ทําการทดลอง เราไปใช้สามสามหนึ่งบวกศูนย์จุดหกทีเนอะความสัมพันธ์ก็จะอยู่ในรูปผลต่างนะครับ ว่า v1 ลบ v2 ก็มีค่าเป็นศูนย์จุดหกคูณด้วย t1 ลบด้วย t2 นะครับถามว่าสมการมาจากไหน ไอข้างบน คู่ตั้งสองสมการมาห่านกันนะครับแล้วก็ไอข้างล่างนี้สองสมการก็มาลบกันนั่นเองนะครับ ข้างล่างนี้จะ สมการลบการนะครับ ข้างบนจับสมการหันกัน อ่านี่คือเรื่อง เอ่อสิ่งที่ควรรู้ของเสียงนะครับ เสียงเริ่มไปนะครับ เสียงหมาเริ่มมาถัดมา เนื่องจากเสียงเป็นคืนนะ เสียงจึงมีสมบัติด้วยกันสี่อย่างทั้งสะท้อน หักเห แทรก สอน และเรียวเบน เรามาดูสมบัติการสะท้อนของเสียงครับในเรื่องการสะท้อนของเสียงนั้นนะครับ เราต้องทราบอยู่สองเรื่องนะเรื่องแรกก็คือว่าเสียงจากเรานะครับ ก็จะไปตกกระทบ ผนังแล้วก็สะท้อนกลับมาด้วยนะครับ เราจะได้ยินเสียงกล้องนะหรือจะได้ยินเสียงสะท้อน คือประสาทหูเราจะแยกเป็นสองเสียงได้นะครับเมื่อเวลานะ จะมากกว่าเท่ากับศูนย์จุดหนึ่งวินาทีจึงจะได้ยินเป็นสองเสียงนะครับ ไม่งั้นเราจะได้ยินเป็นเสียงเดียวนะแล้วที่สองนะครับ คลื่นสะท้อนนั้นนะครับคลื่นเสียงจะสะท้อนกับวัตถุนะ ที่มีขนาดใหญ่กว่าหรือเท่ากับลัมด้านะครับ ถ้าเราอยากสะท้อนกับวัตถุเล็ก ลัมดาต้องน้อย ความถี่ลงเยอะแต่ว่าถ้าเกิดเราสะท้อนวัตถุใหญ่ ลัมดาก็ต้องใหญ่ด้วยไม่ต้องใช้ลัมดาเล็กพื้นเสียงจะสะท้อนเสียงกิจขวางที่มีขนาดอย่างน้อย เท่ากับความยาวขึ้นและเวลาที่เสียงใช้ในการสะท้อนกลับมา และเราสามารถแยกเป็น 2 เสียงได้จะต้อง อย่างน้อยก็คือ 0.1 วินาที สําหรับเรื่องการสะท้อยแล้วเราได้ยินเสียงกลับมานั้นนะครับเราตั้งสมการว่าอัตราเร็วเสียงนะครับ เท่ากับระยะขาไปนะครับบวกด้วยระยะขากลับส่วนด้วยเวลา ตรงนี้นั้นนะครับถ้าเราอยู่นิ่งๆ นะ ระยะขาไปกับระยะขากลับเท่ากันนะครับเราจะตั้งสมการว่า v เท่ากับ 2s ส่วน t นะ เมื่อแรงกําหนดเสียงอยู่นิ่งนะครับ แต่ถ้าแหล่งกำเนิดเสียงเคลื่อนที่นั้น เราใช้ระยะขาไปบวกระยะขากลับส่วนด้วยเวลาระยะขากลับ ถ้าแหล่งกำเนิดเสียงเคลื่อนที่เราก็ไปใช้ความเร็วของแหล่งกำเนิดเสียงนะเพื่อที่จะหาว่าแหล่งกำเนิดเสียงเคลื่อนที่ไปได้เท่าไหร่และระยะขากลับเหลือเท่าไหร่นะครับเราก็ใช้สูตรนี้นะครับในการแก้ปัญหาการอาเคของเสียงนั้นเกิดเมื่อเสียงเปลี่ยนตัวกลางนะครับหลักสำคัญคือ ถ้าใครจดไม่ทัน เราสามารถอยู่วีดีโอไว้ได้นะ เราย้อนได้นะ แล้วกลับมาในอัตราเร็วเสียงนะครับ มันเปลี่ยนไปนะครับ v เปลี่ยนมันจะอาเกณฑ์เมื่อ v เปลี่ยนนะครับ ตัว v เปลี่ยนทําให้ลัมด้าเปลี่ยนนะครับในหนักที่ความถี่นั้นนะครับ ยังคงตัวเสมอนะครับความถี่คงตัวมาตั้งแต่เรื่องการอาเกณฑ์ของขึ้น การอาเกณฑ์ของแสงนะครับตัว f มันเท่าเดิม และตอนนี้แทนที่จะมีสมการแค่sci theta 1 ส่วน sci theta 2 นะครับ เท่ากับ v1 ส่วน v2เท่ากับลัมด้า 1 ส่วนลัมด้า 2 แล้วนะครับ ยังมีเท่ากับ square root นะครับ อุณหภูมินะฮะt ตัวนี้เป็นอุณหภูมินะครับ t1 ส่วน t2 ด้วยt เป็นอุณหภูมิในหน่วยเคลวิน แปลว่าถ้าอุณหภูมิเปลี่ยนนั้นอัตราเร็วเสียงมันเปลี่ยนแน่นะ จึงเกิดการหังเหได้นะครับตรงนี้ทําให้เราได้ยิน ตอนตรงนี้นะครับทําให้เราเห็นฟ้าแลบแต่ไม่ได้ยินเสียงฟ้ารองนะฮะเนื่องจากขึ้นเสียงมันสะท้อนกลับหมดนะครับ จนทําให้ขึ้นเสียงไม่สามารถส่งลงมายังพื้นโลกได้ ยกตัวอย่างการหักเหตุก็มีการหักเหตุจาก อ่า อุณหภูมิสูงไปอุณหภูมิต่ํานะครับก็มุมมาก อุณหภูมิสูง เซตามาก มุมมากนะครับความเร็วก็มากนะครับ มุมมากนะครับ อุณหภูมิต่ํานะครับ เอ่อความเร็วน้อยนะครับ มุมก็น้อยนะ นะฮะ สูงมาต่ํามันก็หักเข้าหาเส้นแนวฉากนะครับแต่ว่าถ้าต่ําไปสูงมันก็เบนออกจากเส้นแนวฉาก ในกรณีอุณหภูมิต่ําไปอุณหภูมิสูงเท่านั้นนะครับจึงจะเกิดปรากฏการณ์สะท้อนกลับหมดนะครับ เกิดเมื่อเสียงนะครับ เคลื่อนที่จากอุณหภูมิต่ำไปยังอุณหภูมิสูงซึ่งแน่นอน อากาศบนท้องฟ้ามันอุณหภูมิต่ำนะครับอากาศบนพื้นโลกอุณหภูมิสูงกว่าเนอะ ดังนั้นนะครับเสียงจากท้องฟ้าเนี่ยนะครับ ที่อุณหภูมิต่ำนะครับเมื่อมันทํามุมตกรบนะครับ เท่ากับมุมวิกิจหรือซีนะอันนี้แส่นแนวฉากเอ็นนะครับ ก็จะทําให้มุมหักเหนะครับมีค่าเป็นเก้าสิบองศา และถ้ามุมตกกระทบมากกว่ามุมวิกฤตนะครับ ก็จะเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่าสะท้อนกลับหมดนะครับคู่ว่าภาพให้ดูนะครับ คือถ้าน้อยกว่า มุมตกกระทบน้อยกว่ามุมวิกฤตนะครับมันก็จะหักเหได้ น้อยกว่า Theta 4 นะครับ ก็หักเหได้เท่ากับ Theta 4 พอดีนะครับ มุมหักเหเป็น 90 องศาแต่ถ้ามากกว่ามุมวิกฤตนะครับ ใช้สีอะไรดีทีนี้ สีเหลืองแล้วกัน สีฟ้าเป็นเส้นปะ อืม ตกกระทบนะครับมากกว่ามุมมิกิตนะครับ มันก็จะเกิดการสะท้อนกลับหมดอืม คุณเอาสีแดงคู่มาด้วยเลยอ่ะ อีกทีหนึ่งนะ วาดอยู่ในรูปเดียวกับดาดจักรงนะครับดูนะ พอมุมตกฐกเป็นมุมวิกฤตฯ พอดีนะครับตามที่ครูไฮไลท์มาเลยนะครับ ตอนนี้มุมหักเหยเป็น 90ถ้าเป็นมุมตกฐกเป็นเฟสตัส C นะครับ มุมเหยเป็น 90แต่พอน้อยกว่านะครับ มันจะหักเหยได้แต่พอมากกว่านะครับ มันจะเกิดการสะท้อนกลับมุมออกไป สรุปตรงนี้นะครับ ถ้ามุมตกทบนะครับ เท่ากับมุมวิกฤตนะครับตอนนี้นั้นมุมหักเหนะครับ จะเป็น 90 องศาแต่ถ้ามุมตกทบนะครับ น้อยกว่ามุมวิกฤตนะครับ อันนี้หักเหได้แต่พอมุมตกทบนะครับ มากกว่ามุมวิกฤตนะครับ อันนี้ไม่หักเหนะเราเรียกว่า การสะท้อนกลับหมดนะครับ แน่นอนเสียงที่ไม่ตกลงมาที่พื้นโลกนะเราเห็นปลาแลบแต่ไม่ได้ยินเสียงปลาร้องเนื่องจากเสียงมันสะท้อนกลับหมดนะตัวมุมวิกฤตนะครับ สามารถหาได้จากไซส์เซตาสี่ส่วนไซส์เก้าสิบองศาไซส์เก้าสิบองศามันเป็นหนึ่งนะครับ เดี๋ยวนั้นไซส์เซตาสี่เนี่ยนะครับจึงมีค่าเท่ากับวีหนึ่งส่วนวีสองนะครับ จะมีค่าเท่ากับ square root t หนึ่งส่วนด้วย t สอง มีลับด้านหนึ่งส่วนลับด้านสองด้วยนักเรียนไปเขียนเอง เนอะ อันนี้ก็คือเรื่องการหักเหนะครับและมีสะท้อนกับหมดด้วยนะ เกิดเมื่อเสียงขึ้นอีกจากอุณหภูมิตามไปอุณหภูมิสูงนะครับสูตรการทางเรียนธรรมดาทางเรียนติดตามครูมาตั้งแต่เรื่องค ลนะครับหรือเรียนได้เรื่องค ลเรื่องเสียงครูคิดว่าโอ้โห ทําได้แน่แน่นะครับถัดมาเรื่องการแทรกสอนนะครับ การแทรกสอดเกิดจากแหลงกําเนิดอาร์พันธุ์นะครับ เป็นแหลงกําเนิดที่มีความถี่เท่ากันและมีเฟสต่างกันคงตัวเสมอนะครับแหลงกําเนิดสองแหลงเนี่ยนะครับ จะให้ขึ้นไปรวมกันด้วยนะครับจุดที่มันรวมกันนั้นนะครับ จะเป็นจุดที่มีการรวมกันแบบเสริมนะเราเรียกว่าปฏิบัติ ตําแหน่งที่มีการแทรกสอดนะครับหรือรวมกันแบบเสริมจะเกิดเสียงดังนะครับ กว่าปกตินะและตําแหน่งที่เป็นบับนะครับ ตําแหน่งที่มีการแทรกสอดแบบหักล้างนะครับก็จะเกิดเสียงค่อยหรือเสียงเบานะครับ ตำแหน่งที่เป็นปฏิบัตินั้นนะครับ เมื่อขึ้นทั้ง 2 นะครับไปรวมกันนะครับ ขึ้นที่รวมกันนั้นเฟสมันตรงกัน มันก็เสริมนะครับแต่จุดๆที่เป็นบาปนั้นนะครับ ขึ้นจากกันทั้ง 2พอไปเจอกันนะครับ เฟสมันตรงกันข้ามนะครับเฟสมันตรงหรือเฟสมันตรงกันข้ามนั้น ดูจากผลต่างนะครับของระยะที่มันเคลื่อน คือถ้าระยะที่มันเคลื่อนนั้นต่างกันเป็นจำนวนเต็มลัมดาก็เฟสตรงกันเสมอนะนะครับ ก็เป็นปฏิบัติ แต่ถ้าเฟสมัน แต่ระยะที่เคลื่อนนั้นนะครับถ้ามีความต่างเป็น คึ่งลัมด้า มันก็จะหักหลางนะ สามารถใช้ในการคํานวณจะเป็นs 1 p ลบ s 2 p นะครับ อืม s 1 ไปถึงพี่นะครับจุดนี้จุดพี่ นะ แล้วก็ s 2 ไปถึงพี่นะครับดูว่ามันเคลื่อนที่ได้นะครับ เป็นผลต่างจะเต็มลัมด้าหรือเปล่านะครับถ้าเป็น n เป็นศูนย์หนึ่งสองนะครับ สามไปเรื่อยเรื่อยก็จะเป็นปฏิบับหรือเสียงดังนะครับโดยนะครับ ตัว n เป็นหนึ่งที่ปฏิบับ n เป็น 0 ที่ปฏิบัติที่ 0 หรือแนวกลางนะครับn เป็น 1 ที่ปฏิบัติที่ 1n เป็น 2 ที่ปฏิบัติที่ 2n เป็น 3 ที่ปฏิบัติที่ 3 นะในบับนั้นนะครับ ใช้สมการว่า s1p-s2p เท่ากับ n-1 ส่วน 2 lambdaตรงนี้ที่ต้องลบ 1 วัน 2 เพื่อทำให้เป็นครึ่งลูกนะครับโดยที่ n นั้นนะครับ เท่ากับ 0.5 1.5 แล้วก็ 2.5 นะ ไม่ใช่ผิดคือถ้าใช้ศูนย์นี้ n เป็นจำนวนเต็มนะครับ 1 2 3 อ่ะ ไปเรื่อยเรื่อย เนี่ย มันก็จะกลายเป็นบับหรือเป็นเสียงเบานะครับตอนครูสอน ครูเอา 2 สูตรนี้ไปรวมกันนะ โดยเอา n ลบ 1 กว่า 2 เนี่ยครูเอาไปลบให้นะครับ นักเรียนจําสูตรรวมกันเลยก็ได้นะว่าs 1 p ลบ s 2 p นั้นนะครับ เท่ากับ n ลัมด้าพอเราจําไปสูตรเดียวนะครับ และถ้า n เป็น 0 1 2 นะมันก็เป็นปฏิบัตินะครับ หรือเสียงดัง แต่ถ้า n เป็นครึ่งลัมด้านะครับ1.5 ลัมด้าหรือ 2.5 ลัมด้า มันก็เป็นเสียงเบานั่นเอง หรือเป็นบับนะครับเอ่อ เอ็นเม้นสูตรจุดห้า เราต้องรู้ด้วยว่าบับที่หนึ่งนะไอ้นี่บับสอง ไอ้นี่บับที่สาม อันนี้เป็นเรื่องการแทรกสอดของเสียงนะครับมีอีกเรื่องหนึ่ง จริงจริง คุณสอนการแทรกสอดด้วยในเรื่องขึ้นนะเอ่อ จํานวนปฏิบับและบับทั้งหมดนะครับ เราสามารถหาจํานวนนะครับ ปฏิบัตินะครับ และบับทั้งหมดได้นะ โดยใช้สมการว่า d นะครับเท่ากับ n lambda นะ โดย d ตัวนี้นะครับ มีค่าเท่ากับระยะนะครับจาก s1 นะครับ ถึง s2 ตัว n นะครับ ก็คือค่า n ที่มากที่สุดที่จะเป็นไปได้นะครับและ n ที่มากที่สุดก็จะบอกเราว่ามันเกิดปฏิบัติและบับนะครับ ถึงแนวที่เท่าไหร่นะครับเพราะถ้านักเรียนคิดถึง n ที่มากที่สุดได้ 2 นะครับ มันก็จะเกิดการแทรกสอดเป็นปฏิบับ 2 ฝั่งซ้าย 2 ฝั่งขวานะครับแล้วก็ศูนย์ตรงกลางก็จะเกิดปฏิบับทั้งหมด 5 แนวนะครับและบับก็จะอยู่ระหว่างนั้นนะครับ บับก็ 4 แนวนั่นเองยกตัวอย่างเช่น ถ้า Nmax นะครับ คูคิดได้ 2ดังนั้นนะครับ จึงเกิดปฏิบับที่ 0, 1, 2 นะครับ ทั้งหมด 5 แนว ที่เป็นศูนย์ 1 2 ที่เป็น 5 แนวก็เพราะว่า 1 กับ 2 เราเบิ้ลนะครับเราคูณ 2 เรามี 2 ฝั่ง แต่ว่าศูนย์เรามีอันเดียวนะครับจะเกิดบับทั้งหมดเท่าไหร่ จะเกิดบับทั้งหมดเนี่ยนะครับถ้าท่านกลียนนับไม่ได้ ท่านกลียนเขียนก็ได้มันเกิดศูนย์ 0.5 ได้ 1.5 ได้นะ แต่ว่า 2.5 มันเกิดไม่ได้เพราะว่า Maximum มัน 2 ใช่ไหม ดังนั้นพอเกิด 2.5 ไม่ได้มันก็จะเกิดทั้งหมด 4 แนวนะครับ โอเค นี่คือการแทรกสอดของเสียงนะ สําหรับการเลี้ยวเบรนด์นั้นง่ายง่ายนะครับขึ้นเสียงจะเลี้ยวเบรนด์ได้ดีที่สุดเมื่อลัมดามีค่าเท่ากับ เอ่อระยะของช่องนะ สมมุติ ส่วนถามเสียงเลี้ยวเบรนด์ผ่านประตูกว้างแปดสิบเซนต์เอาให้ลัมดาเป็นแปดสิบเซนต์นะครับ แล้วก็หาความถี่อะไรว่าไปเลี้ยวเบรนด์ได้ดีนะ นักเรียนจดเองนะเลี้ยวเบรนด์ได้ดีเมื่อลัมดานะครับ เท่ากับความกว้างของช่องดีนะครับเลี้ยวเบรนด์ผ่านประตูแปดสิบเซนต์ให้ลัมดาแปดสิบเซนต์เลยแล้วก็ ไปใช้ V ถ้าครับแอป Lambda นะ ถัดมาเป็นเรื่องความเข้มระดับความเข้มเสียงครับตัวความเข้มเป็นอัตราส่วนระหว่าง เอ่อ กําลังนะครับของแหล่นกําลังเสียงต่อด้วยพื้นที่นะ แล้วความเข้มจึงมีหน่วยเป็นวัดต่อตารางเมตรนะครับ สมการความเข้มก็คือ I นะครับเท่ากับ P ส่วน A แต่ว่าไอ้พื้นที่รับเสียงเนี่ย เป็นรูปทรงกลมอ่ะนะครับ ดังนั้นความเข้มเลยกลายเป็น P ส่วนด้วย C พลาย R กำลัง 2หมายความว่าความเข้มเสียงนั้นขึ้นอยู่กับ 2 อย่างอย่างแรกคือกำลังของแหล่งกำหนดเสียงอย่างที่ 2 ก็คือ ละยะห่าง R นะแปลว่า P ไม่ใช่แปลว่า I นะครับ แปลตามกำลังของมันนะกำลังมากแน่นอนเสียงก็ดังนะครับเวลาซื้อเครื่องเสียงก็เน้นกำลังเยอะนะฮะจริงๆ ว่าเน้นกำลังน้อยนะจะได้พอนะครับโอเค แล้วก็ความเข้มนั้นแปลผกผันกับระยะห่างยกกำลัง 2ตรงนี้เนี่ยครับ เนื่องจากกำลังในหน่วยหวัดนั้นเป็นอัตราส่วนของพลังงานเสียงต่อด้วยเวลาดังนั้นกำลังที่เป็นหวัดจึงหาจากพลังงานหาด้วยเวลาในหน่วยจูนต่อวินาทีตัวความเข้มที่มนุษย์ได้ยินนะครับ มีค่าอยู่ระหว่าง 10 กำลังลบ 12 นะครับถึง 1 บาทต่อตารางเมตรนะครับ10 กำลังลบ 12 เป็นความเข้มเสียงน้อยสุดนะครับที่ ที่เราได้ยิน ที่คนปกติได้ยินนะครับถ้าคนไม่ปกติหรือหูตึงอ่ะ จะได้ยินที่ 10 ลบ...อะไรอ่ะ 10 ลบ 5 อะไรเท่านี้นะไม่ใช่ไหม อ่ะ 10 ลบ 8 10 ลบ 7 นะครับ ถ้าหูตึงนะ แต่คนปกตินะครับ จะได้สิบยกกําลังลบสิบสอง เอ่อ ถึงหนึ่งวัตต์ต่อตารางเมตรนะระดับความเข้มเสี่ยงเป็นการเอาความเข้มเสี่ยงไปใส่ล็อกนะครับการที่ใส่ล็อกนักเรียนก็ทราบแล้วว่าเรากําลังพินาเลขยกกําลังนะครับเช่นล็อกร้อยนะครับ ล็อกร้อยได้สอง เพราะมันคือล็อกสิบกําลังสองใช่ไหมล็อกพันนะครับ ล็อกสิบกําลังสามก็ได้สาม ทีนี้นะครับ เพื่อ ถ้าเราเอาตัวความเข้มไป พี่นายเลขยกกำลังก็จะได้เลขติดลบดังนั้นมันไม่สวยนะครับ วิธีการเปลี่ยนเป็นระดับความเข้มนะครับเลยใช้สิบนะครับ คูณด้วยล็อกนะครับ i แล้วก็หารด้วย i0i0 คือ 10 ยกกำลังลบ 12 หรือตรงนี้ใครจะเขียนเป็น i ส่วน i0 ก็ได้ ที่เอาไอ้ 0 ไปหารก็เพราะว่า 10 ยกกำลังรบ 12 มันจะได้เป็น 0 dbเราไปคิดดูนะครับ 10 กำลังรบ 12 หาร 10 กำลังรบ 12 ได้ 1 ล็อก 1 ได้ 0ดังนั้น 10 กำลังรบ 12 บาทต่อตารางเมตรจะได้ 0 dbตัว 10 กำลัง 0 บาทต่อตารางเมตร ไอ้นี่ได้ 120ดังนั้นตารางนี้ท่านการเรียนกับครูนักเรียนจะเขียนมันได้และสามารถเปลี่ยนระดับความเข้มเป็นความเข้มแบบเร็วๆได้ด้วยนะครับ10 ลบ 10 ได้ 10 db นะครับ 10 ลบ 18 ได้ 10 แล้วก็ 20 dB ลบ 9 ได้ 30 อันนี้ได้ 40ลบ 7 ได้ 50, 60, 70 dB, 80 dB, 90, 100 แล้วก็ 110 dBหลักการคือตัวเลขยกกำลังที่เป็นบวกเราไม่เอาเลขลบ กับตัวเลขหน้าศูนย์จะต้องรวมกันได้ 12เช่นเลข 6 กับเลข 6 รวมกันได้ 12เลข 3 กับเลข 9 รวมกันได้ 12 ข้อสอบชอบถามว่า ถ้าระดับความเข้มต่างกัน 10 นะครับความเข้มต่างกันเท่าไหร่ ดูนะครับตรงนี้ระดับความเข้มต่างกัน 10 นั้นนะครับ ความเข้มจะต่างกัน 10 เท่าด้วยนะครับความเข้ม 10 เท่านะครับ อันนี้บวก 10แต่นะครับ ถ้าบวก 20 นะครับ ข้างบนนั้นจะต่างกัน 100 เท่านะครับ10 กระดังลบ 4 ถึง 10 กระดังลบ 2 อันนี้ 100 เท่าเลยนะ เอ่อ ที่เป็นเช่นนี้เพราะว่าตัวระดับความเข้มนั้นเราพินาเลขยกกําลังนะครับเราสามารถเปรียบเทียบความเข้มกับระดับความเข้มได้นะครับโดยการก็เหมือนเดิมนะ ตั้งสองสมการแล้วก็จับมาหารกันนะครับในกรณีความเข้มนะครับ จะตั้งสมการว่า i1 ส่วน i2 นะครับจะได้ p1 ส่วน p2 นะครับ แล้วก็คูณด้วยนะครับ อันนี้ก็แน่นอนนะครับ เป็นไปตามสมการ i เท่ากับ p ส่วน 4 ภาย r กว่า 22 สมการนะครับ มาหาลกันนะ เขียนไม่สวย เขียนใหม่ตัวระดับความเข้มเองนั้นนะครับ เราเปรียบเทียบโดยใช้ผลต่างนะครับอย่างไอ้หน้าที่แล้วนะครับ เราจะเห็นว่าคู่เปรียบเทียบระดับความเข้มข้างล่างเป็นผลต่าง ย้อนออกไปดู ตัวระดับความเข้มที่เปรียบเทียบเป็นผลต่างนะ เช่น 80-100 เนี่ยนะครับอันนี้บวก 20 นะครับ ต่างกัน 20แต่ว่าตัวความเข้มเองนั้นเป็น 10-4 กับ 10-2 นะครับ ต่างกัน 100 เท่าเลยนะครับนี่เรามาหารดูนะ 10-2 หาร 10-4 ได้ 100 เท่าแน่นอนถ้าบวก 30 อันนี้ 1000 เท่านะครับ อันนี้บวก 30 ข้างบน 1000 เท่านะครับตัวระดับความเข้มที่เปรียบเทียบเป็นผลต่างนั้นนะครับ จะได้ระดับความเข้ม 1-2 นะครับจะมีค่าเท่ากับ 10 log I1 ส่วน I2I1 ส่วน I2 นักเรียนใช้ฝั่งด้านขวาไปแทนค่าเอานะครับด้านซ้ายไปแทนค่าเอานะครับตรงนี้นำมาสู่สมการย่อยนะครับ 3 สมการนะว่าถ้าเราพินาระยะห่างที่เท่ากันนะครับระดับความเข้มที่ต่างกันจะเท่ากับ 10 log P1 ส่วน P2 พอ ระยะห่างเท่ากันนะ เพราะว่าถ้าระยะห่างเท่ากันนั้นนะครับตรงนี้จะหายไปr ก็จะหายไปนะ ดังนั้น i1 ส่วน i2 ก็เท่ากับ p1 ส่วน p2 นั่นเองนะครับก็เอามาใส่ในนี้ แต่นะครับถ้าเป็นแหล่งกำเนิดเดียวกันนะหลายแหล่งกำเนิดเดียวกัน อ่า อ่า อ่า พีก็จะเท่ากัน ในหน้าดับความเข้มนะครับ 1-2 เนี่ยนะครับ จะมีค่าเท่ากับ 10 log นะครับ อา สอง ส่วน อา หนึ่ง ยก กําลัง สอง ตัวนี้ อา จะ ส ลับนะครับ เพราะ ตัว อา เอง มัน แป ร ผ ก ผ ั น เนอะ อืม แล้ว ถ้าตัวนี้ หายไป นะครับ ไอ หนึ่ง ส่วน ไอ สอง ก็จะ ได้ อา สอง ส่วนอา หนึ่ง ทั้งหมด ยก กําลัง สอง ตัวนี้ แก้ ส ม การ ล็อค นักเรียน แก เอง ก็ได้ นะครับ ก็จะกลายเป็นระดับความเข้มหนึ่งลบสองระดับยี่สิบล็อกอาร์สองส่วนอาร์หนึ่งหรือถ้านักเรียนติดกําลังสองไว้ก็ได้นะครับ จริงจริงติดกําลังสองไว้ก็ไม่ได้ซับซ้อนอะไรนะ มันช่วยอธิบายเราได้มากกว่าด้วยซ้ําไปนะครับทีนี้ถ้าเป็นคนละแหล่งกําเนิดและเป็นคนละระยะกันเลยนะถ้าเป็นอย่างงั้นก็ก็จัดเต็มเข้าไปนะครับ เราจะได้ถ้าคนละพีกัน แล้วก็คนละ r ด้วย ก็ไม่เป็นไรนะครับ เราก็ได้ระดับความเข้มหนึ่งลบระดับความเข้มสองนะครับ จะมีค่าเท่ากับสิบล็อกอันนี้ก็วงเล็บโตโตไว้เลยนะครับ i1 ตัว i2 ก็ได้ p1 ตัว p2 นะครับคูณด้วย r2 ตัว r1 ยกกำลังสองนะ ยกกำลังสองคือทําทั้งแก๊งก่อนนะครับแล้วค่อยไปแก่ลอกนั้น สองตัวนี้ปัดลงมาข้างหน้าไม่ได้นะครับตัวระยะห่างมันเป็นเมตร มันเป็นเท่าอยู่แล้ว มีปัญหานะ แต่ตัวแหล่งกำเนิดก็ต้องทราบว่าท่าน 1 แหล่งกำเนิดกำลัง P5 แหล่งกำเนิดก็กำลัง 5 P100 แหล่งกำเนิดก็กำลัง 100 Pโอเค นี่คือความเข้มแล้วก็ระดับความเข้มเสียงนะครับถัดมาเป็นเรื่องการสั่นพ้องของเสียงนะครับแล้วการ Resonance ของเสียงในท่อไปเปิดกับท่อไปปิดครับ มาดูกันครับการสั่นพ้องของเสียงนะครับการสั่นพ้องเสียงเป็นปรากฏการ เดียวกับการที่นักร้องออเวลานะครับ ร้องเพลงแล้วก็แก้วนะครับที่มีความถี่เท่ากับความถี่ของเสียงนักร้องนะครับ มันก็สั่นนะครับหมายความว่านะครับ ความถี่จากภายนอกนะครับความถี่ภายนอกนะครับ จะต้องมีค่าเท่ากับความถี่ธรรมชาตินะครับของไอ้ตัวหลอดทดลองนะครับ สิ่งที่เกิดขึ้นนะครับเมื่อเกิดปรากฏการณ์นี้ก็คือหลอดนะครับ จะส่งเผียงนะครับ ส่งเผียงได้ หรือพูดง่ายง่ายว่าหลอดของเราจะสั่นนะครับประวัติการนี้เรียกว่าการสั่นพร้อง การกําทอหรือเลสโนแนนนะครับเอ่อทีนี้ความดีธรรมชาติของหลอดทดลองนั้นนะครับ ก็เป็นเรื่องคืนนิ่งนะที่เราจะพิจารณานะ ความดีธรรมชาติของหลอดทดลองนั้นนะครับตรงปลายหลอดด้านเปิดนะครับ ตรงเนี้ยนะครับ จะต้องเป็นปฏิบัตินะและขณะที่ปลายด้านปิดนั้นจะต้องเป็นบับ ด้วยนั้นความถี่ธรรมชาติของหลอดท่อลองก็จะต้องทำให้ความยาวขึ้นนะครับ มีค่าที่มันทำให้ปลายหลอดเป็นปฏิบัติแล้วก็ตรงตรงปลายผิดนะครับเป็นบับมันจึงจะเกิดเสียงดังได้นะการสัดฟ้องครั้งแรกนะครับของหลอดท่อลองแบบลูกสูงมีความยาวโดยประมาณนะครับ ก็คือลัมด้าส่วนสี่ตอนนี้เป็นความรู้เรื่องคื่นนิ่งที่ลังเรียนต้องทราบว่า เดี๋ยวลืมเรื่องคื่นนิ่งอีกคื่นนิ่งเป็นคื่นต่อรอบกับคื่นสะท้อนมารวมกันนะครับ โดยที่คลิกนิ่ง 1 ลัมด้านั้นนะครับ ก็จะเป็น 2 ลูปแล้วถ้านักเรียนเจอลูปเดียวนี้ก็คือ ลัมด้าส่วน 2ถ้าเรียนไปเจอปากอ้าวแบบนี้นะครับ ไม่ใช่ถั่วนะ ลัมด้าส่วน 4ตัวนี้ตั้งจากความคาดเคลื่อนที่ปลายท่อนะ ครูควรเขียนประมาณนะL1 จะมีค่าโดยประมาณเป็นลัมด้าส่วน 4 นะครับคือถ้าไม่มี L2 เราจึงจะใช้ L1 เป็นลัมด้าส่วน 4 ได้ แต่ถ้ามี l2 เมื่อไหร่นะครับ เราจะบอกว่าไอ้ l1 กับ l2 ลบกันเนี่ยนะครับ จะมีค่าเป็นลัมดาส่วนสอง ก็คือ 1 รูปนะครับแน่นอนไอ้ l2 กับ l3 ก็ลบกันก็จะได้ลัมดาส่วนสองอีกแล้วตอนนี้สิ่งที่ต้องทราบสําหรับการสั่นพ้องนะครับ ท่อแบบลูกสูบ ท่อแบบลูกสูบมันจะดึงความยาว ดึงให้ท่อยาวขึ้นได้นะครับในเวลาที่ตัวลัมดาจะเท่าเดิมนะ หรือพูดง่ายว่าความถิ่นมันต้องเท่าเดิมแต่ว่าแอลเปลี่ยนนะครับ ในกรณีลูกสูบนะก็จะมีเสียงดังครั้งที่หนึ่งนะครับ เสียงดังครั้งที่หนึ่ง รูปนี้นะเสียงดังครั้งที่สอง อ่า เสียงดังครั้งที่สามโดยก็จะบอกมาว่า เสียงดังครั้งที่หนึ่งนะครับลูกสูบยาวสิบเซน อ่า เสียงดังครั้งที่สอง ลูกสูบยาวสามสิบเซนนักเรียนมีหน้าที่เอาสองอันมาลบ กันนะครับ แล้วจับเท่ากับลัมดาส่วนสองหลังจากนั้นใช้สูตร b เท่ากับ f ลัมดา เราจะหาความถี่ของมันได้เนอะ ตรงนี้คุณขอเขียนเป็น Delta L นะครับ หรือ L2 ที่ติดกันนะตรงนี้ยกตัวอย่าง L2 ลบ L1 แล้วกัน มันเท่ากับ Lambda ส่วน 2ตรงนี้นั้นนะครับ เอาไปหาความที่ หรือเอาไปหา V ได้นะครับโดยใช้สูตรว่า V เท่ากับ F Lambdaตรง L1 เองนั้นนะครับ เราสามารถบอกได้ว่ามันมีค่าโดยประมาณคือ Lambda ส่วน 4 เราใช้มุกนี้ได้นะครับ เมื่อไม่บอก L2 มาคือไม่รู้จะไปลบกับอะไรนะครับคือสมมุติบอกการสันพอกครั้งแรกนะครับความยาวลูกสูบเท่านี้ หาความถี่เลยก็ Lambda ส่วน 4 ไปเลย อนุโลมให้ใช้ได้แต่ถ้าบอก 2 ครั้ง ห้าม ต้องเอามาลบกันแล้วถึงเป็น Lambda ส่วน 2 นะครับเรื่องนี้ไม่มีอะไรยากความถี่เท่าไหร่ อะไรประมาณนี้นะ เพราะเราหา Lambda ได้นะครับ เราก็จะรู้ความถี่นั่นเอง หรือถ้ารู้ความถี่เราจะหาความเร็วเสี่ยงได้จับลบกันได้ λับด้านส่วน 2 อย่าลืมสันพันธ์เป็นการส่วน ไม่ใช่ การสั่นพ้องของท่อเป็นท่อปลายเปิด 2 ด้าน กับท่อปลายเปิดด้านปิดด้านเรามาดูกันครับ ในกรณีที่ท่อมีความยาวคงที่มันสามารถสั่นพ้องได้หลายครั้งนะครับ แต่กรณีนี้ความถี่จะเปลี่ยนไปนี่ความยาวท่อเท่านะครับ f จะเปลี่ยน ความถี่แต่ละความถี่มีชื่อนะครับ ไอ้ความถี่ต่ำสุดที่ทําให้เกิดการสั่นพ้องนั้นนะเราชื่อว่าความถี่มูลฐาน ไอ้ความถี่มูลฐานนั้นนักเรียนจะเห็นว่าลัมด้ามันจะจะเยอะที่สุดอ่ะนะครับ คือไอ้รูปแรกนั้นลัมด้าเยอะจัดเลยนะตรงนี้ที่เป็นแบบนี้เพราะว่าพยายามทําให้ทั้งสองด้านเป็นปฏิบัติอ่ะนะครับเพราะมันเป็นปลายเปิดนะฮะสองด้าน อันนี้ปลายเปิดด้านปิดด้านนะครับ ตรงนี้ก็เป็นปฏิบัตินะครับ อันนี้ก็เป็นบัติความถี่ถัดไปนะครับ ที่ทำให้เกิดการสั่นพ้องนั้นนะครับเราเรียกมันเป็นฮาร์โมนิคเนอะตรงความถี่มูลฐานนะครับ มันเป็นฮาร์โมนิคที่หนึ่งเพราะฮาร์โมนิคเองนั้นความหมายคือ จำนวนเท่านะครับของความถี่มูลฐาน ความถี่นะครับ ที่เป็นจำนวนเท่า ของความถี่มูลฐานหรือความถี่ต่ำสุดอ่ะนะครับกูใช้เทศหนึ่งก็ได้นะ อ่า ไม่ใช่หุ่นใดนะ เห็ดหวันเออพูดถึงหุ่นใดแล้วพูดถึงญี่ปุ่นหน่อยนะ เก่งมากเลยนะสามารถเอาชนะเยียมมันนะครับ ในการแข่งขันฟุตบอลโลกได้นะก็ทีมจากเอเชียก็รู้สึกว่า ก็คือตั้งใจนะครับ ถึงแม้ได้บอลน้อยกว่ายิงประตูน้อยกว่า แต่ก็เน้นผลการแข่งขันนะครับเน้นยิงเข้านะ มีเรื่องหนึ่งอยากจะเตือนนะ เราไม่ควรเล่นการพนันนะครับไม่ควรลองด้วยนะ ตอนเล่นมันสนุกนะคือสมองเราเนี่ยมันจะมีสารตัวหนึ่งนะครับกูจำไม่ได้นะ กูไม่ได้เก่งชีวะ มันจะหลั่งออกมาตอนที่เรามีความสุขกันนะครับ ก่อนการลุ้นเนี่ยนะครับ ไอ้สารตัวนี้ก็จะหลั่งออกมารอก่อนเพราะมันพร้อมๆหลั่งสารตัวนี้ออกมาแล้ว สารในสมองนะมันจะทำให้เรามีความสุขนะ ดังนั้นการพนันถ้าเราเล่นไปเยอะๆมันก็จะติดนะครับแล้วก็หากห้ามใจตัวเองได้ยาก เพราะว่าสมองเรารับรู้แล้วว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์เชียร์บอลเราจะมีความสุข เกิดเหตุการณ์ลุ้นมันจะมีความสุข อย่างนั้นถ้าใครลิ เริ่มหาความสุขโดยการเล่นการพนันก็กรุณาเลิกนะครับไปออกกำลังกาย เล่นเกมก็ยังดี เล่นกีฬา ดูซีรีส์เกาหลี โอเคนะครับ อันนี้ H1 เป็น Hyundai รถของเกาหลีนะ ออกญี่ปุ่นเฉยๆตัวฮามูลิกถัดมานะครับ ในท่อไปเปิด 2 ด้านนะครับเมื่อกี้จะเห็นว่าตัวนี้ความยาวขึ้นมันเหลือครึ่งเดียวนะครับแปลว่าความถี่เป็น 2 เท่านะครับ อันนี้เป็นฮามูลิกที่ 2หรือพูดง่ายๆว่ามีความถี่เป็น 2 เท่าของ F0 นะครับความถี่ถัดมาเป็น 3 เท่าของ F0 นะครับ สําหรับท่อปลายเปิดด้านปิดด้านนะครับ ความถี่มุนฐานเป็น f0แต่ว่า เอ่อ ท่อปลายเปิดด้านปิดด้านจะมีฮาวโมนิกเฉพาะเลขคีเท่านั้นนะนะครับ ความถี่ถัดไม้ทําให้เกิดทานสันพ้องเป็น 3 f0 แล้วก็เป็น 5 f0 นะครับที่เป็นชนิดนี้เพราะว่า ลัมดามันหายไปเหลือหนึ่งในสามนะดังนั้นความถี่เลยเป็น 3 เท่านะครับ แล้วก็ 5 เท่านะครับตัวนี้เหตุผลนะ คุณ่าจะอธิบายละเอียดในคอเรียนนะนักเรียนไปย้อนในคอเรียนก็ได้นะครับ เอ่อ จําเป็นสูตรไปนะครับว่า ในวันนี้ท่อไปเปิดสองด้านนะครับความถี่ที่ทําให้เกิดการสั่นพ้องนะครับ f n นะครับจะมีค่าเท่ากับ n v ส่วนด้วยสองแอลนะครับ n ของท่อไปเปิดสองด้านมีได้ทุกค่าเลยนะหนึ่งสองสามไปเรื่อยเรื่อย ในวันนี้ท่อไปเปิดด้านปิดด้านนะครับปิดหนึ่งด้านนะครับ แล้วก็เปิดหนึ่งด้านนะครับความถี่ทําให้เกิดการสั่นพ้องเป็น n v ส่วนสี่แอลนะครับ ตอนนี้มีฮาร์มอิกเฉพาะเลขคี่เนอะ เอ็นเลยกลายเป็นหนึ่งสามห้านะครับไปเรื่อยเรื่อยนะ เจ็ดเก้าด้วยนะ อธิบายเพิ่มนิดหนึ่งนะครับหมายความว่าถ้าเรารู้ความถี่มูลฐานแล้วนะ เราสามารถรู้ความถี่ถัดไปถ้าไม่เกิดการสั่นพ้องได้เลยนะ สมมุติว่า คุณรู้ความถี่มูลฐานว่าเป็นห้าร้อยเฮิรตรสมมุตินะครับ เอฟสูตรเป็นห้าร้อยเฮิรตรนะ ดังนั้นความถี่ถัดไปที่ทำให้เกิดการสั่นพ้องอ่ะนะครับก็จะมีค่าเป็นสองเท่านะ ทำอีกที่สองนะครับ หรือหนึ่งพันเฮิรตรนั่นเอง เออ ความยินดีถัดไปก็สามพันเฮิรตซ์นึกออกไหม ความยินดีถัดไปก็พันห้าร้อยเฮิรตซ์ก่อนอ่ะพูดผิด อันนี้คือท่อปลายเปิดสองด้านครับถ้าเป็นท่อปลายเปิดด้านปิดด้านเนี่ย ต้องทราบว่าถ้าเอ็ปศูนย์ของเราเป็นห้าร้อยเนี่ยนะ ถัดมาไม่ได้สองเท่าเนอะ ถัดมาก็ต้องเป็นสามเท่าถูกไหมถัดมาก็ต้องเป็นพันห้า แล้วก็ห้าเท่านะครับ ก็คือสองพันห้าเนอะเป็นธรรมิตรที่หนึ่ง ธรรมิตรที่สาม และธรรมิตรที่ห้าสําหรับท่อปลายเปิดด้านปิดด้าน แต่เป็นธรรมิตรที่หนึ่ง สอง สามสําหรับท่อปลายเปิดสองด้านนะครับ นี่การสั่นพร้อมนะฮะซึ่ง สําหรับวิธีหนึ่ง มีสองเรื่องที่ต้องทําให้ได้คือท่อที่มันปรับความยาวได้เป็นลูกศูนย์นะครับ เพราะลูกสูบ f มันเท่าเดิม แต่ว่าความยาวท่อจะเปลี่ยนไปโดยความยาวท่อ 2 ครั้งนะครับ เอามาลบกันนะที่ทำให้เกิดเสียงดัง เอามาลบกันจะได้ λ ส่วน 2หา λ รู f นะครับสำหรับท่อไปเปิด 2 ด้าน หรือไปเปิดด้าน ปิดด้านนั้นนะครับความยาวท่อจะเท่าเดิม แต่ว่าความถี่จะเปลี่ยนตอนนี้นั้นเราต้องรู้ว่านะครับ ท่อไปเปิด 2 ด้านมีความถี่ที่เป็นฮามานิคทุกเลขเลยนะครับ เอ่อ เป็นหนึ่งเท่า สองเท่า แล้วก็สามเท่า ดังตัวอย่างด้านข้างนะสมการสําหรับท่อไปเปิดสองด้านเป็น n v ส่วนสอง l n เป็นทุกเลขความถี่น้อยสุดก็ v ส่วนสอง l ความถี่ถัดไปก็สองเท่านะครับสามเท่า สี่เท่า ว่าไป สําหรับท่อไปเปิดด้านปิดด้านนั้นนะครับมันไม่ได้มีฮาร์โมนิคทุกค่านะ มันเป็น f0 เป็นสามสาม f0 เป็นห้า f0 นะครับ สมการเป็น n v ส่วนสี่ l นะn เป็นหนึ่งสามห้าเจ็ดเก้าเป็นเลขคีนะครับ ทางนี้นั้นแล้วความถี่ Fn ตรงนี้ที่มนุษย์ได้ยินมีค่าระหว่าง 20-20,000 Hzส่วนใหญ่จะถามก็ได้ ได้ยินเสียงถึงฮามานิคที่เท่าไหร่นะครับถัดมาเป็นการสั่นพ้องของเส้นเชือก หรือการสั่นพ้องของสายกิต้าตัวเส้นเชือกที่สั่นพ้องนั้นนะครับ มันจะทำเหมือนไปเปิด 2 ด้านนะครับแต่ว่าตอนนี้มันเป็นไปปิด 2 ด้านแทนนะครับ ดังนั้นมันจึงเป็น F0 นะครับ 2F0 แล้วก็ 3F0 นะครับพินาเหมือนปลายเปิด 2 ด้านดังนั้นสรรพาการของคลื่นนิ่งในเส้นเชือกจึงเป็น N V ส่วนด้วย 2L นะครับตอนนี้ N เป็น 1 2 3 ไปเรื่อยๆ นะครับถัดมาเป็นเรื่องบีด บีตเป็นปรากฏการณ์ที่แหล่งกําหนดเสียงสองแหล่งนะครับ ที่มีความถี่ใกล้เคียงกันนะครับโดยปกติแล้วไม่เกินเจ็ดเฮิรตรนะครับ แต่จากการทดลองแล้วคูเกินเจ็ดเฮิรตรก็ได้ยินเสียงนะครับ มันอาจจะขึ้นกับความถี่ด้วยก็ได้นะครับบ้างความถี่บีตเราอาจจะได้แยกได้แค่เจ็ด แต่บ้างความถี่บีตเราอาจจะแยกได้มากกว่าเจ็ดนะครับแต่ว่าโดยตามตําราแล้วเอาเจ็ดไว้ก่อนนะครับ ความถี่บีตมากสุดที่มนุษย์ได้ยินเราสามารถหาความถี่บีตได้นะครับ โดยใช้ตําลังการว่าความถี่บีตนะครับมีค่าเท่ากับค่าสมบูรณ์ของเอฟ F1 กับ F2 มาลบกัน และความถี่เฉลี่ยนะครับ อ่ะ เกิดบีตที่ความถี่เท่าไรเนี่ยนะครับไอ้ความถี่เฉลี่ยที่เราได้ยิน ก็มาจาก f1 บวก f2 ส่วน 2ตรงนี้นะนะครับ เราสามารถเอา 2 สมการนี้ไปแก้ระบบสมการนะเราจะได้ว่าถ้าเราหา f1 นะครับf1 จะเท่ากับความถี่เฉลี่ยบวกด้วยความถี่บีตส่วน 2และ f2 นะครับ ของเรานะ มีค่าเท่ากับความถี่เฉลี่ยนะครับลบด้วยความถี่บีตส่วนด้วย 2 เรื่องบีตก็ไม่มีอะไรนะครับก็ ใส่สมการแทนค่านะ มีนิดหนึ่งก็คือถ้ามีซ่อมเสียงเอาเอ่อ คีย์เพิ่งไปแตะนะครับ แน่นอนความถี่มันก็น้อยลงนะแต่ถ้าเราไปขัดนะ ให้มันเล็กลง ความถี่ก็จะมากนะครับ มากขึ้น โอเคครับ นี่คือ Beat นะครับ ถัดมานะครับ ก็เป็นเรื่องปรากฏการณ์ Dopplerคุยกับตอน Doppler แล้วก็ต่อด้วยคลื่นกระแทกเลยนะในเรื่องปรากฏการณ์ Doppler กับคลื่นกระแทกนะครับ เป็นปรากฏการณ์ที่แหล่งกําหนดเสียงเคลื่อนที่นะครับตอนแหล่งกําหนดเสียงไม่เคลื่อนที่เนี่ยนะครับ เราจะได้ว่ารักษณะของคลื่นเสียงนะครับ ที่ออกไปจากแหล่งกำหนดเสียงนะครับครูวาดเป็นลําโพงแล้วกันนะ มีลักษณะที่ความยาวคลื่นด้านหน้านะครับแล้วก็ความยาวคลื่นด้านหลังมันเท่ากันนะ เราจะเห็นว่าระยะระหว่างหน้าคลื่นที่ครูวาดนะครับมันก็เท่ากันหมด ซึ่งแน่นอนนะครับตอนนี้เราต้องทราบว่าไอ้ระยะระหว่างหน้าคลื่นมันคือลําด้านะครับ ไอ้นี้แหล่งกำหนดเสียงอยู่นิ่งนะครับ เพราะแหล่งกระเบิดเสียงเคลื่อนที่นั้นนะครับ ทำให้ เอ่อ ขึ้น ขึ้นที่แหล่งกระเบิดเสียงปล่อยมาทีหลังนะครับ มันตามขึ้นที่แหล่งกระเบิดเสียงปล่อยมาทีแรกไปเนอะอ่า ทำให้แหล่งกระเบิดเสียงที่เคลื่อนที่ไปทางขวานะครับ มีลักษณะของขึ้นเป็นแบบนี้คือความยาวขึ้นด้านขวาจะน้อยอ่ะนะครับ อืม ที่แผ่นนี้เพราะว่าแหล่งกระเบิดเสียงนะครับไปทางขวา แน่นอนนะครับ ถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่แหล่งกําหนดเสียงความเร็วของแหล่งกําหนดเสียง กับความเร็วของขึ้นเสียงเนี่ยนะครับมันเท่ากันนะ ก็จะเกิดเป็นขึ้นนิ่งรูปนี้เลยครับรูปนี้เกิดเมื่อความเร็วแหล่งกําหนดเสียง กับความเร็วเสียงนะครับเท่ากัน แปลว่า ลัมดาข้างหน้าก็แทบไม่มีเลย หายไปเลยนะและนะครับ ถ้าแหล่งกําหนดเสียงของเราเร็วกว่าเสียงเราจะเกิด สิ่งที่เรียกว่าขึ้นกระแทกนะครับ แล้วจะเกิดขึ้นขึ้นเสียงก็จะตามแหล่งกําเนิดไม่ทันนะครับ ก็จะเป็นแบบนี้อันนี้ก็จะกลายเป็นเรื่องขึ้นกระแทกแทน นั้นตอนนี้ทั้งปรากฏการณ์ด๊อปเปอร์แล้วก็ เรื่องขึ้นกระแทงนั้นนะครับ ก็เป็นแบบการที่แหล่งกําหนดเสียงเคลื่อนที่นะตัว เองนั้น นักเรียนจะต้องทราบลักษณะของขึ้นเสียงนะครับลักษณะของหน้าขึ้นของขึ้นเสียงว่า ถ้าแหล่งกําหนดเสียงอยู่นิ่งนะครับหน้าขึ้นเสียงด้านหน้ากับด้านหลังก็จะเท่ากันนะครับ แล้วตัว จะเท่าเดิมนะครับ แล้วเรียนจะต้องสามารถคำนวณความเร็วขึ้นด้านหน้าแหล่งกำเนิดนะครับด้านหลังแหล่งกำเนิดและความถี่ของเสียงด้านหน้าและด้านหลังของแหล่งกำเนิดได้นะครับเมื่อความเร็วเสียงกับความเร็วแหล่งกำเนิดเท่ากันนะครับเราจะเห็นว่า Lambda ด้านหน้ามันได้ 0 ไปเลยนะไม่มีและถ้าแหล่งกำเนิดเสียงความเร็วมากกว่าเสียงก็จะเกิดเป็นแหล่งกำเนิดเสียงจะวิ่งนำนะครับวิ่งนำขึ้นเสียงไปนะจะกลายเป็นเรื่องขึ้นกระแทกนะครับ ตอนนี้ความยาวแหล่งกําเนิดมากกว่านะครับ ความยาวเสียงในเรื่องขึ้นกระแทกตอนนี้เราสามารถหาความยาวขึ้นด้านหน้าและด้านหลังแหล่งกําเนิดเสียง ได้นะครับ โดยใช้สูตรธรรมดานะครับ ว่าจากสูตร v นะครับเท่ากับ f lambda นั้น lambda ตอนปกตินะครับจะเท่ากับ v ส่วน f นะ แต่ว่า lambda ตอนไม่ปกติก็ไม่ได้ยากอะไรนะครับ lambda ตอนไม่ปกติหรือ lambdaด้านหน้าแหล่งกําเนิดนะครับ จะหาได้จากสูตรว่า v นะครับลบด้วยความเร็วแหล่งกําเนิดส่วน f นะครับ v ตัวนี้คือความเร็วเสียงแล้ว v s คือความเร็วแหล่งกําเนิดนะครับ v s นี่ไงเจ๋นว่าความเร็วแหล่งกำเนิดกับความเร็วเจ๋น ถ้าเท่ากันเนี่ยลัมด้าข้างด้านหน้าลบกันสูตรเลยนะครับ ตัวลัมด้าด้านหลังแหล่งกำเนิดก็หาจากสูตรธรรมดานะครับ v ส่วน f แต่เป็น v นะครับบวกด้วย v s ส่วนด้วย f ตรงนี้นั้นนะครับ นํามาซึ่งสําการที่ใช้พิจารณาความถี่นะเราจะเห็นว่าถ้าเราอยู่ด้านหน้าแหล่งกำเนิดนะครับ ความเร็วแหล่งกำเนิดต้อง ทางเรียนอยู่แถวนี้นะครับ แล้วอยากหาความถี่นะครับแถวเนี้ย vs เป็นลบ แต่ทางเรียนอยู่ข้างหลังแถวเนี้ยนะครับอันนี้ก็บวก vs เอาให้สมบูรณ์ ถ้าอยู่แถวนี้ใช้ v บวก vsคือเราอยู่ข้างหลังไงนะครับ แต่ถ้าอยู่ข้างหน้าเนี้ยใช้ v ลบ vsคือตัวเนี้ยใช้ v บวก vs กับ v ลบ vs ก็ตามลัมด้านะครับ ชัดเจนนะ ด้านหน้านะครับ v ลบ vs ด้านหลังนะครับ v บวก vs ถัดมาความถี่นะครับเราหาความถี่ของเอ่อเสียงด้านหน้ากับด้านหลังได้นะครับโดยใช้สูตรว่าตัวความถี่นะครับเท่ากับ v ส่วนด้วยลัมด้าดังนั้นเราจะได้ความถี่ด้านหน้าแหล่งกําเนิดนะครับ สูตรนะครับความถี่เสียงด้านหน้าแหล่งกําเนิดนะครับ จะเท่ากับ v ส่วนด้วยลัมด้าหน้า แต่ Lambda หน้าของเราเป็น V-Vs ส่วน F0 นะครับF0 เป็นความถี่ตอนมันอยู่นิ่งนะดังนั้นตอนนี้นะครับ ความถี่ด้านหน้าจะเป็น V ส่วน V-Vs นะครับแล้วคูณ F0สำหรับกรณีความถี่ด้านหลัง แหล่งกำเนิดจะหาจากสูตรเดียวกันนะครับความเร็วนี้เป็นความเร็วเสียงนะครับแต่ตัว Lambda เป็นความเร็วสัมพันธ์ ความยามถี่ด้านหลังนะครับ จะเป็น v นะครับส่วนด้วย v บวกด้วย vx คูณด้วย f0ในรักษณะตัว vx เนี่ยนะครับ เครื่องหมายลบกับบวกนักเรียนก็น่าจะมีหลักการจำมาว่า เออ ถ้าหลักการประกอบสูตรวิ่งหมาเรานะเราอยู่หน้ามันนะ ใส่ ใส่ลบนะครับแต่ถ้าหลักการประกอบสูตรวิ่งหนีเราไปนะครับ ก็ใส่บวก vx นะนํามาสู่สมการที่สรุปนะครับ เป็นความถี่ที่ใช้นะครับ ในการหาได้ทุกกรณีเลยนะครับดังในหน้าถัดไปนะ สําหรับทุกกรณีนั้นนะครับ เราสามารถหาความถี่นะครับของเสียงที่ผู้ฟังได้ยินได้นะครับ จากสมการว่า v บวกลบ vl นะครับส่วนด้วย v ลบบวก vs นะครับ แล้วก็คูณด้วย f0ถ้าอยู่แถวนี้ใช้ v ลบ vs นะครับ แต่ถ้าอยู่แถวนี้ใช้ v บวก vs นะครับหมายถึงผู้ฟังอ่ะนะครับ ในกรณี ในกรณีของ vl นั้นนะครับ เมื่อเคลื่อนเข้านะครับ เข้าหาแหล่งกําเนิดแล้วเราใช้ลบ vl นะครับ เมื่อออกออกจากแหล่งกําเนิดตรงนี้ทําให้เราสามารถหาความถี่นะครับ ที่ผู้ฟังได้ยินได้นะในกรณีทุกกรณีเลย ดังนั้นเรามาดูในแต่ละกรณีนะว่าความถี่นะครับ ที่ผู้ฟังได้ยินนะจะมีค่าเท่ากับเท่าไหร่บ้างและ เครื่องหมายเป็นยังไงนะครับเป็นการซ้อมนะครับ นักเรียนไปในตัวด้วยนะเอ่อ เพื่อความง่ายนะครับ เราจะแบ่งเป็นสองอันนี้นะครับเครื่องที่เป็นในทางเดียวกันกับสองอันนี้นะครับ ตรงกันข้ามกัน ถ้ามันเคลื่อนที่ไปทางเดียวกันนะครับเครื่องหมายจะเหมือนกัน แต่ถ้าเคลื่อนตรงข้ามกันนะเครื่องหมายก็จะตรงข้ามนะ เรามาดูกันนะครับอันดับแรกวิ่งตามกันนะครับ เออ ลัยกระเมิดอยู่หลังนะครับผู้ฟังอยู่หน้า อันดับที่สองนะครับลัยกระเมิดอยู่หน้านะครับ แล้วก็ผู้ฟังอยู่หลังเราตั้งสมการหาความถี่นะครับ ทั้งสองกรณีได้ว่าอะไรนะกรณีที่ เอ่อ ผู้ฟังอยู่ด้านหน้านะครับตอนนี้ผู้ฟังเราวิ่งออกนะครับ เลยใช้ v ลบ vl นะครับ เราอยู่ด้านหน้านะครับ ก็ต้องเป็น v-vs ด้วยนะอันนี้ผู้ฟังวิ่งออกนะครับ เราอยู่ด้านหน้าแหล่งจำนวนนะครับแล้วก็คูณศัตริย์ f0 นี่คือความถี่ที่วิ่งตามกันนะครับตัวนี้ที่ผู้ฟังอยู่ข้างหลังนะครับ นี่นักเรียนสามารถเดาได้เลยนะต้องเป็นบวก vl เพราะเราวิ่งเข้าถูกไหม เออ แล้วต้องเป็น v-vs ด้วยนะครับเพราะเราอยู่ด้านหลัง นะครับ แล้วก็คูณศัตริย์ f0 เนอะอันนี้ค่ะเจนนะครับ แบ่งบนล่างนะครับ ถัดมานะครับ นิทธิศเดียวกัน เครื่องหมายเหมือนกันนะ ถามมาเป็นกรณีที่วิ่งเข้าหากันหรือวิ่งออกจากกันนะครับ คือถ้าวิ่งเข้าหากันเนี่ยนะครับจริงจริงเราสามารถจําได้ว่าถ้าวิ่งเข้าหากันเนี่ย เอ่อความถี่ที่เราได้ยินจะมากที่สุดนะครับ เพราะเรา เพราะว่าอยู่ข้างหน้านะครับลัมดามันน้อยความถี่ก็มากแล้วเราวิ่งเข้าไปอีกนะครับ เอ่อตอนนี้ถ้าวิ่งเข้าหากันนะครับ ความถี่ที่ได้ยินนะครับจะกลายเป็น v บวก vl นะครับ เพราะเราวิ่งเข้านะครับส่วนด้วย v ลบ vs นะครับ เพราะว่าผู้ฟังอยู่ข้างหน้าแล้วก็คูณด้วย f0 แต่ถ้าวิ่งออกจากกันนะครับ ความถึงก็จะกลายเป็น v-vL นะครับเพราะเราวิ่งออกนะครับ ส่วนด้วย v บวก vs พอเราอยู่ข้างหลังนะครับแล้วก็คูณด้วย f0 นั่นเองนะ เออ v-ที่แหล่งกำเนิดนะครับหมายถึงเราอยู่ข้างหน้า แหล่งกำเนิดวิ่งหาเรานะแต่ถ้าบวกที่ vs ก็แปลว่า ตัว vs อยู่ข้างล่างนะครับก็เราอยู่ข้างหลังนะ แต่ถ้าเราวิ่งเข้าไป วิ่งเข้ามาในกำเนิดก็ vr เป็นบวก วิ่งออกก็ vl ไปลบ ทั้งนี้ทั้งนั้นแล้วนะครับ ถ้าแหล่งกำเนิดอยู่นิ่งก็ vs ก็เป็น 0และถ้าตัวเราอยู่นิ่ง vl ก็เป็น 0 นะครับ อันนี้ปรากฏการณ์ด๊อปเปิ้ลก็เรียนต้องสามารถพิจารณาความยาวขึ้นนะทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้นะครับ แล้วก็ความที่ทั้งด้านหน้าและด้านหลังแหล่งกำเนิดได้นะครับถ้าอยู่ในการที่เราจะต้องการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการการก มีคำถามหนึ่งที่ครูชอบถามก็คือว่าถ้านักเรียนอยู่ในเครื่องบินที่บินด้วยความเร็วเสียงเราจะได้ยินเสียงเพื่อนที่นั่งเครื่องบินไปกับเราไหมมีความแม้นะว่าในเครื่องบินนี้เราปรับอากาศนะครับปรับอากาศให้มีความดันเท่ากับความดันของบรรยากาศนะครับและเราพูดโดยไม่ได้ใช้หูฟังนะครับ หมายว่าพูดโดยผ่านตัวกลางก็คืออากาศที่อยู่ในเครื่องบินนะการอยู่ในเครื่องบินที่บินด้วยความเร็วเสียงนะครับความเร็วมากกว่าเสียงนะครับและเราพูดกับเพื่อนเรายังคงได้ยินเสียงนั้นนะครับเพราะเสียงในเครื่องบินที่บินด้วยความเร็วมากกว่าเสียงเนี่ยก็จะมีความเร็วเท่ากับเสียงอยู่ดีนะครับงงไหม คลื่นกระแทกเราพิจารณาทิศทางการเคลื่อนที่นะครับ ของมันนะว่ามันจะทํามุมเท่าไหร่นะครับ กับหน้าคลื่นกระแทกตัวนี้เราต้อง เอ่อ ทราบดังนี้นะครับแหล่งกําลังนะครับ อยู่ที่ยอดกวยนะครับหน้าคลื่นกระแทกนะครับ ก็คือ ไอ้สารนะครับ ของกวยอันนี้เนอะหน้าคลื่นกระแทก แน่นอนนะครับ ที่ตั้งฉากกับหน้าคลื่นกระแทกตัวนี้เรียกทิศนะครับการเคลื่อนที่ของหน้าคลื่นกระแทก เพราะว่าที่ทางการเครื่องที่ก็ตั้งฉากกับหน้าคืนนะครับตรงนี้เนี่ยเครื่องบินยิ่งบินเร็วเท่าไหร่นะครับมุมของครึ่งหนึ่งของยอดกลัวไอตรงนี้นะครับ ก็จะยิ่งน้อยโดยความเร็วของเครื่องบินนะครับ เราพินามมันเป็นเลขมักนะเลขมักหรือมักนัมเบอร์นะครับ เป็นอัตราส่วนระหว่างความเร็วของเครื่องบินนะครับว่าเป็นกี่เท่าของความเร็วเสี่ยง เช่น เครื่องบินมีด้วยความเร็วสองมักหมายความว่ามันมีความเร็วเป็นสอง ของความเร็วเสียง ต้องเป็น vs นะครับ ความส่วนด้วยความเร็วเสียงเราอยากรู้ว่ามันบินเร็วเป็นกี่เท่าของเสียงนะครับ แล้วเลขมักยิ่งเยอะนะครับก็แปลว่า มันยิ่งบินเร็วนะ นอกจากเลขมักแล้วนะครับ สิ่งที่ต้องรู้ในเรื่องขึ้นกระแทกก็คือว่าเราจะต้องสามารถหาได้ว่า มุมยอดของกลวยเป็นเท่าไหร่นะครับตอนนี้นะครับ ถ้าแรงกําเนิดกับเสียงอยู่ที่เดียวกันมาก่อนนะครับเสียงก็จะเคลื่อนที่ไปข้างหน้านะครับ ในขณะที่เครื่องบินนะครับก็จะวิ่งไปนะครับ เสียงจะเคลื่อนที่ไปทุกทางนะในขณะที่หน้าขึ้นมาทางนี้ ในขณะที่เครื่องบินก็จะบินไปนะครับได้ได้ไกลกว่าตามเส้นแนวราบนะครับ อ่า เส้นแนวราบเป็นระยะที่เครื่องบินเคลื่อนนะในขณะที่เส้นที่พุ่งลงมา ทุกทิศทุกทางของเสียงตัวนี้นะครับ นะฮะ ตั้งฉากกับหน้าขึ้นเป็นทิศทางการเคลื่อนที่ของเสียงดังนั้นเส้นนี้คือเสียงเคลื่อน เส้นนี้ก็คือเครื่องบินเคลื่อนดังนั้นมุมเซตาเนี่ยนะครับ จึงเป็นอัตราส่วนของระยะนะฮะที่เสียงเคลื่อน หารด้วยระยะที่เครื่องบินเคลื่อนนะครับโดยถ้าเราพิจารณาสามเหลี่ยมสีแดงนะครับ เราจะได้ว่า ไซส์เซตา Side เป็นข้ามฉากนะครับ อันนี้ด้านตรงข้ามนะครับด้านตรงข้ามมุมนะครับ แล้วก็อันนี้ด้านตรงข้ามมุมฉากจะมีค่าเท่ากับระยะที่เสี่ยงเคลื่อนนะครับมีค่าเท่ากับระยะที่เสี่ยงเคลื่อนส่วนด้วยระยะของแหล่งกำเนิดนะครับ ที่เคลื่อนที่ตอนนี้ระยะที่เสี่ยงเคลื่อนนั้นนะครับ หาจาก v เสี่ยงคูณด้วยเวลาแต่ว่าระยะที่แหล่งกำเนิดเคลื่อนก็หาจากความเร็ว แรงกําเนิดคูณด้วยเวลา นั้นจึงได้สมการเป็น size thetaเท่ากับ v ส่วน vs และแน่นอนไอ v ส่วน vs นั้นมันคือ 1 ส่วนเลขมักนะครับอันนี้ถ้าคุณสลับข้างนะ v ส่วน vs แล้วเราก็เอามาแทนค่าในนี้เราก็ได้สมการต่อเนื่องมาอย่างงี้นะครับ ในเรื่องขึ้นกระแทกโจทย์จะถามมุมนะครับมุมระหว่างทิศการเคลื่อนที่กับหน้าคลื่นกระแทก ว่า size theta นี้เป็นเท่าไหร่นะครับหาได้จาก v ส่วน vs นะครับ หาได้จาก 1 ส่วนเลขมัก อันนี้เป็นมุมระหว่างทิศการเคลื่อนที่นะครับ กับหน้าคลื่นกระแทกและหมุนเป็นเซตาด้วยนะครับทีนี้ถ้าโจทย์ถามมุมระหว่างทิศการเคลื่อนที่ของหน้าคลื่นกระแทกนะ มีทิศมาด้วยนะไม่ใช่หน้าคลื่นนะถ้าเป็นทิศการเคลื่อนที่ของหน้าคลื่นกระแทก กับทิศทางการเคลื่อนที่อันนี้จะต้องตอบ 90-เซตานะครับ โอเค จริงๆ คูพิสูจน์ไว้ในหน้านี้หมดแล้วนะ จริงๆ น่าจะใช้หน้าถัดไปนะน่าจะใช้รูปถัดไปโอเค ในรูปถัดไปนะ เรามาดูอีกทีนึงนะเสียงหล่อขึ้นนะครับโอเค รูปนี้ก็ชัดเจนว่าในตอนแรกนั้น เครื่องบินกับเสียงอยู่ที่เดียวกันนะครับเสียงก็แผ่กไปเป็นวงกลมนะครับโดยที่ระยะที่เสียงเคลื่อนได้ก็คือ V เสียงคุณด้วย T นะครับเคลื่อนได้แค่นี้เองเสียงนะแหละที่เครื่องบิน บินปุ้มไปแล้วนะครับเครื่องบินนี้นะ ตรงนี้นะครับ ซายเซตานะครับ ซายเซตาก็เท่ากับวีนะครับก็คือด้านตรงข้ามมุมนะครับ ส่วนด้านตรงข้ามมุมฉากกลายเป็นสมัครการแรกนะครับ ซายเซตานะครับ เท่ากับวีทีส่วนวีเอสทีนะครับ เท่ากับวีส่วนวีเอสและแน่นอนนะครับ เมื่อกี้เราบอกว่าหนึ่งส่วนเลขมักนะครับก็เท่ากับวีส่วนวีเอสเหมือนกัน เพราะเลขมักเป็นอัตราส่วนระหว่างความเร็วแรงกำหนดต่อความเร็วเสียงนะครับ อ่า หรือพูดง่ายง่ายว่าเลขมักเป็นวีเอสส่วนวี ตอนนี้จึงได้เป็นสมการว่าSize Theta เท่ากับ V ส่วน Vs นะครับเท่ากับ 1 ส่วนเลขมักนะครับหรือพูดง่ายๆว่าเลขมักนั้นก็เป็น Vs ส่วน V ก็ได้ทีนี้แล้วครูเขียนข้างล่างคือไม่รู้จะเขียนอะไรนะครับในกรอบนี้เป็นมุกๆ มีนะครับ สมการก็ตามนี้เนาะถัดมาเมื่อพิจารณาตำแหน่งที่ เราเริ่มได้ยินเสียงนะครับ คือจริงจริงแล้วตอนเครื่องบินบินผ่านหัวเราไปเนี่ยเราไม่ได้ยินนะ เราจะได้ยินเสียงเมื่อเราเข้าไปอยู่ในหน้าขึ้นนะครับคือเมื่อเราเข้าไปอยู่ในหน้าขึ้นกระแทก หมายว่าเราจะได้ยินเสียงเนี่ยนะครับเมื่อเครื่องบินนู่นเลยนะ มาอยู่ตรงนี้แล้วคือพอเครื่องบินบินผ่านศรีสารเราไม่ได้ยินเสียง เพราะว่าตอนเครื่องบินบินผ่านศรีสารนั้นนะครับเสียงมันมาตามเส้นสีแดงนะครับ หรือพูดง่ายง่ายว่าถ้าเราอยู่ใต้เครื่องบินเราจะไม่ได้ยินนะครับเราจะได้ยินเสียงก็ต่อเมื่อ เสียงมันมาหาเรานะ หรือพูดง่ายง่ายว่าหน้าขึ้นกระแทกมันมานะครับตรงนี้นั้นเราเรียก x นะครับ ก็คือระยะระหว่างคนกับเครื่องบินระยะคนกับเครื่องบิน ว่าเราจะ เอ่อ ได้ยินเสียงนั้นนะครับเมื่อคนห่างจากเครื่องบินเท่าไร เฮสต์คือความสูงของเครื่องบินนะครับแน่นอนคนยืนที่พื้นนะ แล้วตอนนี้เราสามารถหาได้อีกสมการหนึ่งนะครับ ว่าเป็นเฮสต์ส่วนด้วย x นะครับ ซึ่ง x ตรงนี้ ถ้าตามทฤษฎีปิธากรรม จะได้ square root ของ s กำลัง 2 บวก x กำลัง 2s ก็คือระยะที่แหล่งกำเนิดเคลื่อนผ่านศีรษะไปในแนวระดับจนกระทั่งเราได้ยินเสียงก็เป็นอีกสมังการหนึ่งที่ใช้ในการพินาค์ขึ้นกระแทกว่าถ้าเราได้ยินเสียงนั้น เครื่องบิน ผ่านเราไปแล้วกี่นาที กี่วินาที อะไรพวกนี้นะครับ เราต้องหาระยะ s มา หรือถ้าเราอยากหา s นะครับs ก็จะเป็น square root ของ x กําลังสองลบด้วย h ยกกําลังสอง หรือว่าเราสามารถหา s ได้นะครับ โดยใช้ทฤษฎีบทของวิทากรรมนะหรือว่า s อันนี้นะครับ ก็จะมีค่าเท่ากับ x กำลัง 2รูปของ x กำลัง 2 รบ h ยกกำลัง 2 นะครับโดยที่ตัว s นั้นก็เท่ากับ bs คูณ t นะครับที่เป็นเวลานะ ที่เครื่องบิน ผ่านหัวแล้วเราได้ยิน เด้ายินเสียงนั้นนะครับอันนี้ครูก็สรุปนะครับ เรื่องฟิสิกส์ม.5 นะครับบทที่ 12 เรื่องเสียงให้กับนักเรียนนะครับ ติดตามวีดีโอสรุปของครูได้นะครับ ในเว็บของครูทางยูทูปนะครับ ทางเฟสบุ๊คด้วยนะครับสําหรับวันนี้เราเรียนเรื่องอะไรบ้างนะครับ เราเรียนตั้งแต่เรื่องเสียงนะครับแล้วก็สมบัติของมันนะ ทั้งสะท้อนหักเห แทรกสอดแล้วก็เลี้ยวเบนเรื่องถัดมานะครับ เป็นความเข้มนะครับ แล้วก็ระดับความเข้มเสียง ถัดมาเป็นการสั่นพ้องนะครับ แล้วก็บีดนะถัดมาก็เป็นปรากฏการณ์ Doppler นะครับ แล้วก็เป็นคลื่นกระแทกวีดีโอถัดไปคุณจะมาเฉลยแบบฝึกหัดนะครับ ที่อยู่ในนี้ 20 ข้อหวังว่าเป็นอย่างงี้ว่านักเรียนจะได้ทดลองทำด้วยตัวเองนะ เราจะได้เข้าใจมากขึ้นนะครับ ตี 20 ข้อไม่พอหรอกเราควรจะไปหาแบบผู้ขัดมาทําเพิ่มด้วยนะครับส่งใจอะไรสามารถถามได้นะ ขอให้ทุกคนตั้งใจเรียนแล้วก็โชคดีนะครับ ในการสอบสําหรับวิดีโอเฉลยก็รอติดตามได้นะครับ ก็จะลงตามมานะครับอีกไม่กี่วันนะ วิดีโอนี้ก็สวัสดีครับ