เสียงดนตรี ในการออกแบบการเรียนรู้หรือกลยุทธ์การเรียนรู้ เราอาจจะคำนึงถึงเรื่องของ Universal Design หรือว่า ความเท่าเทียมในการเข้าถึง ซึ่งในผู้เรียนของเรา Thai MOOC เป็นแพลตฟอร์มแบบ Massive นั่นหมายความว่า เข้าถึงประชาชนชาวไทยจำนวนมาก อาจจะมีผู้บกพร่องเข้ามาเรียนรู้ด้วย ในบางรายวิชาถ้าเกิดว่าเป็นรายวิชาที่สามารถ ให้ผู้มีความบกพร่องเข้ามาเรียนได้ เราอาจมีประเด็นในการพิจารณาการออกแบบดังนี้ 1. ผู้ที่มองไม่เห็น อาจจะต้องใช้ Screen Reader ในการช่วยในการออกเสียง ซึ่งจะต้องเตรียมเครื่องไม้เครื่องมือตรงนี้ให้พร้อม โดยปกติแล้วในปัจจุบันนี้ Screen Reader เป็นโปรแกรมที่มีติดอยู่ในระบบปฏิบัติการอยู่แล้ว อาจจะมีคำอธิบายในการบอกว่า เราสามารถใช้งาน Screen Reader ได้จากตรงไหน 2. ถ้าเกิดว่าผู้เรียนของเราเป็นผู้ที่มีปัญหาทางด้านสายตา เราอาจจะเลือกใช้ตัวอักษรหรือตัวหนังสือ ที่มีความใหญ่และชัดเจนมากยิ่งขึ้น 3. เพื่อช่วยให้ผู้ที่มีปัญหาทางด้านสายตา สามารถอ่านได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ในการเลือกใช้ตัวอักษรและสีพื้นหลัง ควรจะเลือกตัวอักษรและสีพื้นหลังที่มีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ไม่ควรเลือกตัวหนังสือและสีพื้นหลังที่เป็นโทนเดียวกัน ควรจะเลือกในทิศทางตรงกันข้ามกันเพื่อเกิด Contrast หรือว่าความต่างกันของสีที่ชัดเจน อย่างเช่น พื้นหลังสีเข้มตัวหนังสือต้องเป็นสีสว่าง หรือพื้นหลังสีขาวตัวหนังสือต้องเป็นสีเข้ม ก็จะช่วยให้เกิด Contrast หรือว่าความตัดกันของสี ทำให้ผู้ที่มีความบกพร่องทางสายตาเวลาแสงน้อย สามารถมองเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ต่อมาผู้เรียนที่มีความบกพร่องในการเรียนรู้ อาจจะต้องใช้เครื่องมือในการแปลงข้อความเป็นเสียง อย่างเช่น ผู้เรียนที่มีความบกพร่องประเภท LD อย่างนี้ จะต้องใช้เครื่องมือแปลงตัวอักษรให้เป็นเสียงเพื่อที่ ให้เขาเกิดความเข้าใจในบทเรียนมากยิ่งขึ้น หรือผู้เรียนที่มีความบกพร่องทางด้านร่างกายอื่น ๆ เราจะต้องพิจารณาด้วยว่า ผู้เรียนมีความบกพร่องทางด้านร่างกายอะไรบ้าง และเราสามารถให้คำแนะนำในบทเรียน หรือว่า ให้คำแนะนำในการตระเตรียมเครื่องมือ ในการเรียนรู้รายวิชานี้ของเราได้อย่างไรบ้าง และที่สำคัญที่สุดเลยประการสุดท้าย ผู้เรียนที่มีปัญหาทางด้านการได้ยิน สิ่งที่จำเป็นมากที่สุดก็คือ เราจะต้องอ่านออกเสียงให้ชัดเจน เนื่องจากว่าผู้เรียนในกลุ่มนี้จะค่อนข้าง sensitiveกับการได้ยินเสียง หากเราออกเสียงไม่ชัดเจนอาจจะทำให้ ความเข้าใจคลาดเคลื่อนได้ โดยเฉพาะรายวิชาที่เกี่ยวข้องกับการใช้เสียง ซึ่งหากเรากล่าวถึง Universal Design เราอาจจะไม่สามารถออกแบบรายวิชาให้ครอบคลุม ได้ทั้งหมดก็จริงแต่ให้สังเกตดังนี้ ว่า หลักการที่พูดมาทั้งหมดนี้เราเน้นให้ผู้สอน หรือว่าทุกท่านที่เรียนรายวิชานี้ เตรียมสื่อมากกว่า 1 ประเภทเพื่อรองรับผู้เรียน ที่มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้นนั่นเอง นั่นหมายความว่ารายวิชาของเราอาจจะไม่ได้จบที่วิดีโออย่างเดียว อาจจะมีสื่อประเภทอื่น ๆ สำหรับผู้ที่มีความบกพร่องที่ไม่เหมือนกัน รวมถึงผู้เรียนก็มีความถนัด หรือลีลาในการเรียนรู้ไม่เหมือนกัน บางคนจดจำได้ดีเมื่อฟังเสียง บางคนจดจำได้ดีเมื่อได้ดูภาพ บางคนจดจำได้ดีเมื่อได้อ่านและเขียน บางคนจดจำได้ดีเมื่อได้ลงมือปฏิบัติ ดังนั้นการที่เราเตรียมสื่อและกิจกรรม ให้ครอบคลุมกับผู้เรียนทุกประเภทหรือมากประเภทที่สุด จะทำให้รายวิชาของเรามีความเปิดกว้างมากยิ่งขึ้น และก็เข้าถึงกลุ่มคนได้จำนวนมากยิ่งขึ้นเช่นเดียวกัน จากที่พูดมาเราจะมีหลักการออกแบบแบ่งออกเป็น 3 ประเด็นชัด ๆ อย่างแรกเลยที่ได้กล่าวไปแล้ว คือ สื่อ ควรจะมีความหลากหลายไม่ว่าจะเป็น วีดิทัศน์ ตำรา ไฟล์เสียงหรือว่าสื่อมัลติมีเดียอื่น ๆ ที่ทำให้ผู้เรียนเกิดความเข้าใจในรายวิชามากยิ่งขึ้น และรองรับความหลากหลายของผู้เรียนมากยิ่งขึ้น 2. คือการมีช่องทางในการติดต่อให้กับผู้เรียน โดยการเรียนออนไลน์เราจะต้องเข้าใจธรรมชาติก่อนว่า ผู้เรียนจะรู้สึกโดดเดี่ยวมากเป็นพิเศษ เนื่องจากว่าเรียนอยู่บนหน้าจอเพียงคนเดียว แล้วก็เรียนอยู่ในเวลาที่ถนัด ซึ่งเขาอาจจะรู้สึกว่าเขาเรียนเพียงลำพังไม่มีใคร ซึ่งปัญหานี้อาจจะทำให้เกิดการ Drop Out หรือว่า การเลิกเรียนกลางคัน การมีช่องทางการติดต่อที่ทำให้เขารู้สึกว่าเขาไม่ได้โดดเดี่ยว และผู้สอนหรือว่าเพื่อน ๆ ของเขาในชั้นเรียนนั้นมีตัวตนอยู่จริง ๆ จะช่วยทำให้เขาเกิดแรงจูงใจในการเรียนรายวิชานี้ จนสำเร็จไปได้นั่นเอง 3. การกำหนดกิจกรรมต่าง ๆ ควรเจาะจงแล้วก็ระบุด้วยว่า ใช้ความสามารถหรือทักษะอะไรของร่างกายบ้าง หรือการเตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ก่อนที่จะดำเนินกิจกรรมการเรียนรู้นั่นเอง เนื่องจากว่ารายวิชาของเราเป็นรายวิชาออนไลน์ บางครั้งเราไม่ได้จัดเตรียมสถานที่ไว้ให้ ต้องให้ผู้เรียนเป็นคนเตรียมตัวเองการแจ้งก่อน หรือว่าการขึ้นเตือนก่อนว่าสิ่งที่เขาต้องเตรียม ก่อนที่จะขึ้นบทเรียนนี้หรือทำกิจกรรมนี้มีอะไรบ้าง ก็เป็นสิ่งที่สำคัญเช่นเดียวกัน เสียงดนตรี