Transcript for:
วิวัฒนาการของโลกและมนุษย์

โลกของเรานั้นวิวัฒนาการมาหลายพันล้านปี ผ่านเหตุการณ์ที่สำคัญมามากมาย ตั้งแต่ชนเข้ากับดาวเคราะห์ดวงอื่น ถูกดาวเคราะห์น้อยพุ่งชน โลกกลายเป็นยุคน้ำแข็งมาหลายครั้ง และผ่านการสูญพันธ์ของสิ่งมีชีวิตกว่า 5 ครั้งด้วยกัน แต่หากคุณอยากรู้จักโลกใบนี้มากยิ่งขึ้น เราจะพาคุณย้อนกลับไปเมื่อ 4,500 ล้านปีก่อน ณ จุดเริ่มต้นของโลกใบนี้ 4,500 ล้านปีก่อน ระบบสุริยะของเรา เริ่มก่อตัวจากกลุ่มก๊าซและฝุ่นที่เรียกว่า เนวบิวล่า ก๊าซและฝุ่นจำนวนมหาศาลเหล่านี้ เริ่มยุบตัวและชนเข้าด้วยกันจากแรงหนมถวง หมุนบนจนมีลักษณะคล้ายแผ่นดิส เมื่อความดันและอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อย จะทำให้แกนกลางร้อนกว่าขอบนอกที่เรียกว่า โปรโตสตาร์ หรือดาวเรอร์ก่อนเกิด กระทั่งความดันและอุณหภูมิสูงไปมากขึ้น จนทำให้เกิดปฏิกิริยาเทอร์โมนิวเคลียร์ หรือไฮโดเจนหลอมรวมกันกลายเป็นฮีเลี่ยง และในที่สุดดวงอาทิตย์ของเราก็ถือกำเนิดขึ้น หลังจากการเกิดของดวงอาทิตย์ กาสและฝุ่นที่เหลือที่ไม่ได้หลอมรวมเป็นดวงอาทิตย์ เริ่มก่อตัวกันเป็นกลุ่มก้อน หมุนวนไปเรื่อยตามแรงน้มถุงของดวงอาทิตย์ และวิวัฒนาการเป็นดาวเคราะห์ต่าง เมื่อพวกมันสะสมสัตว์สารมากขึ้น ใหญ่ขึ้น เป็นสงกรมมากขึ้น ดาวเคราะห์ต่าง ก็ได้ถือกำเนิดขึ้น โลกในยุคก่อตัวนั้นมีวิวัฒนาการอย่างรวดเร็ว ภูเขาไฟพ่นก๊าซต่างๆออกมา เช่น ไฮโดเจียงสารฟาย มีเทน และคาวมะไดออกไซด์ ก๊าซเหล่านี้ประกอบขึ้นเป็นชั้นบรรยากาศแรกๆของโลก โลกในยุคนั้นถูกเดาหางขนาดใหญ่พุ่งเข้าชนอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งเหตุการณ์ที่ใหญ่ที่สุดที่ส่งผลมาถึงปัจจุบันก็เกิดขึ้น โลกถูกเดาเคราะห์ขนาดใหญ่พุ่งชน มันคือ เดีย ดาวเคราะห์โบราณที่มีขนาดเท่ากับดาวอังคาร การพุ่งชนกันครั้งใหญ่นี้ ได้เหวี่ยงสัดสารและฝุ่นออกไปรอบวงโคจรของโลก และกอดตัวกลายเป็นสิ่งที่เรารู้จักกันในปัจจุบันอย่าง ดวงจันนั่นเอง 3.8 พันล้านปีก่อน โลกในยุคแรกเริ่มนั้น ร้อน แห้งแหลง และไม่มีน้ำ หรือมหาสมุทร น้ำทั้งหมดนั้นอยู่ในรูปแบบของก๊าซ แต่หลังจากนั้น เมื่อโลกมีอุณหภูมิเย็นลงจนพอหมด ก๊าซต่างๆก็ควบแน่นและกลายเป็นของเหลว ตกลงมาจนเกิดเป็นมหาสมุทร ดึกดำบันที่ปกคลุมโลกไว้ทั้งหมายจากนั้นได้เกิดการเปลี่ยนแปลงจนทำให้ ของเหลวในมหาสมุทรกลายเป็นน้ำในที่สุดซึ่งน้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญต่อการ สร้างสิ่งมีชีวิตดังนั้นเมื่อโลกเต็มไปด้วยมหาสมุทรแห่งน้ำสิ่งมีชีวิต จึงเริ่มปรากฏตัวขึ้นบนโลก เมื่อ 3.7 พันล้านปีก่อน รูปแบบสิ่งมีชีวิตแรกสุดเหล่านี้ เป็นสิ่งที่มีขนาดเล็กมาก แต่เมื่อเวลาผ่านไปอีกเกือบพันล้านปีหลังจากนี้ สิ่งมีชีวิตบางชนิดจะเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ไปตลอดกาล 3.3 พันล้านปีก่อน โลกไม่ได้ถูกปกครุมไปด้วยมหาสมุดนานนัก เมื่อหินฐานทรณีหรือหินฐานทวีปได้โผล่ขึ้นมาจากใต้มหาสมุดโบราณ มันถูกเรียกว่า Cretan หลังจากนั้น ใต้ผิวของเปลือกโลกที่เต็มไปด้วยมวลของแมคมา เกิดการประทุขังใหญ่ใต้ทะเล และได้นำพาลาวาจำนวนมหาสารโผล่ขึ้นมาบนพื้นผิวของมหาสมุด เมื่อลาวาเหล่านี้เย็นตัวลง ทวีผืนแรกก็ได้ถือกำเนิดขึ้น มันมีชื่อว่า วานบาร่า ซึ่งในปัจจุบัน ทวีปโบราณแห่งนี้ได้แตกออกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งอยู่ที่ทวีปแอฟริกาใต้ และอีกส่วนหนึ่งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของทวีปออสเตรเลีย 2.4 พันล้านปีก่อน Cyanobacteria ได้วิวัฒนาการ จนกลายเป็นพืชสังเคราะห์แสงชนิดแรกของโลก ในที่สุดเราก็มีผู้ผลิตออกซิเจน ที่ทำให้ชั้นบรรยากาศของโลกเบื่อต่อสิ่งมีชีวิตมากขึ้น แต่ด้วยออกซิเจนที่เพิ่มขึ้นหมายทั้งหมดนี้ ทำให้ชั้นบรรยากาศของโลกมีคาร์โปนไดออกไซด์ต่ำกว่ามาก ทำให้โลกมีอุณหภูมิ มีอุณหภูมิต่ำไปด้วย เมื่อโลกมีอุณหภูมิที่ต่ำลงเรื่อยๆ พื้นที่ส่วนใหญ่ของโลกก็ได้กลายเป็นน้ำแข็ง และในที่สุดโลกก็เผชิญกับยุคน้ำแข็งเป็นครั้งแรก 1.1 พันล้านปีก่อน ขณะที่ชั้นบรรยากาศของโลกเปลี่ยนไปตามการเวลา ทวีบต่างๆก็เริ่มเคลื่อนตัวไปด้วยเช่นกัน พื้นทวีบได้แยกออกจากกัน และชนเข้าหากันใหม่ กลายเป็นทวีบขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า โรดิเนียร์ นี่เป็นทวีบที่ใหญ่ที่สุดที่เคยปกครุมโลกใบนี้ สิ่งมีชีวิตในช่วงเวลานี้มีความซับซ้อนมากขึ้น และหลังจากนั้นทวีปโปรดิเนียร์ก็แยกออกจากกันอีกครั้ง และรวมตัวกันใหม่ที่มีชื่อเรียกใหม่ว่า มหาทวีพันโนเทีย จากนั้นประมาณ 540 ถึง 485 ล้านปีก่อน ได้มีเหตุการณ์การอุบัติขึ้นของสิ่งมีชีวิตมากมายหลายชนิดในช่วงเวลาเดียวกัน นักวิทยาศาสตร์เรียกปรากฏการณ์นี้ว่า Cambrian Explosion ซึ่งสิ่งมีชีวิตที่มีชื่อเสียงที่สุดในยุคนี้คือ Trilobite มันมีรูปลักษณ์สุดแปลก ราวกับเอเลียนที่หลุดออกมาจากหนังไซฟาย ประมาณ 400 ล้านปีก่อน จากการเคลื่อนตัวของแผ่นเปลือกโลก สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงกับทันหัน และอุณหภูมิของมหาสมุทรที่เปลี่ยนไปอย่างมาก ทำให้สิ่งมีชีวิตบนโลก ต้องเผชิญกับเหตุการณ์การสูญพันธ์ครั้งแรก นี่คือการสูญพันธ์ในยุคของ Odorvician Silurian ที่สิ่งมีชีวิตกว่า 185 ศูนย์พันธุ์ไป จากนั้น 420 ถึง 350 ล้านปีก่อน ต้นไม้กลุ่มแรกก็ได้ถือกเกิดขึ้นบนโลก สิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่ในมหาสมุทร เริ่มวิวัฒนาการ และคลานขึ้นมาอาศัยอยู่บนบก 250 ล้านปีก่อน ในช่วงเวลานี้ที่โลกได้ถูกปกครุมไปด้วยมหาธวิแผนเจีย ได้เผชิญกับเหตุการณ์การศูนย์พันธุ์ครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดขึ้นมา ก๊าซเรือนกระจกจำนวนมหาสาม และภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ได้ทำลายสิ่งมีชีวิตกว่า 95% ให้ศูนย์พันธุ์ไป แต่การศูนย์พันธุ์ครั้งใหญ่นี้เอง ได้ปูทางไปสู่ยุค ในยุคใหม่ของสิ่งมีชีวิตที่โด่งดังอย่าง แดนโนเสาร์ 240-230 ล้านปีก่อน แดนโนเสาร์ตัวแรกก็ได้ปรากฏตัวขึ้น จากนั้นเมื่อ 150 ล้านปีก่อน เหล่าแดนโนเสาร์ได้ยึดของโลก ซึ่งหากคุณอยู่ที่นั่น จะได้เห็นโซโรปอท อาเจนจิโนโซรัสขนาดยักษ์ ซึ่งเป็นสัตว์บกที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา หรือคุณอาจถูกนักล่าที่น่ากลัวที่สุดอย่าง T. rex ไล่ล่า และหลังจากนั้น มหาทวิปแพนเจีย ได้แยกตัวออกจากกันอีกครั้ง และกลายเป็นทวิปต่างๆ ที่เรารู้จักกันในปัจจุบัน หลักล้านปีก่อน ดาวเคราะห์น้อยขนาดใหญ่ ได้พุ่งเข้าชนโลกอย่างรุนแรง บริเวณประเทศแม็กซิโกในปัจจุบัน ซึ่งฝุ่นและควันที่เกิดจากการชนกันจำนวนมหาศาล ลอยขึ้นสู่ชั้นบรรยากาศบดบังรวงอาทิตย์เกือบทั้งหมด จนนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างรุนแรง ทำให้แดโนเสาร์สูงพันธุ์ไปไหนที่สุด และเมื่อเข้าสู่ยุคถัดไป สิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ๆก็เกิดขึ้นมากมาย สัตว์เลี้ยงลูกด้วยโนมีประชากรเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก 6 ล้านปีก่อน มนุษยุคแรกก็เริ่มรู้จักเดิน นี่คือ Sahel Anthropos บรรพบรุษที่เก่าแก่ที่สุดของมนุษย์ ที่แยกตัวออกจากลิงไม่มีหาง ถึงแม้พวกเขาจะยังเดินสี่เท้าอยู่ก็ตาม แต่หลังจากนั้นเมื่อ 4 ล้านปีก่อน มนุษยุคแรกได้วิวัฒนาการ จนสามารถเดินสองเท้าและตัวตรงได้ จนในอีก 1 ล้านปีต่อมา พวกเขาก็พัฒนาเครื่องมือชินแรกที่ใช้ในการทุบและทำลายสิ่งต่างๆ เมื่อประมาณ 800 ปีก่อน มนุษยุคแรกได้ค้นพบวิธีการก่อและควบคุมไฟ สามารถปรุงอาหารและให้ความร้อนแก่ตัวเองได้ สมองของพวกเขาพัฒนาอย่างรวดเร็ว จนสามารถเรียนรู้ที่จะมีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกัน และเกิดสังคมรูปแบบใหม่กระจายไปทั่วโลก จากนั้นประมาณ 40,000 ถึง 15,000 ปีก่อน มนุษยุคแรกก็ได้สูญพันธุ์ไปทั้งหมด ยกเว้น Homo sapiens 1 หมื่นปีที่แล้ว จากที่มนุษย์เร่ร่อนและเปลี่ยนที่อาศัยไปเรื่อยๆ พวกเขาก็เริ่มตั้งหลักปรักฐาน และเกษตรกรกลุ่มแรกของโลกก็ได้เกิดขึ้น มาที่ประมาณ 250 ปีที่แล้ว การปฏิวัติอุตสาหกรรมก็เกิดขึ้น จากสังคมชนบทและเกษตรกร กลายเป็นสังคมเมืองและอุตสาหกรรม ซึ่งประชากรมนุษยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง มาในปี 1804 โลกมีประชากรมนุษย์ถึง 1,000 ล้านคน ในปี 1927 ประชากรโลกทะลุ 2,000 ล้านคน และหลังจากนั้นเป็นต้นมา ประชากรโลกได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนในปัจจุบัน โลกมีประชากรมากกว่า 8,000 ล้านคนแล้ว ซึ่งในทุกวันนี้ โลกของเรายังมีภัยคุกคามใหม่ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อการระบวงชีวิตของมนุษย์มากมาย สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป น้ำแข็งคั่วโลกละลาย ระดับน้ำทะเลทั่วโลกเพิ่มขึ้น และสิ่งที่แน่กลัวที่สุดได้กำลังคืบคลานเข้ามา นั่นคือภาวะโลกร้อน ซึ่งมนุษยชาติในอนาคตอาจเผชิญกับโลกที่ร้อนมากขึ้น หากยังคงทำร้ายโลกใบหนีต่อไป รู้หรือไม่ หากคุณรู้สึกว่าโลกใบนี้ใจร้ายกับคุณ อย่าเพิ่งเศร้าใจไป คุณยังมีรอยยิ้มจากดาวองคารที่คอยให้กำลังใจคุณอยู่เสมอ นี่คือรอยยิ้มบนดาวองคารที่เกิดจากปล่องผู้เขาไฟชื่อ GEL ซึ่งได้ชื่อว่า ปล่องผู้เขาไฟแห่งรอยยิ้ม รูปนี้ถูกถ่ายได้เป็นครั้งแรกโดยยานอวกาศ Viking Orbiter 1 ขององคาร NASA