Transcript for:
กำเนิดระบบสุริยะและสมมุติฐานเนบิวลา

พื้นที่ในจักรวาล พื้นที่แรกๆที่เราเริ่มต้นสำรวจกันก็คือระบบสุริยะของเรานี่เลยครับเราศึกษามันมานานมากๆเลยครับแล้วก้าวสำคัญที่เป็นเหมือนกับก้าวกระโดดในการศึกษาจักรวาลในมุมมองของผมเลยก็คือในปี 1543ตอนที่นิโคลัท โคเปอร์นิคลัส ท้าทายความเชื่อเดิมเสนอว่าดวงอาทิตย์เป็นจุดศูนย์กลางของระบบสุริยะตั้งแต่วันนั้นจนมาถึงตอนนี้ก็เกือบ 500 ปีแล้วนะครับความรู้ของเราเพิ่มขึ้นมากมายเลยครับและในคลิปนี้ เราจะมาคุยกันว่าระบบสุริยะมาจากไหนโดยสมุทิฐานการกำเนิดระบบสุริยะที่ผมจะนำมาเล่าในคลิปนี้ก็คือNebula Hypothesis หรือว่าสมุทิฐาน Nebulaแต่ก่อนจะไปฟังเนื้อหากันต่อครับคลิปนี้ก็ยังคงสนับสนุนโดยแว่นกลองแสง OptusOptus Go Inter คอลลาบกับแอนิเมะชื่อดังจากญี่ปุ่นและครั้งนี้ Optus ก็ทำสินค้าร่วมกับ Spy X Familyและสินค้าแรกที่ทำมาก็อยู่ในโหมดมุ้งมิ้งเลยครับ แว่นแก้มชมพู WAKU WAKUซึ่งผมได้ข่าวมาว่าตอนนี้ของหมดไวมากนะครับใครที่อยากได้ตอนนี้ต้องสั่งจองล่วงหน้าเท่านั้นครับและนอกจากแว่นแล้วก็ยังมีสินค้าอ่านียะที่น่าสนใจอีกมากมายครับอย่างเช่นผ้าปิดตาไอ้น้ำอุ่นที่ใส่แล้วหลับสบายเกรดเดียวกับร้านยายญี่ปุ่น ในราคาที่จับต้องได้ครับและอย่างที่ทุกคนคิดนะครับ แว่น WAKU WAKU เนี่ยน่าจะมุ่งมิ้งเกินไปสําหรับผมครับ ออปตัสก็เลยให้แว่นกันแดดSPY X FAMILY สําหรับใส่เที่ยว ใส่ออกงานได้ทุกสถานการณ์ สายและเท่แน่นอน มาให้ผมได้ลองใช้ครับถ้าใครสนใจก็สามารถสั่งซื้อได้ที่แฟนเพจ Optusหรือถ้าอยากไปดูแวดรุ่นอื่นๆ ก็ไปที่หน้าร้านก่อนได้ครับแต่ถ้าใช้โค้ดส่วนลดสงสัย SONG SAIก็จะได้รับส่วนลด 100 บาทและทำให้ Optus สนับสนุนช่องเราไปนานๆ ครับในตอนที่เอกพบนี้ถือกำหนดขึ้นมาครับปรากฏการณ์วิกแบงค์ได้สร้างธาตุไฮโดเจนและก็ฮีเลียมเป็นหลักเท่านั้นครับอาจจะมีลิเทียม แบลิเลียมนิดหน่อยแต่หลัก ทั้งเอกพรพเนี่ยก็จะมีแต่ไฮโดเจนและก็ฮีเลียมนี่แหละครับ ส่วนธาตุที่หนักกว่านี้ มันยังไม่ถือกำเนิดขึ้นมาครับตอนนั้นทั่วทั้งเอกพบเนี่ย ก็จะมีเพียงแค่กลุ่มการ์ดไฮโดรเจนกับฮีเลียมฟุ้งกระจายไปทั่วเท่านั้นนะครับยังไม่มีดวงดาว ไม่มีกาเล็กซี่ ไม่มีอะไรเลยครับแล้วหลังจากนั้นไม่นานกาสเหล่านี้ก็ได้มารวมตัวกันจากความโน้มถ่วงของตัวมันเองและเมื่อมันรวมตัวกันหนาแน่นมากๆครับไฮโดรเจนก็จะเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่นรวมตัวกันกลายเป็นฮีเลียมแล้วปลดปล่อยพลังงานอันมหาศาลออกมาก่อกำเนิดดาวเลิกดวงแรกๆของเอกพบขึ้นมาครับ เรารู้ว่า ธาตุแต่ละชนิดที่แตกต่างกันในตารางธาตุก็เกิดจากการเพิ่มโปรตอนเข้าไปนิวเคลียสเรื่อยๆโปรตอน 1 ตัวก็คือไฮโดรเจนโปรตอน 2 ตัวก็คือฮีเลียมโปรตอน 6 ตัวก็กลายเป็นคาบอนโปรตอน 26 ตัวก็กลายเป็นเหล็กโปรตอน 92 ตัวก็กลายเป็นยูเลเนียมอะไรแบบนี้ครับ เราจะเล่นแล้วแปรทาสได้เพียงแค่เพิ่มและลดจำนวนโปรตอนในนิวเคลียสของมันนั่นแหละครับแต่การเอาโปรตอนมารวมกันเนี่ยมันยากมากๆครับ มันจะต้องใช้พลังงานที่สูงมากๆ เพราะว่าโปรตอนก็เป็นประจูบวกด้วยกันทั้งคู่ครับ มันจะผลักกันเองแต่ถ้าเรามีพลังงานที่มากพอ เราก็สามารถทำให้โปรตอนเข้ามาใกล้กันได้แล้วเมื่อโปรตอนเข้ามาใกล้ในระดับหนึ่งแล้ว แรงนิวเคลียสอ่างเข้มก็จะทำงานครับทำให้โปรตอนมันยึดติดกันแล้วที่ใจกลางดาวเลิกเนี่ย มันจะมีความร้อนแล้วก็แรงดันที่มากพอที่จะทำให้ธาตุต่างๆมารวมตัวกัน เอาโปรตอนในนิวเคลียสมารวมกันสร้างธาตุที่หนักขึ้นไปได้เรื่อยๆครับ โดยที่ใจกลางดาวเลิกสามารถสร้างได้มากสุดถึงธาตุเหล็กครับโดยใจกลางดาวเลิกสามารถรวมโปรตอนได้มากที่สุด 26 ตัวนั่นแหละครับแต่ว่ากว่าที่ธาตุเหล่านี้จะออกมาสู่เอกพรพได้มันจะต้องรอให้ดาวเลิกหมดอายุไขก่อนและระเบิดกลายเป็น Supernovaท่าที่ถูกสร้างมาพวกนี้ ถึงจะกระจายออกไปในเอกพบครับแล้วบางครั้งมันก็จะเกิด Supernova แบบพิเศษ ก็คือ กิโลโนว่า ครับซึ่งปรากฏการณ์พวกนี้มันก็จะมีพลังงานที่มากเพียงพอที่จะทำให้โปรตอนมารวมตัวกัน แล้วสร้างทาสที่หนักกว่าทาสเหล็กขึ้นมาได้ครับหรือถ้าจะให้พูดให้ละเอียดอีกนิดนึงก็คือมันจะทำให้นิวตรอนมาเพิ่มในนิวเคลียสครับแล้วเวลาผ่านไปนิวตรอนก็จะสลายตัวเป็นโปรตอนจากแรงนิวเคลียร์ยังอ่อนทำให้ทาสเปลี่ยนเป็นทาสที่หนักขึ้นครับซึ่งนั่นก็หมายความว่าช่วงเวลาที่ดาวเลิกรุ่นแรกยังเฉิดฉายอยู่เนี่ยเอกพบจะไม่มีทาสหนักอะไรเลยครับมันยังไม่มีดาวเคราะห์ถือกำเนิดขึ้นครับทั้งจักรวาลจะมีเพียงแค่ดาวเลิกและก็การ์ดไฮโดรเจนกับฮีเลียม ล่องลอยไปมาภายในอวกาศที่ว่างเปล่าเท่านั้นครับแต่ก็ใช่ว่าธาตุทั้งหมดในตารางธาตุจะเกิดได้จากปรากฏการณ์ธรรมชาตินะครับธาตุที่มีเลขอตอมสูงมากๆหลายธาตุก็เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติไม่ได้เลยครับไม่มีปรากฏการณ์ในธรรมชาติเลย ที่มีพลังงานสูงพอที่จะสร้างธาตุเหล่านั้นได้นอกจากฝีมือมนุษย์ครับมนุษย์สามารถสร้างอุปกรณ์พลังงานสูง ที่มันจะมีพลังงานสูงมากพอในการสังเคราะห์ธาตุหนักๆเหล่านี้ขึ้นมาได้ครับ ซึ่งนี่ก็คือเรื่องการกำเนิดทาสต่าง ในเอกพบของเราอย่างย่อ นะครับแล้วนักวิทยาศาสตร์ก็ได้สำรวจระบบสุริยะของเราเพื่อดูว่ามันประกอบไปด้วยทาสอะไรบ้าง จำนวนโปรตอน ส่วนแกนวายก็คือความอุดมสมบูรณ์ของธาตุหรือเราก็มองง่ายๆว่าเป็นปริมาณของธาตุก็ได้กันครับซึ่งมันก็เป็น Lock Scaleหรือจริงๆก็คือปริมาณของธาตุมันแตกต่างกันมากกว่านี้ครับแต่ในกราฟมันจะดูใกล้ๆกันเพราะว่าเราใช้ Lock Scale นั่นแหละครับเราจะสังเกตว่าระบบ Suria ของเราเนี่ย จะมีทาสแทบทุกชนิดเลยครับโดยกราฟนี้จะมีข้อมูลจนถึง Uranium ครับซึ่งนี่ก็แปลว่าระบบ Suria ของเรา ไม่ได้เกิดขึ้นจาก Big Bang โดยตรงหรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ไม่ได้ถือกำหนดขึ้นมาตอนที่เกิด Big Bang ครับ ดวงอาทิตย์ไม่ใช่ดาวเลิกรุ่นแรกครับสาเหตุที่เรารู้แบบนี้ก็เพราะว่าการที่ในระบบสุริยะของเราจะมีท่าต่างๆมากมายหลายชนิดได้ขนาดนี้เนี่ยมันจะต้องเคยมีดาวเลิกก่อนหน้าดวงอาทิตย์มาก่อนครับแล้วดาวเลิกดวงนั้นก็ได้สร้างท่าต่างๆขึ้นมาก่อนที่ดาวเลิกดวงนั้นจะหมดอายุไขแล้วก็ปล่อยกลุ่มกาสและท่าต่างๆ ออกมาครับจากนั้นกาสเทอร์เจนและซากดาวน์เลิกเหล่านั้นก็ได้เข้ามารวมตัวกันอีกครั้งหนึ่งด้วยความโน้มถ่วงเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ฟิวชั่นขึ้นมาอีกครั้งสร้างดาวน์เลิกดวงใหม่ขึ้นมาครับ หรือก็คือเป็นการ Recycle ดาวน์เลิกนั่นแหละครับบางคนอาจจะมองว่านี่เป็นวัฒนศักดิ์ที่ไม่มีวันสิ้นสุดดาวน์เลิกสามารถเกิดดับๆ ไปเรื่อยๆ ครับแต่จริงๆ มันไม่ใช่แบบนั้นนะครับทุกครั้งที่มีดาวน์เลิกรุ่นใหม่ถือขึ้นเหนือขึ้นมาหรือว่ามีการ Recycle ดาวน์เลิกเนี่ยสารสารที่สามารถสร้างพลังงานได้มันก็จะน้อยลง น้อยลงเรื่อยๆครับมันก็ทำแบบนี้ตลอดไปไม่ได้ในอนาคตอันไกลพ้นวัฒนาจักรการสร้างดาวเลิกนี้ก็จะหยุดนะครับกลับมาที่ระบบสุริยะของเราต่อครับกระทะปริมาณท่าต่างๆในระบบสุริยะของเราเนี่ยจะเห็นว่า ฮาดรอยเจนกับฮีเลียมมีปริมาณที่เยอะที่สุดซึ่งก็เป็นเรื่องปกตินะครับลองลงมาก็จะเป็นออกซิเจนกับคาร์บอนครับส่วนลิทเทียม เบอร์ลิเลียม และโบรอนมันจะมีน้อยมากๆครับเพราะว่าท่า 3 ตัวมันเกิดขึ้นยากมากๆตอนที่ฮีเลียมฟิว��ั่นกันที่ใจกลางเดาเลิกโปรดักต์สุดท้ายที่ได้มันจะกลายเป็นคาร์บอนเลยครับ มันจะข้ามธาตุพวกนี้ไปเลยครับโดยตอนนี้พวกเราก็รู้แล้วว่าระบบสุริยะได้ถือกำหนดขึ้นมาเมื่อราว 4,500 ล้านปีทีละครับแล้วเรารู้อายุของระบบสุริยะได้ยังไง ก็ตรงไปตรงมาครับ ดูที่ปริมาณของทาสกรรมตรังสีที่เกาะอยู่บนหินในระบบสุริยะครับและนี่ก็คือกราฟสัดส่วนของทาส Potassium 40 และ Agon 40 ที่เปลี่ยนแปลงไปตามเวลาครับการ X ก็คือเวลา ส่วนการ Y ก็คือสัดส่วนของทาสครับพอเวลาผ่านไป Potassium-40 ก็จะสลายตัวกลายเป็น Argon-40ทำให้ Potassium-40 มีปริมาณที่น้อยลงและ Argon-40 ก็มีปริมาณที่มากขึ้นครับโดย Potassium-40 เนี่ย จะมีค่าครึ่งชีวิตหรือว่า Half Life อยู่ที่ประมาณ 1,250 ล้านปีซึ่งนั่นก็หมายความว่าถ้าที่เวลาเริ่มต้นหรือเวลาทีที่กับศูนย์มีโปรตาเซียม 40 เท่ากัน 1 และอากร 40 เท่ากับศูนย์พอเวลาผ่านไป 1,250 ล้านปีก็จะมีโปรตาเซียม 40 เท่ากับศูนย์ 0.5แล้วก็อากร 40 เท่ากับ 0.5ปริมาณครึ่งๆ เท่ากันครับแต่ถ้าเวลาผ่านไป 2,500 ล้านปีก็จะมีโปรตาเซียม 40 เท่ากับ 0.25และอากร 40 เท่ากับ 0.75 อะไรประมาณนี้ครับ แล้วนักดาราศาสตร์ก็ตรวจสอบสัดส่วนของ Potassium-40 และ Agon-40ที่เกาะอยู่ในหินที่อยู่ภายในระบบสุริยะ ไม่ว่าจะเป็นหินบนโลก ดวงจันทร์ ดาวอังคาร หรือว่าบนดาวเคราะห์น้อยต่างๆเราก็พบว่าแทบทุกอย่างในระบบสุริยะถือกำหนดขึ้นมาในช่วงเวลาเดียวกันหรือก็คือประมาณ 4,500 ล้านปีที่แล้วนั่นทำให้เรามั่นใจมาก ว่านั่นแหละคือเวลาที่ระบบสุริยะนี้ได้ถือกำหนดขึ้นมาครับ คราวนี้เรามาดูภาพรวมหน้าตาของระบบสุริยะกันบ้างนะครับศูนย์กลางของระบบสุริยะก็คือดวงอาทิตย์ดาวเลิกที่เรารู้จักมากที่สุดครับถัดมาก็เป็นดาวพุธ ดาวสุก โลก และดาวอังคารครับซึ่งทั้ง 4 ดวงนี้ก็เป็นดาวเคราะหินจากนั้นก็ตามมาด้วยแถบดาวเคราะห์น้อยแล้วก็ตามมาด้วยดาวพระฤหัส แล้วก็ดาวเสาซึ่งเป็นดาวเคราะห์แก๊สครับซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นฮัยโดรเจนกับฮีเลียมนี่แหละครับแล้วถัดจากนั้นก็จะเป็นยูเลนัต แล้วก็เนปจูน ซึ่งก็เป็นดาวเคราะห์น้ำแข็งยักษ์ หรือในบางตำราเราก็ยังจัดว่ามันเป็นดาวเคราะห์แก๊สเหมือนกันนะครับถัดจาก Neptune ก็จะเป็นแถบ Kuiper ซึ่งก็จะเป็นที่อยู่ของดาวเคราะห์น้อยและก็ดาวห่างมากมายครับและทั้งหมดทะมวลนี้ก็จะถูกล้อมรอบด้วยเมฆออสและวัตถุส่วนใหญ่ในแถบคัยเปอร์และเมฆออสนี้ก็จะเป็นก้อนน้ำแข็งครับดาวเคราะห์หลายๆดวงก็จะมีดวงจันทร์เป็นของตัวเองอย่างเช่นโลก ดาวอังคาร ดาวพฤหัส และก็ดาวสุขครับ โดยดวงจันทร์มันจะมีขนาดเล็กมากๆ เมื่อเทียบกับดาวเคราะห์ที่มันโคจรล้อมรอบครับนอกเสียจากดวงจันทร์ของโลกเนี่ย ที่มันจะมีขนาดใกล้เคียงกับโลกหรือดวงจันทร์ของพลูโตก็มีขนาดใกล้เคียงกับพลูโตเช่นกันครับซึ่งนี่ก็เป็นเรื่องที่แปลกอยู่ครับ ถ้าเทียบกับขนาดของดวงจันทร์กับดาวเคราะห์ดวงอื่นครับแล้วมันก็มีคำถามมากมายที่เกี่ยวกับระบบสุริยะ ที่นักดาราศาสตร์พยายามหาคำตอบมาตลอดครับอย่างเช่น ทำไมระบบสุริยะถึงมีลักษณะเป็นแผ่นดิสทำไมดาวเคราะห์ต่างๆถึงโคจร เป็นทิศทางเดียวกัน ทำไมแกนหมุนรอบตัวเองของดาวเคราะห์ส่วนใหญ่จะหมุนไปในทางเดียวกันจะยกเว้นแค่บางดวงอย่างเช่นโลกเอียง 23 องศาอยู่เลยนะ แทบจะเอียง 90 องศาส่วนดาวสุกก็เอียง 180 องศาหรือว่ามุนกลับทิศกันเลยถ้าเทียบกับดาวดวงอื่นครับหรือทำไมดาวเคราะห์ถึงมี 2 ประเภทก็คือดาวเคราะห์หินกับดาวเคราะห์แก๊บ ทำไมดาวเคราะหินถึงอยู่ข้างใน และดาวเคราะห์แก๊สถึงอยู่วงโขจรข้างนอกทำไมดาวเคราะห์แก๊สถึงมีมวลมากกว่าดาวเคราะห์หินโดยดาวพฤหัสมีมวลมากกว่าโลกราวๆ 318 เท่าส่วนดาวเสาก็มีมวลมากกว่าโลกราวๆ 95 เท่าหรือแถบดาวเคราะห์น้อยระหว่างดาวอังคัญกับดาวพฤหัสคืออะไรและมันก็มีคำถามอีกมากมายว่าทำไมระบบสุริยะถึงมีหน้าตาเป็นแบบนี้ซึ่งนักดาราศาสตร์ก็พยายามไขพิษณะเหล่านี้มาหลายปีนะครับจนเราก็ได้สมมติฐานที่เรียกว่า Nebula Hypothesis หรือสมุติฐาน Nebulaที่จะอธิบายการกำเนิดของระบบสุริยะและสามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้เป็นอย่างดีมันก็เลยเป็นสมุติฐานที่ถูกยอมรับมากที่สุดในปัจจุบันครับพวกเราอาจจะไม่สามารถย้อนเวลากลับไปดูระบบสุริยะของเราตอนที่มันกำลังก่อตัวได้ครับแต่สิ่งที่เราทำได้ก็คือมองออกไปนอกอวกาศและเราก็จะเห็นกลุ่มการ์ดมากมายที่กำลังก่อตัวเป็นดาวเลิกกำลังก่อสร้างระบบดาวอยู่ครับ แล้วหนึ่งในบริเวณที่ใช้ศึกษาการกำเนิดดาวเลิกได้ดีที่สุดเลยก็คือOleon Nebula หรือ Nebula Nipron ที่อยู่ห่างจากโลกไปราวๆ 1270 ปีแสงมันเป็นบริเวณที่มีกลุ่มก๊าซมหาศาล มีดาวเลิกกำเนิดใหม่มากมายที่นั่นครับหรือเราเรียกได้ว่าที่นั่นเป็นแหล่งอนุบาลดาวเลิกได้เลยครับอย่างเช่นภาพนี้ก็คือภาพการเกิดดาว TW Hydraมันเป็นภาพการหมุนวนของก๊าซรอบจุดศูนย์กลางที่เป็นดาวเลิก จริงๆ แล้วตรงกลางภาพเนี่ยมันจะสว่างมากครับแต่ภาพนี้เขาได้ปิดสีดำไว้เพื่อที่จะได้ศึกษาการรอบๆ ได้สะดวกขึ้นครับก่อนหน้านี้การและอนุภาคของธาตุต่างๆ ก็จะรวมกันเป็นกลุ่มก้อนที่ฟุ้งกระจายแบบไร้ทิศทางครับแต่มวลของมันก็ได้ดึงดูดให้พวกมันมารวมตัวกันการและอนุภาพต่างๆ จะถูกดึงดูดให้มารวมตัวกันและมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆและเมื่อมีขนาดเล็กลงเนี่ยพลังงานสักโน้มถวงบางส่วนก็จะเปลี่ยนเป็นพลังงานจนและแสงสว่างครับในคลิปนี้ผมจะขอไม่ลงรายละเอียดเรื่องกฎการอนุรักษ์พลังงานนะครับ แต่ให้รู้ว่ายิ่งขนาดของกลุ่มกาสเล็กลงอนุภาพของกาสก็จะเคลื่อนที่เร็วมากขึ้นร้อนขึ้น แล้วก็สว่างมากขึ้นเข้าใจแบบนี้ก็แล้วกันนะครับในตอนแรกอนุภาพของกาสมันก็จะเคลื่อนที่แบบมั่วๆกระจายไปทุกทิศทางครับแต่กลุ่มกาสมันไม่ได้มีมวลที่สม่ำเสมอทุกที่นะครับมันจะมีบางจุดบางบริเวณที่มีมวลมากกว่าเพื่อนและก็มี Angular Momentum หรือว่า Momentum เชิงมุมที่มากกว่าที่อื่นซึ่งทำให้การ์ดบริเวณนั้นเคลื่อนที่หมุนวนรอบจุดศูนย์กลางในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง และมวลที่มากของมันก็เริ่มดูดซับมวลรอบๆตัวมันให้เคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกันเพิ่มมากขึ้นและเมื่อมวลมากขึ้นAngular Momentum ก็จะสูงขึ้นเรื่อยๆจนในที่สุดกลุ่มการ์ดทั้งหมดก็จะหมุนมวลในทิศทางเดียวกันกลายเป็นรูปแผ่น Disk รอบจุดศูนย์กลางมวลโดยเราก็เรียกแผ่นจานนี้ว่า Proto-Panetral Diskถ้าให้อธิบายเรื่องมุมที่ตั้งเชิงมุมเดี๋ยวมันจะยาวครับใครที่เรียนฟิสิกส์หมอไปก็อาจจะพอจำได้บ้างแต่ใครที่ไม่ได้เรียนก็เอาเป็นว่ามันก็เป็นพฤติกรรมเดียวกันกับตอนที่เราปล่อยน้ำลงทอ แล้วมวลของน้ำก็จะหมุนมวลรอบท่อก่อนจะลงท่อไปนั่นแหละครับแล้วที่ศูนย์กลางของแผ่นดิสนี้มันก็จะมีความหนาแน่น มีความดัน และมีอุณหภูมิที่สูงมาก ๆจนทำให้ไฮโดรเจนมารวมตัวกันกลายเป็นฮีเรียม เกิดนิวเคลียร์ฟิวชั่นโปรดปล่อยพลังงานอันมหาศาล ทำให้เกิดดาวเลิกขึ้นมาส่วนการ์ดที่หมุนมวลอยู่รอบๆ มันก็จะมีมวลที่ไม่สม่ำเสมอเหมือนกันครับบางจุดมันก็จะมีมวลมากกว่าที่อื่นทำให้การ์ดและอนุภาพของท่าต่างๆ บริเวณนั้นสามารถมารวมกันสร้างดาวเคราะห์ได้แล้วเมื่อดาวคลอสที่ถือกำเนิดใหม่ดวงนี้ ใดโคจรรอบดาวเลิกเนี่ยมันก็จะกวาดเอากลุ่มก๊าซและอนุภาพต่างๆ รอบตัวมันในเส้นทางที่มันโคจรทำให้ดาวเคราะห์มีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆและทำให้เกิดแถบพื้นที่ว่างบนแผนจานของกลุ่มแก๊สนี้ขึ้นมาครับอย่างที่เกิดกับดาว HL Tuoliเราจะเห็นว่าแผนจานมีแถบช่องว่างค่อนข้างชัดเจนเลยครับดาวเคราะห์กำเนิดใหม่ได้กวาดเอามวลในบริเวณที่มันเคลื่อนที่ผ่านเข้ามารวมกับตัวของมันเองนั่นแหละครับแล้วตัวดาวเคราะห์เองมันก็มีมวลครับทำให้มีกาสหมุนวนรอบดาวเคราะห์ แล้วก็รวมตัวกันกลายเป็นดวงจันทร์ของดาวเคราะห์วิธีเดียวกันกับการเกิดดาวเคราะห์รอบดาวเลิกนั่นแหละครับแต่นี่เป็นการเกิดดวงจันทร์รอบดาวเคราะห์แทนครับจนในที่สุดกลุ่มการ์ดต่างๆ ก็ถูกดาวเคราะห์ดูซับไปเกือบหมดมันก็จะกลายเป็นระบบดาวที่มีดาวเลิกอยู่ตรงกลางแล้วก็มีดาวเคราะห์กับดาวเคราะห์น้อยโคจรในทิศทางเดียวกันอยู่รอบๆ นั่นแหละครับซึ่งทิศทางการโคจรของดาวเคราะห์นี้ก็เป็นทิศทางเดียวกันกับที่กลุ่มการ์ดก่อกำเนิดหมุมรอบดาวเลิกตอนแรกนั่นแหละครับ แล้วที่ใกล้ๆดาว HL Tauri มันก็มีการก่อกำเนิดของดาวเลิกอีกดวงหนึ่งเหมือนกันครับแต่เรามองเห็นมันจากด้านข้างของแผ่นจานหรือว่าที่เรียกว่า Aeonเราเลยเห็นมันเป็นขอบๆเป็นเส้นนะครับแล้วตรงจุดศูนย์กลางก็จะมีลำแสงพุ่งออกมาหรือที่เรียกว่า Jetซึ่งเกิดจากสนามแม่เหล็กของการหมุนวนของแผ่นจานนั่นแหละครับเราพบปรากฏการณ์การก่อกำเนิดดาวเลิกและระบบดาวแบบนี้มากมายทั่วทั้ง Galaxy ของเราเลยครับและเราก็คาดว่า คาดว่าแบบมั่นใจมากๆ เลยครับว่าระบบสุริยะของเรา ก็ถือกำเนิดขึ้นมาด้วยวิธีเดียวกันนี้นั่นแหละครับในตอนแรกๆที่ระบบดาวถือกำเนิดขึ้นมาเนี่ยมันยังไม่สัดเห็นนะครับ มันยังมีดาวเคราะห์อยู่มากมายมีวงโครจรสร้อนกันไปมาค่อนข้างวุ่นวายเลยทีเดียว และแน่นอนว่ามันต้องมีดาวเคราะห์พุ่งชนกันบ้างครับและนั่นก็ทำให้แกนหมุนของดาวเคราะห์เปลี่ยนไปจากการชนครับโลกก็อาจจะถูกชนไม่แรงมากนักหรืออาจจะไม่ได้ถูกชนตรงๆแกนก็เลยเอียงเพียงแค่ 23 องศาส่วนดาวยูเรนัทกับดาวสุกเนี่ยน่าจะถูกชนแบบเต็มๆ ถูกชนแรงๆ เลยจนแกนหมุนของมันเอียงได้ถึง 90-180 องศาเลยครับนอกจากนี้ นักดาราศาสตร์ก็ได้แบ่งสัดสารในระบบสุริยะออกเป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ ครับได้แก่ 1. กลุ่มฮิดรโจนและฮีเลียมที่มีสัดส่วนของมวลอยู่ประมาณ 98%2. กลุ่มฮิดรโจนคอมพาลอย่างเช่น น้ำ มีเทน และแอมโมเนียที่มีสัดส่วนอยู่ประมาณ 1.4%3. กลุ่มหินและแร่ธาตุต่างๆที่มีสัดส่วนอยู่ประมาณ 0.4%และ 4. กลุ่มโรหะที่มีสัดส่วนอยู่ประมาณ 0.2%และสัดส่านทั้ง 4 กลุ่มนี้ก็จะมีอุณหภูมิการเกิดควบแน่นที่ไม่เท่ากันครับคำว่าควบแน่นในที่นี้หมายถึง กลายเป็นสถานะอื่นที่ไม่ใช่การนะครับ อาจจะเป็นของเหลวหรือว่าของแขนก็ได้แล้วตอนที่ระบบสุริยะกำลังก่อกระเนิดขึ้นมากาสต่างๆมากมายที่กำลังจะกลายเป็นดาวเลิกและดาวเคราะห์เราเรียกทั้งหมดนี้ว่าเนวิลลาดวงอาทิตย์ครับแล้วในบริเวณเนวิลลาดวงอาทิตย์นี้ไม่มีที่ไหนเลยที่จะทำให้ฮาโดรเจนกับฮีเลียมควบแน่นได้หรือก็คือมันจะมีสถานะเป็นแก๊สเสมอครับอันนี้เราไม่นับพวกที่เกิดขึ้นโดยฝีมือมนุษย์อย่างเช่นฮาโดรเจนเหลวนะครับพอเราพูดถึงช่วงเวลาที่ระบบสุริยะกำลังถือกำเนิดขึ้นมานะครับส่วนกลุ่มฮาโดรเจนคอมพาวเนี่ย มันจะเริ่มควบแน่นที่อุณหภูมิแถว 150 เควินหรือก็คือประมาณลบ 123 องศาเซลเซียสกลุ่มหินก็จะเริ่มควบแน่นที่แถว 500 ถึง 1,300 เควินหรือก็คือประมาณ 227 จนถึง 1,025 องศาเซลเซียสแล้วท้ายสุดก็คือกลุ่มเหล็กที่จะเริ่มควบแน่นที่ประมาณ 1,000-1,600 เควินหรือที่ประมาณ 725-1,325 องศาเซลเซียสและอนุพุมการเริ่มควบแน่นที่แตกต่างกันนี่แหละก็ทำให้สะสานคนละชนิดกัน ควบแน่นในบริเวณที่แตกต่างกันของเนมบูล่าดวงอาทิตย์และนี่ก็เป็นสาเหตุให้เรามีดาวเคราะห์คนละชนิดกันครับที่ใกล้ๆศูนย์กลางของเนมบูล่าดวงอาทิตย์เนี่ยพวกหินและโลหะเนี่ยก็จะควบแน่นเป็นของแข็งแล้วมวลของพวกมันก็จะรวมตัวกัน กลายเป็นดาวเคราะหินในที่สุดครับห่างจากศูนย์กลางออกมาอีกหน่อย อุณหภูมิก็จะลดลงครับพวกฮาโรเจนคอมพาลอย่างเช่น น้ำ มีเทน แอมมอเนียก็สามารถควบแน่นเป็นได้ทั้งของเหลวและของแข็ง แล้วพวกมันก็จะรวมตัวกันกลายเป็นแกนของดาวเคราะห์แก๊สครับแล้วหลังจากนั้นตัวแกนเนี่ยมันก็จะกวาดเอาก๊าซรอบๆตัวมันที่มันเคลื่อนที่ผ่านเข้ามารวมตัวกันให้กลายเป็นก๊าซที่ปกคลุมรอบแกนของมันครับกลายเป็นดาวเคราะห์แก๊สในที่สุดครับโดยวงโคจรรอบนอกจะมีพื้นที่ในการกวาดมวลมากกว่าวงโคจรรอบในทำให้ดาวเคราะห์ที่เกิดขึ้นบริเวณนี้มันจะมีมวลในการสร้างดวงดาวที่มากกว่าแล้วนั่นก็เป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุที่ว่าทำให้ดาวเคราะห์แก๊สส่วนใหญ่ถึงมีมวลมากกว่าดาวเคราะห์หินครับแล้วมันก็ให้คำตอบได้ว่า ทำไมดาวเคราะห์แก๊สถึงอยู่วงนอก และดาวเคราะห์หินถึงอยู่วงในครับแล้วดาวเคราะห์ที่มีมวลสูงๆ อย่างดาวพฤหัสเนี่ยมันจะทำให้เกิดพื้นที่หนึ่งในระบบสุริยะที่บริเวณนั้นมวลไม่สามารถรวมตัวกันเป็นดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ได้นั่นก็คือพื้นที่ระหว่างดาวอังคารกับดาวพระภริหัสครับโดยในบริเวณนั้นนะครับ ถ้ามวลรวมตัวกันจนมีขนาดใหญ่เกินไปมันจะถูกความโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์และดาวพระภริหัสชีกมันออกเป็นชิ้นๆ เลยครับบริเวณนั้นก็เปลี่ยนเสมือนว่า เป็นบริเวณที่มวลไม่สามารถรวมตัวกันเป็นดาวเคราะห์ขนาดใหญ่ได้ มันก็เลยมีแต่ดาวเคราะห์น้อยจำนวนมาก ล่องลอยไปมาครับและเราก็เรียกพวกมันว่า Asteroid Belt หรือว่าแถบดาวเคราะห์น้อยครับแล้วเรื่องการควบแน่นของสัดสารในบริเวณต่าง ของระบบสุริยะก็ทำให้ดวงจันทร์ของโลกมีความแปลกมากขึ้นไปอีกครับถ้าดวงจันทร์ของโลกฟอร์มตัวจากกลุ่มแก๊สแบบเดียวกับโลกในบริเวณที่ใกล้เคียงกับโลกบริเวณนั้นจะเป็นบริเวณที่ธาตุเหล็กสามารถควบแน่นได้ครับซึ่งนั่นก็หมายความว่าดวงจันทร์ควรจะมีสัดส่วนของธาตุเหล็กที่ใกล้เคียงกับโลกครับ แต่สิ่งที่เราค้นพบเลยก็คือ ดวงจันทร์มีธาตุเหล็กน้อยมากๆครับซึ่งดวงดาวที่มีสัดส่วนธาตุเหล็กที่น้อยแบบนี้ ไม่น่าจะเกิดขึ้นที่บริเวณนี้ได้ครับแต่ธาตุเหล็กที่น้อยเนี่ย มันกลับเหมือนกับชั้นผิวของโลกครับที่มีสัดส่วนธาตุเหล็กที่น้อยเหมือนกันเราก็เลยมีสมมุติฐานการเกิดดวงจันทร์ที่เรียกว่าGiant Impact Hypothesis เกิดขึ้นมาครับสมมุติฐานนี้บอกว่าในตอนที่ระบบศรียะได้ถือกำเนิดขึ้นมาใหม่ๆวงโคลจรของดาวเคราะห์ยังวุ่นวายอยู่นะครับซึ่งมันก็จะมีดาวเคราะห์มาโคลจรชนกันบ้าง และโลกก็เป็นหนึ่งในนั้นครับดาว ProtoEarth หรือว่าดาวก่อนหน้าจะเป็นโลกกับดาว TR ได้พุ่งมาชนกันครับโดยการพุ่งชนนั้นได้ซัดเอาผิวหน้าของ ProtoEarth ออกไปและ ProtoEarth กับดาว TR ก็ได้หลอมรวมกันเป็นโลกในปัจจุบันครับส่วนผิวหน้าของ ProtoEarth ที่ได้หลุดออกไปก็ได้โคจรรอบโลก และได้หลอมรวมกันกลายเป็นดวงจันทร์ในที่สุดครับซึ่งนี่ก็คือสมฤทธิษฐานการเกิดดวงจันทร์ตาม Giant Impact Hypothesisที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในปัจจุบันครับโดยดวงจันทร์ของดาวพลูโตที่ชื่อว่า แคลอน ก็คาดว่า น่าจะเกิดมาจากสาเหตุเดียวกันนั่นแหละครับและสาเหตุที่แกนโลกเยี่ยง 23 องศาก็คาดว่าเกิดมาจากการชนครั้งนั้นนั่นแหละครับแล้วในบริเวณที่ห่างไกลจากจุดศูนย์กลางมากๆมันจะมีขอบเขตหนึ่งที่เราเรียกว่าFort lineคือถ้าเลยเส้นขอบเขตนี้ไปแล้วครับน้ำจะกลายเป็นน้ำแข็งซึ่งนั้นก็ทำให้เศษมวลต่างๆ ที่อยู่เลยเส้นขอบเข็ดนี้ไปอย่างแถบคัยเปอร์และเมฆออสส่วนใหญ่ก็จะเป็นน้ำแข็งนั่นแหละครับซึ่งพวกมันก็เกิดขึ้นมาจากเศษมวลที่ฟุ้งกระจายออกมาจาก Protoplanetary Disk ตอนที่ก่อกำเนิดระบบสุริยะนั่นแหละครับและทั้งหมดนี้ก็เป็นสมมติฐานการกำเนิดระบบสุริยะที่นักวิทยาศาสตร์ให้การยอมรับมากที่สุดในปัจจุบันครับระบบสุริยะได้ถือกำเนิดขึ้นมาเมื่อประมาณ 4,500 ล้านปีที่แล้วและกระบวนการทั้งหมดที่เกิดขึ้นตอนนั้นก็ทำให้ระบบศุริยะของเรามีหน้าตาเป็นแบบนี้ครับโดยทุกสิ่งที่เราเห็นในระบบศุริยะทุกอย่างที่เราเคยสัมผัสหรือแม้แต่ตัวเราเองทุกอตรมของสิ่งเหล่านี้ ก็รวมแต่เคยเป็นส่วนหนึ่งของฝุ่นการ์ดใน Proto-Panetary Diskและก่อนหน้านั้นมันก็เคยเป็นส่วนหนึ่งของอตอมที่อยู่ในดาวเลิกรุ่นก่อนหน้าดวงอาทิตย์มาก่อนครับดังที่คาลเซแกนเคยพูดไว้ว่าWe are made of starstuffหรือพวกเราล้วนสร้างมาจากทุลีของดวงดาว และนี่ก็เป็นเรื่องราวอย่างย่อของ Nebula Hypothesisหรือสมฤติฐานการเกิดระบบสุริยะที่ได้รับการยอมรับมากที่สุดในปัจจุบันครับถ้าใครที่ฟังมาถึงตรงนี้ก็แปลว่าน่าจะชอบคลิปแบบนี้นะครับก็อย่าลืมเช็คดูหน่อยว่าได้กดไลค์ กด Subscribe คลิปนี้แล้วหรือยังนะครับถ้ายังไม่ได้กด กดด้วยนะครับช่วงนี้อันกรณีชมของ YouTube โหดมากๆ ครับถ้าไม่ได้กด Subscribe หรือแม้แต่กดกระดิ่งแจ้งเตือนเนี่ยเราจะไม่โผล่ไปในหน้าคลิปของเพื่อนๆ เลยครับหรือกด Subscribe แล้วก็อาจจะไม่โผล่ก็ได้ งั้นเช็คดูหน่อยว่ากดกระดิ่งแจ้งเตือนแล้วหรือยังครับแล้วใครมีหัวข้อดีๆอยากเสนอให้เราทำคลิปแบบไหนก็สามารถบอกได้ที่คอมเมนต์เลยนะครับหรือใครอยากสนับสนุนช่องนี้ไปมากกว่านี้ครับก็สามารถกดสำักสมาชิกหรือว่ากดปุ่มซูปเปอร์แตงได้เลยนะครับโดยยอดสนับสนุนของเพื่อนๆทุกคนเนี่ยก็จะกลายเป็นค่าข้าวค่ากาแฟหรือว่าค่าอัพเกรดอุปกรณ์ต่างๆของทีมงานคนช่างใสครับขอบคุณเพื่อนๆมากเลยนะครับที่ฟังจนถึงตอนนี้ครับแล้วเหมือนเดิมครับเจอกันใหม่คลิปหน้าก่อนจากกันอย่าลืมช่างสงสัยเข้าไว้นะครับสวัสดีครับ