ขอต้อนรับเข้าสู่ North Life Advice Ep ที่ 23 นะครับเรายังอยู่กับศาสตร์ mbti หรือที่หลายๆคนรู้จักกันในชื่อ sixteen personality นั่นเองนะครับซึ่งพี่ภูมิก็ เพิ่งจะไปบรรยายมาในหลักสูตร des ที่ มหาวิทยาลัยศรีปทุมมาหมาดๆเลยนะขอบอกเลย ว่าสนุกแล้วก็รู้สึกเป็นเกียรติมากๆนะ ครับต้องขอขอบคุณหลักสูตร def ด้วยนะครับ ที่ชวนไปเนาะเอาล่ะครับหลังจากที่เราได้ ทำความรู้จักกับการแบ่ง 16 ตัวเนี่ยออก เป็น 4 สีตามแนวนอนนะครับมันก็คือตั้งแต่ Ep ที่ 1 ไล่มาถึง 14 นะ แล้วเราก็มาแบ่งเป็น 4 นักนะครับตาม ปฏิสัมพันธ์ 4 ก็คือแนวตั้งนั่นเองนะครับ ก็คือตั้งแต่ Ep ที่ 16 17 แล้วก็ 19 มา จนถึง 22 นะครับพี่ภูมิก็จะย้อนกลับมา อธิบายเรื่องของนิติฟังก์ชันแล้วก็ของ native stack นะครับซึ่งมันจะเป็นความ ลึกของศาสตร์นี้แล้วนะเพื่อนๆส่วนใหญ่ เนี่ยอาจจะไม่ได้สนใจลึกขนาดนี้นะครับแต่ สำหรับคนที่จะศึกษาศาลนี้อย่างจริงจัง เนี่ยมันจะพาเราไปเจอความว้าวของศาสตร์ นี้เลยนะครับ ส่วนใครที่ไล่ดูทุก ep มาแล้วและยังไม่ โชว์ว่าตัวเองเป็นไทยอะไรนะครับบางที เรื่องของ native function ของ native stack เนี่ยมันอาจจะทำให้เราเจอท้ายตัว เองก็ได้นะอย่างพี่ภูมินะครับเคยสับสนว่า ตัวเองเนี่ยเป็น intp หรือว่า I Enter กันแน่นะครับเรื่องของปฏิสัมพันธ์ 4 เนี่ยมันก็ช่วยได้ในระดับนึงนะครับก็คือ รู้ว่าตัวเองเนี่ยเป็นนักตามแผนมากกว่า ที่จะเป็นนักเบื้องหลังเนาะก็คือเป็น intj มากกว่าที่จะเป็นใน ntp นะครับ แต่พอมาเจอคนที่ติดฟังก์ชันก็รู้เลยว่า เออพี่ภูมิใช้ introveded เยอะมากนะครับ แทบจะตลอดเวลาเลยซึ่ง intj เนี่ยมี introveded function นะครับก็เลยทำให้มั่นใจว่าเออ เรานี่แหละเป็น imtj เนอะใน EP ที่ 2 นะ ครับที่ภูมิได้พูดถึงเพอร์ซีวิ่งฟังก์ชัน ไปแล้วนะวันนี้นะครับพี่พุงก็จะมาพูดถึง justing function กันบ้างนะครับถ้า พร้อมแล้วไปลุยกันเลยดีกว่าครับ [เพลง] ถ้าใครยังไม่ได้ดู Ep ที่ 2 นะครับแนะนำ ให้ย้อนกลับไปดูกันก่อนนะครับข่าวจูง เนี่ยศาสดาของ mbti เนี่ยนะครับเขาได้ นิยามของนิติฟังก์ชันไว้ 2 part นะครับ ก็คือ persing นะครับคือเรามองโลกอย่างไร นะครับเรามองข้อมูลอย่างไรแล้วก็จัดจริง นะครับคือเมื่อเรามองโลกได้ข้อมูลมาแล้ว เราทำอะไรกับข้อมูลนั้นนะครับซึ่งในส่วน ของภาษีวิ่งเนี่ยก็แบ่งเป็น 4 อย่างนะ ครับก็คือ sensing แล้วก็ intrusion นะ ครับจะมีเวอร์ชั่น experted นะครับส่วน jasting เนี่ยจะมี 4 อย่างเหมือนกันนะ ครับก็คือ Thinking แล้วก็ Feeling นะ ครับมีทั้ง experted เช่นกันนะครับ [เพลง] ขอ recape 4 perciving function ไว้ ก่อนแล้วกันนะมันคือเรามองโลกยังไงนะครับ ของอย่างนึงเนี่ยสมมุติว่าเป็นกล่องนะมี 4 ด้านนะครับคนที่ใช้ภาษีวิ่งฟังก์ชันที่ ไม่เหมือนกันเนี่ยจะ pick up คนละด้าน เลยนะครับจะมองคนละด้านดังนั้นเนี่ยคนที่ ใช้ intudition ก็คือพวกที่มี n ในไทย โค้ดนะครับจะคุยกันคนละคลื่นกับคนที่ใช้ sensing หรือว่ามี S ในไทยโคลนเลยนะ ถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายๆนะครับสมองเราทำ หน้าที่ได้หลายอย่างรับรู้ได้หลายอย่างนะ ครับอย่างแรกเลยก็คือรับรู้ข้อมูลผ่าน ประสาทสัมผัสทั้ง 5 นะครับตาหูจมูกนะครับ ฟังก์ชันนี้เนี่ยเรียกว่า expressing นะครับหรือว่าตัวย่อคือ SE เนาะแต่อย่าเข้าใจผิดนะครับ expers เนี่ยมันไม่ใช่ภาษาสมบัติทั้ง 5 นะครับเพราะว่าปราสาทสัมผัสทั้ง 5 ของเรา เนี่ยมันเป็น Passive เนาะเราปิดมันไม่ ได้นะครับแต่ว่า pers วิ่งฟังก์ชันของที่ ติดฟังก์ชันทั้งหมดเนี่ยนะครับมันเป็น Active function นะครับหมายความว่าเรา เลือกที่จะใช้มันเนาะคนที่ใช้ explor Set sensing เป็นหลักเนี่ยเวลามองอะไรเนี่ย เขาเห็นหมดทุกด้านก็จริงนะครับแต่เขา actively ที่จะเลือกโฟกัสไปกับสิ่งที่ รับรู้ผ่านประสาทสัมผัสทั้ง 5 ต่างหากยก ตัวอย่างถ้าเรากำลังไปเลือกซื้อเสื้อผ้า นะครับคนที่ใช้ expler จะ pick up ราย ละเอียดของ material ของเนื้อผ้านะครับ เฮ้ยผ้านี้ดีนะมีสีแบบนี้มีกลิ่นแบบนี้นะ ครับอีกฟังก์ชันหนึ่งของสมองก็คือความจำ นะครับความทรงจำเราทุกคนมีความทรงจำใช่ ป่ะอันนี้ก็คือ introverted คนที่ถนัดใช้ ฟังก์ชันนี้จะมองโลกผ่านความทรงจำของตัว เองนะครับคือจะเปรียบเทียบกับความทรงจำ ของตัวเองเสมอนะครับเช่นเวลาเลือกซื้อ เสื้อผ้าเนี่ยก็จะเทียบว่าเฮ้ยเราเคยมี เสื้อผ้าแบบนี้หรือเปล่านะตัวนี้เราเคย ใส่แล้วหรือเปล่า ล่าสุดเนี่ยพี่ภูมิเพิ่งไปฟัง podcast ของ professor จอแดนสั้นคุยกับ processor and the Woman นะครับ 2 คนนี้นี่คือแบบตอนนี้ดังสุดๆเลยนะ [เพลง] ฟังก์ชันแรกคือการ simulate สิ่งต่างๆคาด เดาสิ่งต่างๆนะครับมันคือหน้าที่หลักของ Phantom cortex หรือว่าสมองส่วนหน้าของ เรานะครับเราอาจจะเคยได้ยินว่า prefrontal cortex เนี่ยมันคือส่วนที่ใช้ควบคุมตัว เองใช่ป่ะเวลาเราเมาอ่ะครับเราจะสูญเสีย ความควบคุมตัวเองไปใช่ป่ะ อันนั้นมันคือผลนะครับเหตุของมันเนี่ยก็ คือสมองส่วนนี้เนี่ยมีหน้าที่อย่างเดียว เลยคือจินตนาการสินาเรียลขึ้นมาว่าถ้าเรา ทำสิ่งนี้แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับเราอะไรจะ เป็น consequence นะครับมันคือเราสร้าง ตัวเองขึ้นมาเพื่อให้ทดลองสิ่งต่างๆเนี่ย ให้ความคิดของเราเนี่ยตายแทนเรานะครับเรา จะได้ไม่ต้องลงไปเสี่ยงเองทุกครั้งนะครับ ซึ่งมันเป็นฟังก์ชันที่จำเป็นมากๆต่อ Survival ของเราเนาะ ฟังก์ชันนี้นะครับเรียกว่า in covered intrusion นะคนที่ถนัดใช้ฟังก์ชันนี้ เนี่ยเวลาเลือกซื้อเสื้อผ้าจะจินตนาการ ตัวเองใส่เสื้อตัวนี้เลยนะใส่ไปใน สถานการณ์ไหนใส่ไปเจอใครใส่เวลาไหนจะ จินตนาการออกมาหมดเลยนะครับ ฟังก์ชันสุดท้ายนะครับก็คือ experted หรือการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆการสร้าง Connection ใหม่ๆกลับไปที่ podcast เมื่อกี้นะครับได้พูดว่าสมองเนี่ยมี 2 state ก็คือปิดกับเปิดเวลาปิดคือ state ของ depression สมองจะไม่อยาก explore อะไรเลยแต่เวลาเปิดตรงกันข้ามเลยนะจะเป็น เวลาที่เราเบิกบานอยากจะ Export สิ่งใหม่ ๆคนที่ถนัดใช้ฟังก์ชันนี้เนี่ยเวลาเลือก ซื้อเสื้อผ้านะครับจะ Export ทั่วร้านเลย อยากจะหาอะไรใหม่ๆนะครับเดินเลือกไป เรื่อยๆชอบที่จะเจออะไรใหม่ๆพี่ภูมิขอย้ำ อีกครั้งว่าฟังก์ชันเหล่านี้เราทุกคน สามารถใช้มันได้ทั้งหมดเลยนะแล้วเราจะใช้ มันพร้อมๆกันด้วยนะครับ Day 5 Together นะครับเช่นเวลาเราคาดเดาอะไรบางอย่าง เนี่ยเราก็ต้องรับรู้ถึงเหตุการณ์ ปัจจุบันไปผสมกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ความทรงจำเราใช่ไหมครับแล้วก็ไปผสมกับการ สร้าง Connection ใหม่ๆเราถึงจะคาดเดาได้ อย่างแม่นยำใช่ป่ะข้อนี้สำคัญมากๆเลยนะ ครับ [เพลง] เอาล่ะครับเรา recape function จบไปแล้ว เรามาดูจัดจริงฟังก์ชันกันบ้างล่ะพอเรา ได้ข้อมูลออกมาจากโลกแล้วเนี่ยเราทำยังไง ต่อจากชิ่งฟังก์ชันคือเราออแกไนซ์กับ evaluate ข้อมูลอย่างไรนะฮะเราจัดการกับ เราวิเคราะห์ข้อมูลอย่างไรนะครับแบ่งเป็น 2 ฝั่งก็คือ Thinking แล้วก็ Feeling นะ ครับ สิ่งที่คนจะเข้าใจผิดกันเยอะมากก็คือจะ คิดว่าพวก Feeling จะตัดสินใจโดยไม่มี เหตุผลแล้วพวก Thinking จะไม่มีความรู้ สึกอย่างที่บอกว่าพวกเราทุกคนเนี่ยมีทั้ง 8 ฟังก์ชันนี้ในตัวหมดเลยนะครับไม่มีใคร เป็นฟิลลิ่งหรือ Thinking 100% นะคนที่ ใช้ฟิลลิ่งไม่ใช่ว่าเขาไม่มีเหตุผลนะครับ แต่เหตุผลการตัดสินใจของเขาก็คือความรู้ สึกของเราหรือความรู้สึกของคนรอบข้างต่าง หากนี่แหละคือเหตุผล ส่วน Thinking เนี่ยไม่ใช่ว่าไม่ใช่ความ รู้สึกเลยแต่เอาความรู้สึกมาเป็นทรัพยากร 1 อย่างนะครับเพียงกล่องเดียวแล้วกันคู่ กับหลายๆกล่องที่มันยังต้องแบบ manage อีกตั้งเยอะตั้งแยะเช่นเงินเวลาวัตถุดิบ Feeling เนี่ยจะเป็นการตัดสินใจแบบ subjective ก็คือขึ้นอยู่กับบาดเจ็บ บุคคลคนนึงคิดแบบนี้อีกคนนึงอาจจะเห็น ต่างนะครับแต่ว่า Thinking จะเป็นการตัด สินใจแบบ objective คือถ้าพูดขึ้นมาแล้ว เนี่ยทุกคนจะอ๋อใช่มันถูกนะครับจะเข้าใจ เหมือนกันมันคือความจริงที่เถียงไม่ได้นะ ครับยกตัวอย่างเช่นโลกมันกลมนะมันไม่ได้ แบนอีกเรื่องก็คือฟังก์ชันที่เป็นทั้ง หลายเนี่ยจะโฟกัสไปที่ปัจจุบันตอนนี้ เดี๋ยวนี้ขนาดนี้นะครับ ในขณะที่ฟังก์ชันที่เป็น introverted จะ โฟกัสไปที่อดีตหรือไม่ก็อนาคตมากกว่า [เพลง] เอาล่ะครับอันแรกที่จะพูดถึงก็คือ introver Feeling นะครับชื่อเล่นของ ฟังก์ชันนี้ก็มีทั้ง valuing แล้วก็ Authentic นะครับเดี๋ยวจะกลับมาว่าทำไม ถึงได้ชื่อเล่นแบบนี้นะฮะมันเป็นฟังก์ชัน ที่ใช้ตรวจสอบความรู้สึกตัวเองครับ introverted คือทุกอย่างที่อยู่ใน Skin banary ของเรานะครับเนื้อหนังมังสาของ เราแปลว่าเมื่อเราได้ข้อมูลมาแล้วเราอยาก จะม้วนกลับเข้าไปในตัวเองนะครับดำลึกเข้า ไปเพื่อค้นหาอะไรข้างในนะ มันคือการเอาข้อมูลไปเทียบกับมาตรวัดอะไร บางอย่างในตัวเราซึ่งสำหรับ introver Feeling เนี่ยมาตรวัดนั้นมันก็คือค่า นิยมอุดมการณ์ความเชื่อความถูกต้องนะครับ มันคือการเอาสิ่งที่เราเห็นสิ่งที่เรารับ รู้มาเนี่ยมาเทียบว่ามันตรงกับค่านิยมของ เราไหมนะครับมันตรงกับความเชื่อของเราไหม มันตรงกับ moral compass ของเราไหมนะ ครับฟังก์ชันนี้นะครับมันเป็นฟังก์ชันที่ ช่วยเรากรองว่าไอ้สิ่งเนี้ยเออมันตรงกับ อุดมคติของเรานะเรายอมรับนะครับหรือเฮ้ย สิ่งนี้มันขัดกับค่านิยมของเราเราจะไม่ ยอมรับนะครับเราจะไม่ทำมันมันเป็น ฟังก์ชันที่ทำให้เราตัดสินใจว่าคนนี้เป็น คนดีนะเราชอบหรือว่าคนนี้เป็นคนไม่ดีเลย สิ่งนี้มันไม่ตรงกับม่านวัดของเราเราเลย ไม่ชอบเราจะไม่ทำหรือ introver Feeling เนี่ยจะบอกเราว่าเฮ้ยสิ่งนี้มันบาปนะแม้ ไม่ได้ผิดกฎหมายแต่เราก็จะไม่ทำนะครับ ซึ่งอย่างที่เห็นนะครับมัน subjective มากใช่ไหมมาตรวัดของแต่ละคนเนี่ยมันไม่ เหมือนกันเลยมันไม่เท่ากันนะครับ เช่นความเชื่อเรื่องศาสนาบางเรื่องเนี่ย บางคนก็เคร่งบางคนก็ไม่เคร่งใช่ป่ะฟังดู แล้วนะฟังก์ชันนี้จะมีความเป็น Self Center มีความเห็นแก่ตัวความเอาตัวเอง เป็นศูนย์กลางจักรวาลค่อนข้างสูงนะครับ introver Feeling เนี่ยจะทำให้เรามี ความกล้าที่จะพูดสวนคนหมู่มากเช่นถ้า เพื่อนเราชวนเราไปทำอะไรที่แบบมันเราไม่ เห็นด้วยอ่ะมันไม่ถูกกับมาตรวัดของเรา เนี่ยเราก็จะมีความแบบฉันต้องพูดอะไรบาง อย่างออกมาคนที่ใช้ฟังก์ชันนี้เก่งๆนะ ครับจะเป๊ะมากในเรื่องม่านวัดของตัวเอง เนาะเป๊ะในตัวตนของตัวเองนะครับจนสามารถ แผ่ความเป็นตัวของตัวเองเนี่ยให้คนอื่น ได้เลยนะครับเช่นพวก Artist ทั้งหลายที่ มีความเป็นตัวของตัวเองสูงเนี่ยก็จะถ่าย ทอดสิ่งนั้นให้คนอื่นได้เลยใช่ป่ะ introver ถ้า Feeling เนี่ยจะทำให้เรา เจอนะครับเวลาเจออะไรที่ไม่ถูกใจนะเช่น แบบเฮ้ยงานที่แบบเราไม่ชอบเลยอ่ะจะเจอมาก ๆเลยนะครับฝืนทำมันไม่ได้เลยนะ กลับไปที่ร้านขายเสื้อนะครับคนที่ถนัด ฟังก์ชันนี้เนี่ยจะถามตัวเองว่าเฮ้ยชั้น ใส่ชุดนี้แล้วเรารู้สึกยังไงนะครับใส่ แล้วเรามั่นใจหรือเปล่านะครับใส่แล้วมัน คือสไตล์ของเราหรือเปล่าหรือว่าเอ๊ะชุด นี้มันไม่ใช่สไตล์ของเราแฮะนะครับเราก็จะ ไม่ใส่นะครับ กลับไปที่ชื่อเล่น valuing เนี่ยมันก็คือ เรากำลังตีค่าสิ่งต่างๆตามมาตรวัดของเรา ใช่ป่ะ สิ่งนี้มันสำคัญกับเรามากน้อยแค่ไหนนะ ครับถ้าสำคัญเราก็จะทำถ้าไม่สำคัญเราก็ขอ บายนะครับ ส่วนชื่อเล่น authenticity เนี่ยก็คล้ายๆ กันนะครับก็คือมองว่าสิ่งนี้มันตรงกับเรา ไหมนะครับตรงกับตัวตนตรงกับความรู้สึกของ เราไหมนะครับมันออเทนติกหรือเปล่านะครับ ซึ่งเรายังสามารถเอา intervertis Feeling เนี่ยไปทดสอบความออเทนติกของคนอื่นด้วยนะ ครับเช่นเราจะมีความรู้สึกว่าคนนี้กำลัง Fake อยู่เสริมอีกนิดนึงนะครับในบรรดา juching function ทั้งหมดเนี่ยโลกให้ reward กับ introvertest Feeling น้อย ที่สุดเลยนะครับมันเป็นฟังก์ชันที่น่า น้อยใจมากนะครับ ตัวที่ใช้ inflower Feeling เป็น dominance function ก็จะมีทั้ง infp แล้วก็ issp นะครับเห็นไหมว่า 2 ตัวนี้ เนี่ยจะมีความเป็น Artist ที่สูงมากเลยนะ ครับดึงเอาอารมณ์ของตัวเองออกมาถ่ายทอด ให้คนดูได้นะครับ อีก 2 ตัวที่ใช้ interverling แต่ว่าใน ตำแหน่งรองลงมานะครับก็คือ enfp แล้วก็ esfp นะครับ นักแสดงจิตรกรก็จะอยู่ใน 4 คนเยอะ [เพลง] ฟังก์ชั่นต่อไปนะ exploverteding นะครับชื่อเล่นของมันก็ คือ connecting หรือว่า Harmony นะ คือการออกนอก Skin ballary ของเราไปสู่ โลกภายนอกนะครับมันคือการออกไปสำรวจความ รู้สึกของคนอื่นคนรอบข้างเราแล้วตัดสินใจ ว่าเราอยากจะ Connect กับคนเหล่านี้ไหม มันทำให้เราอยากจะ Connect กับคนอื่นนะ ครับเพื่อที่จะได้สำรวจความรู้สึกเขาเนอะ การ Connect นี้นะครับโดยธรรมชาติก็จะมา ในรูปแบบของแบบ Positive อ่ะมันคือการ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่การมีมิตรไมตรีต่อกัน นะครับการอยากจะทำสิ่งดีๆให้คนอื่นเรา อยากจะไปเทคแคร์เขาอ่ะฟังก์ชันนี้แหละนะ ครับที่ทำให้เราเป็นคนสุภาพมีน้ำจิตน้ำใจ ไม่ทำร้ายจิตใจคนอื่น มันเป็นการอยากจะสานสัมพันธ์กับผู้อื่น อยากให้เขาเปิดใจสื่อสารกับเราเราจะได้ รู้ว่าจริงๆแล้วเขารู้สึกยังไงนะครับ ก็เลยเป็นที่มาของชื่อเล่น connecting นะ ครับเราอยากจะ Connect กับคนอื่นนั่นแหละ นะส่วน Harmony นะครับมันก็คือการสร้าง ความถ้อยทีถ้อยอาศัยซึ่งกันและกันเนาะ คนที่ใช้ฟังก์ชันนี้เก่งๆเนี่ยจะสามารถ สร้างเซฟโซนนะครับคือมี Energy ที่ชักชวน ให้คนเนี่ยเข้ามาเป็นเพื่อนกับเราเข้ามา ปรึกษาเราเข้ามาเปิดอกเปิดใจกับเรานะครับ เปรียบเสมือนเสารับสัญญาณเนาะรับความรู้ สึกจากคนอื่นเข้ามานะครับส่วน introverted Feeling เนี่ยเปรียบเสมือนเสากระจาย สัญญาณนะครับกระจายความเป็นตัวตนของเรา ให้คนอื่นได้รับรู้เนาะ เวลาที่เจอคนที่แบบทำอะไรขัดกาลเทศะนะ ครับเช่นไปงานแต่งงานแต่ว่าแต่งตัวเกิน เจ้าบ่าวเจ้าสาวเนี่ย Feeling จะคิดว่าเฮ้ยแต่งตัวแบบนี้ได้ ยังไงไม่เห็นใจเจ้าของงานเลยหรอนี่มัน เป็นวันสำคัญของเขานะ หรือเวลาเจอคนแซงคิวนะครับจะคิดว่าแซงคิว ได้ยังไงไม่เห็นใจคนโดนแซงหรอ ในขณะที่ introver Feeling จะคิดว่ามา แซงฉันได้ยังไงถ้าเป็นฉันนะฉันไม่มีวัน แสนคนอื่นแน่นอนนะครับซึ่งเพื่อนๆจะ สังเกตได้ว่าฟิลลิ่งแล้วก็ interver เนี่ยมันไซซ์ Together เนาะ 2 ฟังก์ชัน เนี้ยทำงานร่วมกันแบบสอดคล้องกันมากเลยนะ ครับ กลับไปที่ร้านเสื้อนะครับคนที่ใช้ exterverse Feeling จะคิดว่าชุดนี้ถ้า เราใส่แล้วคนอื่นจะรู้สึกยังไง เราควรใส่ชุดนี้ไหมมันถูกต้องตามกาลเทศะ ไหมนะครับ ถ้าใส่ชุดนี้แล้วมันทำให้คนอื่นอึดอัดฉัน ก็จะไม่ใส่ถ้าอินเทอร์เวิร์คถ้า Feeling คือการทำเพื่อตัวเอง exprover Feeling มันคือการทำเพื่อคนอื่นนะครับฟังก์ชันนี้ เนี่ยจะมีความแอบเจ้าชู้ด้วยนะเพราะมัน คือการสนองความต้องการของฝ่ายตรงข้ามใช่ ป่ะถ้ามีคนมา want เรานะครับ exyverse Feeling ก็อยากจะสนองให้เขาอ่ะก็คือข้าม introver Feeling ไปเลยมากวัดของฉัน เป็นอะไรไม่สนละฉันเอาความรู้สึกของคนที่ อยู่ตรงหน้าฉันเป็นหลักก่อน 2 ท้ายนะครับ ที่ใช้ฟิลลิ่งเป็น dominance ก็คือ ess J แล้วก็ esj นะครับซึ่งจะมีความแบบอยู่ไม่ สูงวิ่ง Self คนอื่นตลอดเวลานะ อีก 2 ตัวที่ใช้นะครับในตำแหน่งรองลงมาก็ คือ ISS แล้วก็ I N fj นะครับ 4 ตัวนี้ นะครับก็จะมีความโอบอ้อมอารีเมตตาอย่าง เห็นได้ชัดเลยนะครับเจ้า explorer Feeling เนี่ยมันคือความเกรงใจผู้อื่น ถ้าเพื่อนๆอยู่ในสถานการณ์ที่อยากจะพูด แต่ก็ไม่รู้จะพูดดีไหมกลัวจะกระทบคนอื่น นะครับนั่นคือ inflower ถ้า Feeling กับ experver ถ้า Feeling กำลังสู้กันอยู่นะ ครับถ้าเราแบบรวมความกล้าแล้วพูดออกไปเลย นะครับนั่นก็คือ interest Feeling ชนะ แต่ถ้าเก็บไว้ไม่พูดนะครับก็คือ expert Feeling ชนะนะครับ สังเกตว่า interverted เข้ามาโฟกัสที่ตัวเองนะครับในขณะที่ experver เราจะออกไปโฟกัสสิ่งหรือว่าคน ภายนอกเนาะเอาล่ะครับถึงจุดนี้นะครับอย่า ลืมกดไลค์กดแชร์กด Subscribe ด้วยนะครับ แล้วถ้าเกิดมี comment อะไรก็เชิญได้ที่ comment section ด้านล่างเลยนะ มาถึง introver Thinking นะมีชื่อเล่น ว่า analyzing หรือว่า accuracy นะครับ introvert ก็คือ vlog เข้ามาในเนื้อหนัง มังสาของเราในสกินบาวนารีของเรานะครับได้ ข้อมูลมาแล้วเราก็จะวกเอาข้อมูลกลับเข้า มาคิดนะครับมาตรวจสอบว่ามันถูกต้องไหม มันก็เหมือนกับ infrover Feeling ที่เอา ข้อมูลเนี่ยมาเทียบกับมาตรวัดของเรานะ ครับแต่มาตรวัดของ interverseing จะเป็น เรื่องของอุดมการณ์ค่านิยมนะครับ แต่มาตรวัดของ inverse Thinking เนี่ยจะ เป็น Principle หลักการทฤษฎีนะครับกฎ เกณฑ์ต่างๆนะครับมาตรวัดจะเป็นแบบ Network ขององค์ความรู้ต่างๆเช่นถ้าเราเชื่อว่า โลกนี้เนี่ยมีแรงโน้มถ่วงนะแล้วก็ถ้าให้ actress ก็คือที่ 9.8 meder per Second Square นะครับแล้วถ้ามีข้อมูล ใหม่เข้ามาเนี่ยเราก็จะเอามาเปรียบเทียบ กับกฎนี้แหละว่าเฮ้ยมันสอดคล้องกับกฎนี้ ไหมยังไง มันเป็นการจัดหมวดหมู่ให้ข้อมูลใหม่นะ ครับเหมือนกับสมองเราเป็นห้องสมุดแล้วมี หนังสือเล่มใหม่เข้ามาเราจะเอาไปวางที่ ชั้นไหนเราจะเอาไปวางระหว่างหนังสืออัน ไหนกับอันไหนนะครับหรือว่าหนังสือเล่มนี้ ไม่เหมาะที่จะอยู่ในห้องสมุดของเราเลย เพราะว่ามันไม่ถูกต้องการเอาข้อมูลเข้ามา วิเคราะห์มาแตกย่อยแล้วก็จัดหมวดหมู่แบบ นี้นะครับก็เพื่อเชื่อมโยงองค์ความรู้ใน หัวเราเพื่อสร้างฐานความรู้ให้เรานะครับ เราจะได้นำกลับมาใช้ได้ในอนาคตเพื่อแก้ ปัญหาที่มันซับซ้อนนะซึ่งมาตรวัดของ introvered Thinking เนี่ยก็จะเป็น objective นะครับมันเป็นแบบ Universal Tooth ที่แบบถ้าพูดขึ้นมาแล้วใครก็เถียง ไม่ได้ introver Thinking เนี่ยมันช่วยให้เรา มีความสามารถที่จะศึกษาอะไรเชิงลึกเวลา เจอข้อมูลเนี่ยมันทำให้เราอยากที่จะศึกษา เพิ่มเติมว่ามันเป็นยังไงก็เลยได้ชื่อ เล่นว่า analizing นะครับก็คือความสามารถ ในการวิเคราะห์สิ่งต่างๆ เราจะใช้ introver Thinking เยอะมากเลย นะเวลาเราเรียนภาษาต่างๆนะครับเพราะว่า ไวยากรณ์การสะกด Grammar ของภาษานั้นๆ เนี่ยมันมีกฎตายตัวนะคือถูกก็ถูกผิดก็ผิด ไปเลยนะครับแล้วเราต้องเอาให้ถูกใช่ป่ะ เราต้องพูดให้ถูกเนาะกลับไปที่ร้านเสื้อ นะครับ intervalor Thinking เนี่ยจะ วิเคราะห์ชุดนั้นตามหมวดหมู่ต่างๆนะครับ เช่นชุดนี้ผลิตจากประเทศไหนนะลงลึกเลย เห็นป่ะมันเป็นสไตล์อะไรมันเป็นฮิปฮอป หรือว่ามันเป็น Street หรือว่ามันเป็น คลาสสิคนะครับมันมีสีอะไรถ้าสีแดงตาม ทฤษฎีสีนี้ก็คือสีแห่งพลังถ้าเป็นสี น้ำเงินสีนี้ก็คือสื่อถึงความรักเชอร์รี่ ความแพงใช่ป่ะ Inter Thinking เนี่ยจะทำให้เราเจอเวลา เจอคนแชร์เฟซ News มานะครับ ก็เลยได้อีกชื่อเล่นหนึ่งก็คือ accuracy นะครับก็คือตรวจสอบว่าข้อมูลนั้นมัน accorate ไหมนะครับมันถูกต้องกับตรรกะ ของเราไหมคล้ายๆกับที่ introver Feeling ได้ชื่อเล่นว่า Authentic คือมันถูกกับ ความรู้สึกของเราไหมนะครับถ้า introver Feeling ทำให้เรา overdrive ความเกรงใจ ผู้อื่นเวลาที่เห็นคนอื่นทำสิ่งที่มันผิด ข้างนิยมของเรานะครับเราพูดสวนออกไปได้ เลยใช่ป่ะ inflower เนี่ย Thinking เขาจะ ทำให้เราอยากจะ correct คนอื่นนะครับเวลา ที่ข้อมูลเขามันผิด ซึ่งฝั่งของ Thinking เนี่ยก็จะไม่ค่อย ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของผู้อื่นอยู่ แล้วนะครับเพราะฉะนั้นก็ไม่ยากเลยที่จะ พูดสวนออกไปปั้งเลยนะคนที่ถนัด อินเทอร์เวิร์ดได้ Thinking นะครับจะ สามารถแตกทฤษฎีต่างๆแล้วเอามาผสมย่อยๆกัน ได้นะครับส่วนมากก็จะเป็นพวกศาสดาจารย์ professor นักวิทยาศาสตร์พวกครูนะครับ ท้ายที่มี introver Test Thing เป็น dominance ก็คือ i n t p แล้วก็ istp นะครับ พวกนี้เวลาเจออะไรก็จะศึกษาให้ลึกๆไปเลย นะครับ ส่วนตัวที่ใช้ introving เป็นฟังก์ชันรอง ก็คือ En TP แล้วก็ ES TP นะครับทั้ง 4 ตัว นี้เนี่ยจะมีความเป๊ะทางตรรกะนะครับตัว อย่างหนึ่งก็คือ raydario นะครับก็คือ เป็น intp เนอะใช้ introv Thinking เป็น หลักเขาคือคนที่เขียนหนังสือเรื่อง principles มันเป็นหนังสือเกี่ยวกับเขา ที่เอามาตรวัดซึ่งเป็น Principle ส่วนตัว เนี่ยหรือว่าหลักการเนี่ยนะครับมาใช้ ดำเนินชีวิตเนาะทุกอย่างในชีวิตเขาเนี่ย ต้องเป็นไปตามหลักการนี้เลยนะครับ [เพลง] เอาล่ะมาถึงฟังก์ชั่นสุดท้ายแล้วนะครับ นั่นก็คือ Extra vers Thinking ชื่อ เล่นก็คือ segmenting หรือว่าแอพพลิเคชัน C นะครับเมื่อกี้ infriver Thinking คือเอาข้อมูลเอาหลักการเราวกกลับเข้าไปใน ตัวเราในสกินของเราเพื่อที่จะวิเคราะห์ ให้ลึกใช่ป่ะ แต่ exerver ได้แต่จริงๆนะครับคือการเอา ข้อมูลเอาหลักการแล้วเอาออกไป Apply ใช้ กับนอกสกินบาวดารีก็คือเอาไปใช้กับโลกภาย นอกนั่นเองนะครับเพื่อให้โลกภายนอกเนี่ย มันมีระเบียบมันมีประสิทธิภาพเนาะ เคยเห็นไหมครับเวลาคนนั่งบนโต๊ะแล้วแบบ เห็นของที่แบบกระจัดกระจายวางอยู่บนโต๊ะ แล้วต้องจัดให้มันองศาเท่ากันให้มันห่าง เท่ากันน่ะเช่นมีแบบโทรศัพท์ปากกากระเป๋า ตังค์สมุดโน๊ตเนี่ยโอ้โหต้องปรับให้แบบ มันเท่ากันเนี่ยอันนี้แหละนะครับคือ extraver The Thinking นะครับหรือเวลา ที่เราจัดห้องนะครับจัดบ้านให้เป็น ระเบียบนี่แหละเรากำลังใช้ explorer ได้ Thinking อยู่นะครับก็เลยได้ชื่อว่า segmenting เนาะ อยากจะแยกย่อยแล้วก็จัดการสิ่งต่างๆให้ เป็นระเบียบนะครับไม่ว่าจะเป็นสิ่งของ หรือว่างานต่างๆเนอะเช่นถ้าได้งานชิ้น ใหญ่มาก็สามารถที่จะย่อยนะครับแล้วก็ เรียงลำดับงานได้นะครับ explorer แต่จริงๆเนี่ยมันจะมาในรูปแบบ ของการ manage จัดการทรัพยากรต่างๆการวาง แผน Project planning นะครับกำหนดวัน เวลาแล้วเสร็จวัดผลทั้งหมดนี้ก็เพื่อจะ ผลิตแล้วก็ให้ได้มาซึ่งประสิทธิภาพนั่น เองก็เลยได้ชื่อเล่นอีกชื่อว่า efficiency นะครับ คนที่ถนัด explorer Thinking เนี่ยจะมี Microsoft Excel เป็นปัจจัย 4 เลยนะ ครับคือขาดไม่ได้เลยเพราะว่ามันเป็น เครื่องมือที่ทำให้เราจัดการสิ่งต่างๆได้ ง่ายขึ้นใช่ป่ะ ยิ่งถ้าเพื่อนๆใช้ Microsoft Project เป็นด้วยเนี่ยนี่ก็ยิ่งชัวร์เลยนะครับ explorer ได้แต่ Thinking นี้มาเต็มเลย นะ ฟังก์ชันนี้นะครับยังมาในรูปแบบของการทำ ตามขั้นตอนต่างๆนะครับเช่นทำอาหารตามสูตร เราก็ต้องทำตามสูตรไปเลยใช่ป่ะหรือถ้ามี ระบบอยู่เราต้องทำตามระบบนี้นะครับ explorer Thinking ขั้นสุดจะมาในรูปแบบ ของการบริหารคนและทรัพยากรนะครับให้ทำงาน สอดคล้องกันเพื่อการผลิตเนาะแล้วก็จะมอง ทุกอย่างเนี่ยเป็นทรัพยากรหมดเลยนะครับคน ที่ใช้ Extra Thinking จะสามารถอธิบาย การตัดสินใจของตัวเองได้เป็นเหตุเป็นผล เลยนะเป็นตัวเลขเลยครับ ให้ความสำคัญกับผลลัพธ์มากๆนะครับจะคิด ถึงประสิทธิภาพเสมอ ทำแต่ละอย่างเนี่ยก็จะคิดถึง roi ตลอด เวลาเลยนะครับจะคิดว่าเฮ้ยมันคุ้มค่าหรือ เปล่าเนี่ยที่จะทำ ภรรยาพี่ภูมิสมัยสาวๆเนี่ยก็ชอบออกไป เที่ยวดึกๆใช่ป่ะตี 1 ตี 2 นะก็เสร็จปั๊บ อยากจะให้คุณมารับแต่บางที่บูมเนี่ยดัน อยู่ไกลมากเลยนะครับต้องขึ้นทางด่วนด้วย แล้วบ้านพี่ภูมิกับภรรยาก็ไกลกันด้วยนะ ครับก็ยิ่งไปกันใหญ่เลยแล้วพี่ภูมิใช้ Excel World เนี่ย Thinking เนี่ยก็เลย ตัดสินใจว่าเออให้ภรรยาลองติดรถเพื่อน กลับดูดีไหมนะครับประมาณว่าถ้ารู้ว่าจะ เที่ยวดึกขนาดนี้ก็ควรจะวางแผนจัดการตัว เองล่วงหน้าสิจะได้ไม่มาเปลืองทรัพยากรคน อื่นนะครับ แน่นอนนะครับว่าถ้าเป็นคนที่ใช้ exterverse Feeling เนี่ยยังไงก็ไปรับ ชัวร์ๆนะ exceler Thinking เนี่ยจะทำให้เราเจอ มากนะครับเวลาเจออะไรที่แบบไม่มี ประสิทธิภาพอ่ะเช่นเข้าร้านอาหารแล้ว พนักงานเล่นมือถือแทนที่จะมาช่วยบริการ ลูกค้ากลับมาที่ร้านเสื้อนะครับ exceler Thinking จะอยากจัดเสื้อให้มันเรียงตาม สีตามไซส์หรือว่าคิดถึงผลลัพธ์ก็คือ resource ของการใส่ชุดนี้เช่นชุดนี้มัน เบาสบายนะเออถ้าใส่เนี่ยก็คงแบบสบายไป ทั้งวันเลยนะครับหรือว่าชุดนี้มันหนักนะ ถ้าเราใส่แล้วเราต้องยืนตากแดดร้อนๆเนี่ย คงไม่ไหวเมื่อกี้บอกว่า interverteding เป็นฟังก์ชันที่โลกให้ reward น้อยที่สุดนะในทางกลับกันนะครับ expert Thinking จะเป็นฟังก์ชั่นที่โลก ให้ reward มากที่สุดเพราะมันสามารถผลิต อะไรขึ้นมาเป็นชิ้นเป็นอันได้เลยนะครับ ท้ายที่ถนัดใช้ Thinking ก็คือ e n TJ แล้วก็ espj นะครับสุดยอดนักบริหารจัดการ ทั้งคู่เลยนะครับซึ่งแน่นอนนะครับทั้ง 2 ตัวนี้เป็นนักจัดการเนาะส่วนคนที่ใช้ ฟังก์ชันนี้เป็นตัวรองก็คือ intj แล้วก็ istj ซึ่งก็เป็นนักตามแผนทั้งคู่นะครับ ทั้ง 4 ตัวนี้ก็จะออกแนวแบบนักจัดการนัก บริหารทั้งหมดเลยนะ ซึ่ง extrower Thinking กับ introveded มันจะมีความผูกติดกันอยู่มากเลยนะครับแทบ จะแยกไม่ออกเลยเพื่อนๆไม่ต้องพยายามไปแยก มันนะครับให้มองมันรวมไปเลยง่ายกว่านะ อย่างพี่ภูมิเนี่ยเคยพยายามแยกความสามารถ ของ imtj ซึ่งใช้ Extra ด้วย Thinking กับ intp ซึ่งใช้ introved Thinking เนี่ยมันแยกไม่ออกครับพี่ภูมิทั้งรู้สึก ว่าตัวเองก็เป็น Excel God นะสามารถจัด การบริหารอะไรต่างๆได้แล้วก็มีความสามารถ ที่จะศึกษาอะไรแบบลึกสุดๆไปเลยได้เหมือน กันนะครับดังนั้นนะครับจาก Stand Point ว่าตัวเองถนัด extroved หรือว่า interverted มันไม่ตอบโจทย์อ่ะมันไม่ สามารถบอกได้ว่าเราเป็น ingjay หรือว่า i n t p นะครับ แต่อย่างที่บอกสิ่งที่ทำให้พี่ภูมิรู้ ชั่วๆก็คือ Intro Works intrusion มี ฟังก์ชันนี้เป็น domination ชัวร์ๆเนาะ เอาล่ะครับจบกันไปแล้วกับ justing ฟังก์ชันนะครับคลิปหน้าเราจะมาคุยกัน เรื่องของ cocknitive stack กันแล้วนะ แล้วเจอกันนะครับบ๊ายบาย