Transcript for:
ความสัมพันธ์ทางเพศในมนุษย์และสัตว์

ทำไมสัตว์อื่นจะมีผสมพันธ์เฉพาะช่วงตกไข่มีมนุษย์นี่แหละที่แปลกทำไมเราไม่แคร์ว่าจะเป็นช่วงไหนวิธีหนึ่งที่จะทำได้ที่จะสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้เรื่อย ๆคือการเอาอกเอาใจการที่จะคอยอยู่ดูแลเอาอาหารมาให้ คอยให้ความช่วยเหลือการสืบพันธ์หรือการมีเพศสัมพันธ์ไม่ใช่แค่เซ็กซ์ แต่เป็นเรื่องของการ Make Loveมนุษย์นี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่หมกมุ่นกับเรื่องเพศค่อนข้างมาก เมื่อเทียบกับสิ่งไม่ชื่ออื่นๆคือเรามีความต้องการทางเพศค่อนข้างตลอดเวลาสามารถมีได้ทุกวันของปี This is the Standard PodcastEye-opening for your earsทุกคนที่ฟังอยู่ตอนนี้ค่ะมีใครที่เลี้ยงสัตว์ที่บ้านบ้างไหมคะเคยสงสัยไหมคะว่าทำไมน้องหมาน้องแมวถึงมีช่วงฤดูผสมพันธ์แล้วก็มีช่วงที่ติดสัตว์ด้วย แต่ว่ากับมนุษย์ไม่มีช่วงผสมพันธ์ทำไมมนุษย์ถึงมีอิสระในการมีเพศสัมพันธ์ได้ตลอดเวลาวันนี้รายการฮิวเม่นสาตย์ จะพาทุกคนมาขายความลับเบื้องหลังวิวัฒนาการของมนุษย์นะคะ ว่าทำไมธรรมชาติถึงสร้างให้เรามีความแตกต่างแบบนี้ได้อยู่กับปลายฝนพัทรศุดาค่ะครับ แล้วก็ผมหมอเอลนะครับนายแพทย์ชัชโภน เกษฐรทาดานะครับEpisode ที่แล้วค่ะ พี่หมอเอลเราพูดคุยกันถึงเรื่อง Mate Selection นะคะซึ่งก็คุยกันถึงเรื่องลักษณะกายภาพภายนอกความเซ็กซี่ต่าง ๆรวมถึงพฤติกรรมที่เรายีบยกมาพูดคุยกันก็คือความร่ำรวยก็สามารถย้อนไปฟังกันได้นะคะแต่ว่าวันนี้ค่ะ เราจะมาคุยถึงการเลือกคู่แต่ว่าจะเจาะไปที่มุมมองของ ของการผสมพันธุ์ของสัตว์และก็มนุษย์เอาเริ่มต้นอย่างนี้ก่อนค่ะว่าหลายๆคนน่าจะสงสัยว่ามนุษย์ทำไมไม่มีช่วงฤดูผสมพันธุ์หรือช่วงติดสัตว์อะไรประมาณนี้ค่ะคือใช้คำยังไงได้บ้างหรือคะจริงๆดีเลยค่ะตรงนี้เพราะว่ามันมีสองคำที่คนใช้ซับสนกันซึ่งมันคนละอย่างกันคำว่าฤดูผสมพันธุ์กับคำว่าติดสัตว์ซึ่งอันนี้ก็จะจริงๆก็ส่วนตัวเคยเห็นหลายครั้งมีคนถามหลายครั้งแล้วก็ใช้คำสับสนับกันไปมาก็อย่างนี้ ฤดูผสมพันธุ์ก่อน ฤดูปผสมพันธ์นี้ก็คือ มันจะพูดถึงสัตว์ว่ามันจะมีสัตว์บางชนิดในธรรมชาติที่จะผสมพันธ์แค่เฉพาะบางเดือนเท่านั้นของปีค่ะเช่น ส่วนอันนี้จะเป็นสัตว์ที่อยู่ในภูมิอากาศค่อนข้างหนาว สมมุติถ้าสมมุติว่าผสมพันธ์ตอนช่วงฤดูใบไม้ร่วงลูกจะไปคลอดตอนหน้าหนาวซึ่งตอนหน้าหนาวมันจะไม่ค่อยมีอาหารค่ะนึกภาพแบบป่าที่มีแต่หิมะขาวโพลนโอกาสที่ลูก ลูกจะรอดเติบโตไปและสามารถทรงต่อพฤตุกรรมมันจะน้อยเพราะฉะนั้นจะมีกลไกในธรรมชาติของร่างกายของสัตว์ที่ทำให้สัตว์มีความต้องการที่จะผสมพันธ์เฉพาะช่วงที่ทำให้ลูกเกิดมาในช่วงที่อาหารอุดมสมบูรณ์ก็คือ รูดูใบไม้ผลิอันนี้คือ รูดูผสมพันธ์แต่การติดสัตว์จะต่างกันการติดสัตว์จะคล้าย กับพวกหมาที่เราคุ้นเคยกันการติดสัตว์จะเป็นลักษณะที่สามารถผสมพันธ์ได้ทุกเดือนเพียงแต่ว่าในแต่ละเดือน จะมีแค่ช่วงไม่กี่วันที่ ที่ตัวผู้ ตัวเมียจะหันมาสนใจกันแล้วผสมพันธ์ก็คือเป็นช่วงตกไข่ถ้าไม่ใช่ช่วงตกไข่ก็จะไม่สนใจกันก็คือต่างคนต่างอยู่ ต่างคนต่างย่างแยกอาหารกันตกไข่ค่อยหันหน้าเข้าหากันแล้วมนุษย์นี่คือจะอยู่ในประเภทไหนคะพี่คงไม่ต้องตอบ มนุษย์นี่เป็นสิ่งมีชีวิตที่หมกบุญกับเรื่องเพศค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับสิ่งมีชีวิตอื่นๆคือเรามีความต้องการทางเพศค่อนข้างตลอดเวลาสามารถมีได้ทุกวันของปีแล้วทำไมสัตว์... สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมถึงมีฤดูผสมพันตลอดโอเค คำถามนี้คือคำถามว่าทำไมสัตว์อื่นๆ ถึงไม่มีความต้องการทางเพศตลอดเวลาเหมือนมนุษย์มันมีประโยชน์อะไรในธรรมชาติในแง่วิวัฒนาการคำตอบจริงๆ มันง่ายมากเลย มันสั้นๆ ลงไปตรงมาเพราะว่าการที่คุณผสมพันเฉพาะช่วงที่ไข่ตกมนต์หวังผลได้มากแล้วเรากำลังพูดถึงทฤษฎีวิวัฒนาการก็คือว่าพฤติกรรมอะไรก็ตามที่ทำให้เกิดการส่งต่อพฤติกรรม อัตรีการนั้นจะถูกคัดเลือกมาถึงสิ่งที่ทั่วไปถ้าไปผสมพันธ์ช่วงที่ไม่ตกไข่มันก็คือเหมือนกับเสียแรงเปล่าเสียแรงลงทุนไม่ได้อะไรเลยในธรรมชาติจริงๆพวกนี้มันต้องมองว่าเป็น Cost เป็นการลงทุนก็คือเสียแรง เสียเวลาแล้วก็เหมือนที่คุยกันในพิสดิ์ที่แล้วมันมีเรื่องของมันมีความเสี่ยงด้วยนะ เช่นเสี่ยงที่จะโดนผู้ล่าระหว่างนั้นเสี่ยงโรคติดเชื้อจากเพศสัมพันธ์ จากการผสมพันธ์ก็เป็นไปได้ดังนั้นจะดีกว่าถ้า มันก็จะมีความต้องการประสงค์พันธ์เฉพาะช่วงที่ตกไข่นี่คือเหตุผลว่าทำไมสัตว์อื่นถึงประสงค์พันธ์เฉพาะช่วงตกไข่มีมนุษย์นี่แหละที่แปลกทำไมเราไม่แคร์ว่าจะเป็นช่วงไหนจริงๆมันมีสัตว์ที่ไม่มีภาวะติดสัตว์ชัดเจนนะเอาอย่างเช่นตัวอย่างแมวแมวสิงโตไม่มีช่วงติดสัตว์แต่ว่ายังไงก็แล้วแต่การผสมพันธ์ของมันมันจะมีกระบวนการที่กระตุ้นให้ตัวเมีย ตกไข่ตกอยู่ดี เช่น จะเป็นเรื่องการขบ ขบที่คอสิงโตจะมีการกัดกัน สัตว์บางประเภทอย่างกระต่ายอย่างงี้การผสมพันธ์เนี่ย มันจะเป็นกระตุ้นให้มีการตกไข่เกิดขึ้นสุดท้ายเนี่ย การผสมพันธ์เนี่ย ก็จะเกิดขึ้นในช่วงที่ตกไข่อยู่ดี เพียงแต่ว่าจะไม่มีลักษณะเป็นติดสัตว์ที่วนตามรอบของฮอร์โมนแต่มนุษย์ไม่ คำถามคือทำไมคำตอบสั้นๆคำเดียวก็คือว่า เพราะมนุษย์เนี่ยผู้หญิงซ่อนการตกไข่ให้ผู้ชายรู้ว่า กลับไปที่สัตว์ก่อน สัตว์ในธรรมชาติเวลาที่ตัวเมียมีการตกไข่อาจจะเรียกว่าต้องการที่จะเผยแพร่ให้โลกรู้ด้วยซ้ำก็คือมันจะมีการเปลี่ยนแปลงของร่างกายหลายอย่างที่จะส่งออกไปแล้วบอกให้รู้ ให้ตัวผู้รู้ว่าฉันตกไข่แล้วนะตัวอย่างเช่น ลิง สายพันธุ์ต่าง ชิมพันธุ์ซีก้นมันจะบวมแล้วก็แดง ตัวผู้มองเห็นจากระยะไกลก็รู้แล้ว สัตว์บางชนิดที่ไม่ได้มีประสาทสัมภัยทั้งตาเด่นประสาทสัมภัยทั้งจมูกเด่น คือได้กลิ่นได้เด่นก็จะใช้กลิ่นในการบอก ใช้สิ่งที่เรียกว่า Feromone-เคยได้ยินไหม? เคยได้ยินก็คือเป็นเหมือนกับสารเคมีที่ลอยไปในอากาศแล้วก็ตุ้นให้ตัวผู้มีความต้องการทางเพศในสุนัขก็จะเห็นว่าตัวผู้จะมาดมแถวก้นแถวเอวเพศของตัวมีแล้วมาเช็คสร้างรู้ได้หลายชนิด ช่างกวาง ก็จะใช้วิธีการฉี่ออกมาฉี่แล้วก็จะมีฮอร์โมนออกมาตัวผู้ก็จะมาดมกลิ่นฉี่ก็จะรู้ว่า ตกไข่แล้วหรือสัตว์บางชนิดจะใช้วิธีการส่งเสียง ร้องเรียกส่งเสียงร้องเรียกตัวผู้ว่า โอ้ ฉันพร้อมแล้วนะ อะไรอย่างนี้ แต่มนุษย์ผู้หญิงจะปกปิดเอาไว้ก็คือไม่ได้แสดงออกอะไรเลยให้ผู้ชายรู้จริงๆมีการวิจัยทางวิทยาศาสตร์คนเพราะว่ามนุษย์มีความสามารถผู้ชายมีความสามารถที่จะ Detect กันตรงไขผู้หญิงอยู่แต่น้อยมากแล้วก็ไม่ค่อยแม่นมาก ตรงนี้พี่ขอเก็บไว้ก่อน ยังไม่ขอเล่านะมันเป็นอีกหัวข้อนึง ว่าถ้าคุยมันจะยืดยาวไปแต่ว่าประเด็นก็คือว่า โดยรวมถือว่าผู้หญิงซ่อนกันตกไข่ทำไมผู้ชายไม่รู้มันก็จะเกิดคำถามขึ้นมาว่า ผู้หญิงทำอย่างนั้นเพื่ออะไรกลไกในร่างกายของผู้หญิงแบบนี้ มันวิวัฒนาการมาเพื่ออะไรการซ่อนไข่มีประโยชน์อะไรเพราะอย่างที่คุยกันไป การซ่อนไข่ไม่น่าจะมีประโยชน์เพราะทำให้เกิดการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่นำมาสู่ผลใช่อีกคำตอบคืออย่างนี้ อีกคำตอบก็คือว่า เพราะการซ่อนกระตกไข่มันช่วยให้เกิดสิ่งที่เขาเรียกว่า การอยู่เป็นคู่ การ pair bondingตรงนี้ต้องใช้จิตตนการนิดหนึ่ง อย่างที่บอกเวลาเราคุยเรื่องพวกนี้เราต้องย้อนเวลากลับไปสมัยยุคหิน ว่าเรากำลังได้ถึง Homo sapiens เมื่อสองแสนปีที่แล้วคำตอบคือ ในสัตว์อื่นเวลาเห็น การผสมพันธ์มันจะมีลักษณะแบบนี้อันที่หนึ่งก็คือว่า พอถึงช่วงติดไข่ปุ๊บเข้ามาสนใจกันบางครั้งการผสมพันธ์เกิดขึ้นในสั้นมากด้วยเป็นไม่กี่วินาที หรือว่าเป็นนาทีอย่างมากก็เป็น มันก็เป็นนาที 5 นาทีก็เสร็จสำหรับมนุษย์ถ้ามันเร็วขนาดนั้นเร็วควิกกี้นะระดับวินาทีเราทำไม่ได้มันต้องใช้เวลาอันนี้ชี้ๆให้เห็นจุดที่น่าสนใจว่ามันต้องมีอะไรซ่อนอยู่และในสัตว์เนี่ยพอผ่านช่วงตกไข่ ผสมพันธ์กันซึ้งมันแยกกันไป ต่างคนต่างอยู่อาจจะไม่ได้แคร์กันมากต่อให้อยู่เป็นฝูงบางครั้งมันก็ไม่ได้อยู่ดูแลกันเหมือนมนุษย์แต่มนุษย์เนี่ยการซ่อนกันตกไข่ของผู้หญิงเนี่ยมันคืออย่างงี้ มันคือพอผู้หญิงเนี่ยซ่อนกันตกไข่เอาไว้ทำให้ผู้ชาย ผู้ชายไม่รู้ว่าการมีเพศสัมพันธ์ครั้งนี้ จะนำไปสู่การมีลูกหรือเปล่าค่ะคำถามคือ ถ้าต้องการที่จะให้แน่ใจว่า สามารถส่งตอบพันธุกรรมได้จริง ต้องทำยังไงคำตอบก็คือ ต้องมีเพศสัมพันธ์บ่อย ๆมันเหมือนอย่างนี้ มันเหมือนกัน สมมุติว่า ถ้าสมมุติเราลืมตาแล้วปลาเป้า หรือว่ายิงปืนเราก็สามารถเล็งให้แม่นยำได้ อันนี้คือการผสมพันธุ์ตอนตกไข่ ตอนรู้ว่าตกไข่แต่ถ้าเราโดนปิดตา เราเลยอยากยิงให้เข้าเป้า คำถามคือ ต้องยิงยังไงก็ต้อง ต้องยิงเรื่อยๆยิงให้เยอะที่สุดแล้วก็หวังฟลุกว่ามันจะเข้าทีนี้การที่ผู้ชาย มนุษย์เนี่ยจะมีเพศสัมพันธ์กับผู้หญิงได้บ่อยๆยกเห็นเนี่ยมันไม่ใช่ใช้กำลังมนุษย์เนี่ยไม่ได้ใช้กำลังมานานแล้วเพราะว่าส่วนหนึ่งก็คือต้องยอมรับว่าการใช้กำลังไม่สามารถวิธีการที่ยั่งยืนวิธีหนึ่งที่จะทำได้ที่จะสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้เรื่อยๆคือการเอาอกเอาใจการที่จะคอยอยู่ดูแลเอาอาหารมาให้คอยให้ความช่วยเหลือเพราะฉะนั้นการตกไขผู้หญิงเนี่ยมันคือ ส่วนหนึ่งก็เป็นการสร้างสิ่งที่เขาเรียกว่า Pair bondingPair bondingถ้าคุณพิสูจน์แล้วว่าคุณคอยออกอาจัยฉันคุณ Nice กับฉัน คุณดีกับฉันฉันถึงยอมให้เกิดมีการมีเพศสัมพันธ์ขึ้นอย่างต่อเนื่องก็จะมีโอกาสที่จะนำไปสู่การมีลูกมากขึ้นทีนี้เมื่อมีลูกมากขึ้นปุ๊บคำถามคืออย่างนี้ จะรู้แม้ว่าลูกที่คลอดออกมาเป็นลูกเขาแน่นอนสิใช่ไหม ไม่มีทางรู้เพราะฉะนั้นวิธีการนี้เป็นวิธีการที่การซ่อนกันตกไข่จะเป็นการสร้างความสับสนให้กับผู้ชาย ไม่รู้ว่านี่ใช่ลูกของฉันหรือเปล่าค่ะดังนั้นเพื่อให้แน่ใจก็คือจะต้องอยู่ไปเรื่อยๆมีเพศสัมพันธ์หลายๆครั้งอย่างต่อเนื่องเกิด pair boardingแล้วเมื่อมีลูกตั้งท้องก็ไม่หนีไปไหนยังอยู่ดูต่อ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีคนอื่นเข้ามาฟังๆ อย่างนี้แล้วรู้สึกว่าการซ่อนการตกไข่ของผู้หญิงที่ไม่ให้ผู้ชายรู้เนี่ยมันนำมาซึ่งการที่ทำให้ผู้ชายอยู่กับผู้หญิงเป็นคู่ใช่ นี่คือสิ่งที่เรียกว่าแผ่นบอลถ้าเรามองในสังคมของชิมเป็นซีจะมีความต่างกันที่เที่ยวกับชิมเป็นซี ว่าชิมเป็นซีเป็นสิ่งมีชีวิตที่ใต้เคียงเรียกว่าเป็นยาสนิทของมนุษย์แล้วกันเราเชื่อว่ามีบรรพบุรุษร่วมกันเมื่อประมาณสัก 5 ล้านปีที่แล้วแล้วก็แยกสายกันมา 5-7 ล้านปี ปีที่แล้วเนอะ เอ่อ ชิมเป็นซีเนี่ยจะมีลักษณะสังคมแบบฟรีเซ็กซ์ ฟรีเซ็กซ์ ฟรีเซ็กซ์มากก็คือแบบว่ามีการสลับผู้ไปมาแบบ แบบ แบบเต็มที่อะไรประมาณอย่างเงี้ยเอ่อ ซึ่งมันจะเกิดความไม่แน่ใจว่าใครเนี่ยคือลูกที่แท้จริงค่ะ ดังนั้นชิมเป็นซีเนี่ยก็จะมีสังคมที่ต่างไปคือตัวผู้เนี่ยมีแนวโน้มที่จะเลี้ยงลูกให้กับลูกลิงตัวเมียที่เคยมีเพศสัมพันธ์ด้วยจริงเหรอคะ เอ่อ มันก็จะมีความคล้ายคล้ายกับว่าคือธรรมชาติของสัตว์ลูกลิ้นโรงพยาบาลอย่างหนึ่งก็คือตัวผู้เนี่ย ชอบฆ่าลูกที่แน่ใจว่าไม่ใช่ลูกของตัวเองค่ะแต่ความสับสมอันนี้ทำให้ชิมปันซีไม่ฆ่าลูกลิงตัวอื่นที่มันเคยมีผสมพันธ์ด้วยอืม น่าสนใจมากทีนี้ในมนุษย์จะเห็นว่าพอมันมีพวกนี้มันก็เลยทำให้เห็นว่าทำไมธรรมชาติของมนุษย์มีแนวโน้มที่จะชอบอยู่เป็นคู่เพราะผู้ชายที่อยู่เป็นคู่มีแนวโน้มที่จะส่งต่อพันธุกรรมได้มากกว่าอืมไปเรื่อยๆ เป็นกลยุทธ์ที่ดีกว่าแล้วก็มนุษย์ก็มีแนวโน้มที่จะช่วยเลี้ยงลูกอย่างที่ว่า เพราะเด็กทารกมีความเสี่ยงที่จะตายได้ง่าย ๆเพราะช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เพราะมนุษย์ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ เมื่อเทียบกับสัตว์ลึก ได้นมอื่นอืม น่าสนใจมากเพราะฉะนั้นคุยกันถึงตรงนี้ก็จะเห็นว่า การซ่อนไข่ของผู้หญิงนำมาสู่สิ่งที่เรียกว่า Pair Bondingที่เราคุยกันมาเมื่อกี้ ฉายให้เห็นถึงวิวัฒนาการ การผสมพันธ์ของมนุษย์เมื่อ 200 ปีที่แล้วใช่ไหมคะ ถ้าตัดกลับมาที่ปัจจุบัน สิ่งเหล่านี้มันหลงเหลืออะไรให้พวกเราศึกษาต่อได้บ้างคะอันนี้คำถามที่ดีมากเลย เพราะว่าอย่างที่พี่บอก มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่ซับซ้อนพฤติกรรมมนุษย์ซับซ้อน เราไม่ได้อธิบายด้วยสัญชาตยานแต่ที่เราคุยกันเรื่องของการเคลือกทางพัทธุกรรมหมายถึงว่าการเคลือกทางธรรมชาติการเคลือกทาง Sexual Selection เนี่ยเราให้เห็นส่วนที่เป็น Part ของสัญชาตยานมนุษย์แต่ขณะดูกันเราก็บอกว่าในแง่ของการทำงานของมนุษย์เนี่ยมันไม่ได้มีเรื่องสัญชาตยานอย่างเดียวมันมีเรื่องของสิ่งแวดล้อมกระเด็นรู้วัฒนธรรมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยในโลก 200 ปีที่แล้วเนี่ยสิ่งแวดล้อมตายจากยุคปัจจุบันในสิ่งแวดล้อมแบบนั้นเนี่ยมันไม่มีโรงพยาบาลไม่มีสวัสดิการสังคม ผู้หญิงไม่สามารถเลี้ยงลูกคนเดียวได้เพราะว่าทารกกว่าจะดูแลตัวเองได้ กว่าจะกินอาหารได้ กว่าจะเดินได้มันใช้เวลานาน ความเสี่ยงที่จะตายสูงมันทำให้มนุษย์มีสัญชัตยานเหล่านี้ มีพฤติกรรมเหล่านี้ขึ้นมามีเรื่องความเฮิง มีเรื่องอะไรต่าง ขึ้นมาแต่พอมายุคปัจจุบัน สิ่งแวดล้อมต่างไปทุกวันนี้สามารถ Single mom ได้ผู้หญิงสามารถเลี้ยงลูกตัวคนเดียวได้เพราะเรามีเครื่องมือเครื่องใช้ มีสังคมที่เราสร้างขึ้นมาสมัยโบราณก็จะมีเรื่องของอันตรายจากภัยธรรมชาติต่าง ๆเรื่องของเชื้อโรค เรากินน้ำจากลำทาน เรานอนในป่า มีงูมีอะไรเข้ามายุคปัจจุบันเรามีความปลอดภัยพวกนี้เรามียาวปฏิชวนะ เรากินน้ำที่ผ่านการฆ่าเชื้ออะไรต่าง ๆเพราะฉะนั้นสิ่งแวดล้อมมันต่างไปอย่างสิ้นเฉิงแต่เรายังมีสัญชาติยานเหล่านี้แต่ขณะดูกันสิ่งแวดล้อมมันก็เหมือนกับคลายอย่างที่บอกพฤติกรรมมนุษย์มันเป็นสเปคตรัมมันก็เลยทำให้ความส่วนที่เป็นสัญชาติยานมาถูกคลายลงอันนี้เราไม่ได้พูดถึงเรื่องของจริยธรรมเราก็ลองมองสภาพจริงในธรรมชาติในสังคมปัจจุบัน แล้วพยายามจะเข้าใจ เราจะเห็นว่าในวัฒนธรรมต่างๆ ในโลกมันมีความหลากหลายในแง่ของครอบครัวเนี่ยนะ มันมีทั้งในแง่ของสังคมที่คนชอบอยู่เป็นคู่ชายหนึ่ง หญิงหนึ่ง อยู่กันยาวๆ บางประเทศจะรู้สึกว่าตรงนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่มากสมัยก่อนเนี่ย การหย่าร้างเป็นเรื่องแบบ คอคาบตา จนสติกมากก็เป็นแม่ม่าย พ่อม่าย เป็นอะไรที่มันเป็นตราบาป แต่ปัจจุบันเนี่ยคนจะยอมรับมากขึ้นสังคมตะวันตกก็จะรู้สึกว่าพวกนี้เป็นเรื่องธรรมดามากขึ้น มันก็เป็นอะไรที่ธรรมดามากขึ้นทีนี้พอสิ่งแวดล้อมันเปลี่ยนมันคลายปัจจัยที่คอยกดดันที่เล่ามาเรื่องอันตรายต่างๆมันทำให้สัญชาตญานมีบทบาทน้อยลงและมนุษย์สามารถที่จะอันดูหรือเรียนรู้ต่างๆได้มากขึ้นแล้วก็ทดลองอันนี้จริงๆต้องบอกว่าถ้าเราดูในประวัติศาสตร์จริงๆถ้าเราย้อนดูในแง่ของวัฒนธรรมในประวัติศาสตร์จริงๆการอยู่เป็นคู่มันไม่เชิงเป็นหญิงหนึ่งชายหนึ่งนี้มาเสมอไปตลอดในอดีตเหรอคะในอดีตทั้งของ ถ้าเรามองในหลายวัฒนธรรมนี้นะมันจะมีการอยู่เป็นคู่ที่หลากหลายมากมีทั้งแบบอยู่เป็นคู่ 1 ต่อ 1แต่ว่าอยู่เป็นคู่ 1 ต่อ 1 มันจะมีคู่ที่หลากหลายมาก แค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้นเอง ประมาณ 4-5 ปีแล้วก็แยกกันไปไปหาคู่ใหม่ เขาเรียกซีเรียลมอนอกอมมี่อันนี้ก็เคยเป็นลักษณะแบบหนึ่งหรืออย่างปัจจุบันที่เรามองว่า กันต้องอยู่เป็นคู่ชายหนึ่ง หญิงหนึ่งแล้วก็ต่างงานแล้วอยู่กันยาวๆ ตลอดชีวิตเนี่ยอันนี้จริงๆ ก็ไม่ใช่วัฒนธรรมของไทย แต่ดั้งเดิมแต่เป็นวัฒนธรรมของ จริงๆ ก็มาจากของอังกฤษแหละ ของยุค Victorian ที่เรารับมาในช่วงต้น รัฐนาโกสินค่ะคืออย่างสมัยก่อนตอนเมืองไทยยังเคยกระทั่งมีช่วงดีเบตด้วยนะว่าเมืองไทยเราพร้อมจะรับวัฒนธรรมนี้หรือเปล่าเพราะตั้งแต่เดิมมามันมีความหลากหลายของผู้คนที่อาศัยอยู่ในภูมิภาคนี้ก็มีการจับคู่ที่หลากหลายมีทั้งแบบส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะชายหนึ่ง ผู้หญิงหลายคนอันนี้เราก็จะคุ้นเคยกันดีมีเมียน้อย มีอะไรคุ้นเคยกันดีสมัยก่อนแล้วก็วัฒนธรรม ที่ผู้หญิงคนหนึ่งมีสามีมากกว่าหนึ่งคนก็มี แต่เป็นวัฒนธรรมที่ส่วนเด็ดจะพบพบในพื้นที่ที่ค่อนข้างหากินยากเลี้ยงลูกยาก แล้วก็พบได้ทั่วโลกอันนี้ก็จะมีอย่างพวกชาวเขาบางครั้งบางเผาก็จะมีวัฒนธรรมแบบนี้ซึ่งมันคือความหลากหลายอย่างที่บอกว่าเราเข้าใจว่าแรงขับทางพันธุกรรมนี้คืออะไรแต่ขณะเดียวกันมันจะมีเสียงแวดล้อมเข้ามาเกี่ยวข้องที่ทำสร้างความหลากหลายของวัฒนธรรมต่าง แล้วรู้สึกว่าเราเห็นภาพใหญ่มากๆเลยค่ะของการเลือกคู่ของมนุษย์และการที่มันเป็นจุดตั้งต้นก็คือการผสมพันธ์ของสัตว์และมนุษย์เนอะเราเห็นความเป็นไปต่างๆเลยรู้สึกว่าจริงๆแล้วอะพอได้เห็นถึงสรรชาติตะยานแบบเนี้ยค่ะมันชวนไปนึกถึงว่าเรายอมรับมากขึ้นพอเราฟังถึงเรื่องเนี้ยเราแอบจะรู้สึกต่อต้านรู้สึกว่าไม่อยากฟังรู้สึกเขินอายแต่ว่าพอฟังพี่หมอเอ้วเล่าที่มาที่ป่ายก็รู้สึกในแง่ที่ว่าจริงๆแล้วอะ บางอย่างเราควบคุมไม่ได้ความต้องการ ความอยากไม่ใช่แค่เรื่องความต้องการทางเพศนะคะแต่ว่าความหิว หรือว่าความหงุดหงิด ความเครียดอะไรอย่างนี้มันก็ทำให้เรารู้สึกว่า เออ เราปล่อยวางได้เรารู้สึกว่ามันทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นแล้วเราก็เข้าใจตัวเองมากขึ้นด้วยผ่านการเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ใช่ พี่ชอบประเด็นหนึ่งของน้องปลายมากเลยที่พูดก็คือว่าอย่างตอนพี่เด็กๆโตขึ้นมาเนี่ยเราจะรู้สึกว่าเรามีกรอกวัตถามว่านี่คือสิ่งที่ถูกต้อง ที่ควรจะต้องเป็นแต่เมื่อเราเข้าใจชีววิทยามากขึ้นเข้าใจที่มาที่ไปของคำอธิบายต่างๆเราจะเริ่มเห็นภาพว่าจริงๆ คือถ้าเรามองในแง่ชีววิทยามันมีคำอธิบายต่างๆชีววิทยามันเหมือนมีรากและมีลำต้น จากนั้นมันก็จะแตกกิ้งก้านออกไปเป็นความหลากหลายซึ่งถ้าเราเอาชีววธยามาศึกษาร่วมกับวัฒนธรรมเราจะเข้าใจความหลากหลายของวัฒนธรรมมากขึ้นว่าจริงๆเมื่อเรามองลึกไปมันมีคำอธิบายแบบเดียวกันแต่ขณะเดียวกันความหลากหลายก็ยังเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่เหมือนเป็นการที่ค่อยๆผลิบานออกไปเป็นความหลากหลายของมนุษย์แต่ละวัฒนธรรมค่ะ เมื่อกี้พี่หมอเอ้ยวพูดว่าระยะเวลาในการผสมพันธุ์ของสัตว์กับมนุษย์เนี่ยมีระยะเวลาสั้นยาวอย่างไร อันนี้ช่วยเล่าให้ฟังเพิ่มได้ไหมคะดีเลยครับ คำถามนี้ดีมากเพราะพี่ก็เมื่อกี้พูดถึงเกริ่นไว้ แต่ยังไม่ได้อธิบายเพิ่มคือถ้าเรามองในแง่ฟังก์ชัน หน้าที่ของการผสมพันธ์จริง การแค่เอาแววเพศผู้เข้าไปในเพศเมียแล้วก็ยิงอสุจิออกไป แค่นั้นมันจบแล้วถูกป่ะ มันก็ได้ผลแล้ว แค่ไม่กี่วินาทีมันก็ควรจะเสร็จคำถามคือทำไมการเคลือกธรรมชาติ ไม่เลือกลักษณะแบบนั้นคือมันมีประสิทธิภาพมากกว่า ดีกว่า แต่ว่าเมื่อกี้เราคุยกันไปว่า หน้าที่ของการเพศสัมพันธ์และ Sexual Activity ของมนุษย์ มันไม่ใช่แค่การผสมพันธ์หรือสืบพันธ์ หรือส่งต่อพันธุกรรมเท่านั้นแต่มีหน้าที่ของ Pair Bonding การจับคู่ด้วยการสร้างความสัมพันธ์Pair Bonding ใช่ คือการสร้างความสัมพันธ์การทำความรู้จักกัน การผูกพันธุ์ทีนี้อันนี้มันทำให้อธิบายว่า ทำไมพฤติกรรมทางเพศของมนุษย์ต่างจากสัตว์อื่นคือมันจะต้องมีเรื่องของการ for play เรื่องของการเล่าโลมสมมุติเข้ามาในพันทิศถามเว็ดปอร์ตเนี่ยก็พวกชายโรแมนติกหรือว่าประสบการณ์ทางเพศที่ดีคืออะไรเนี่ยถ้าถามผู้ชาย ผู้ชายจะพูดถึงไปโฟกัสเรื่องบนเตียงถ้าถามผู้หญิงเนี่ย จุดเริ่มต้นเนี่ยมันจะเริ่มตั้งแต่ตอนหลายชั่วโมงก่อนหน้าที่จะขึ้นเตียง ถูกไหม เมื่อมาถึงกิจกรรมเข้าห้องนอนเสร็จแล้วเนี่ยก็จะต้องไปเริ่มทันที ต้องมีลักษณะของการที่เหมือนกันอาจจะเป็นการนวด เป็นเรื่องของการเอาอกเอาใจมีดนตรี มีกลิ่นหอมอะไรต่าง ๆคือพวกนี้คือการ For Play มันคือการผู้ชายแสดงถึงความว่าฉันเอาอกเอาใจ แล้วร่างกายของผู้หญิงเนี่ยในแง่ของการตอบสนองทางเพศของผู้ชายผู้หญิงก็จะต่างกันผู้ชายเนี่ยจะกระตุ้นได้ค่อนข้างง่ายกระตุ้นผ่านการเห็นได้ง่าย ก็ไม่ต้องเห็นภาพ แล้วก็สามารถกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้ผู้หญิงจะไม่มากเท่าสิ่งที่กระตุ้นอารมณ์ทางเพศ ผู้หญิงจะเป็นเรื่องของการที่เอาอกอใจอย่างที่ว่า เรื่องของการค่อยๆ เลาโลมค่อยๆ พูดจาเพราะๆ ชวนคุย เอาอกอใจต่างๆมันจะทำให้กระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้ดีกว่า ต้องใช้เวลามากกว่าซึ่งนึกภาพว่าในยุคที่ยังไม่มีอินเตอร์เน็ตยังไม่มีเรื่องของเพศศึกษายุคที่ยังเป็นมนุษย์ถ้ำการที่ต้องใช้เวลานานๆ มันคือการที่เป็นวิธีที่ผู้หญิงเลือกผู้ชาย ที่มีลักษณะที่พร้อมจะเอาใจถามว่าแบบนี้ดีไหมอะไรอย่างนี้ คอยให้เวลากับมันไม่ใช่ทำเสร็จปุ๊บ ยากย้ายกันไปไม่กี่วินาทีเพราะฉะนั้นก็จะเห็นว่าคืออย่างในสัตว์อื่นเป็นหลักวินาทีบางอย่าง 5-7 นาที สิงโต 5-7 นาทีแต่มนุษย์สามารถยื่นไปถึง 30 นาทีหรือเป็นชั่วโมง ถ้ามองช่วงดินเนอร์ช่วงอะไรเป็นพาร์ทหนึ่งของความสัมพันธ์ทางเพศอันนี้ก็คือให้เห็นว่าการสืบพันธ์หรือการมีเพศสัมพันธ์ไม่ใช่แค่เซ็กซ์ แต่เป็นเรื่องของการ Make Loveอ่า โอเค เห็นภาพค่ะ เข้าใจง่าย มันเลยทำให้เห็นภาพว่า มนุษย์เนี่ยกิจกรรมพวกนี้มันคือเรื่องของการสร้างความสัมพันธ์ ความผูกพันธ์ระยะยาวไม่ใช่แค่อยากจะมีลูกนะ แต่ฉันอยากจะ make love กับคุณซึ่งสัตว์ชนิดอื่นก็จะไม่มีแบบนี้นะครับก็คือคำอธิบายว่าทำไมกิจกรรมทางเพศของมนุษย์เนี่ยมันถึงได้มีได้เรื่อยๆมีได้ยาวยาว แล้วก็มนุษย์ถึงได้มกมุ่นกับเรื่องนี้ซึ่งปัจจุบันเวลาพูดถึงมกมุ่นทางเพศมันฟังดูทางลบถูกไหมแต่อันนี้เราจะเห็นเลยว่าถ้าเราเข้าใจที่มาที่ไปความมกมุ่นทางเพศเนี่ยของผู้ชายเนี่ยมันเกิดมาจากผู้หญิง เกิดจากผู้หญิงซ่อนไข่ผู้ชายจะโทรได้ว่า คุณซ่อนไข่ผมเลยเป็นแบบนี้หม่องมุ่นกับเรื่องทางเพศแล้วจะเห็นว่าการหม่องมุ่นทางเพศมันก็มีฟังก์ชันในแง่วิวัฒนาการที่ทำให้เกิดการแพร่บอนดิ้งของมนุษย์แบบที่เป็นทุกวันนี้โห น่าสนใจมากเลยค่ะพอเราคุยกันเรื่อง Ep. นี้ค่ะแบบมนุษย์ไม่มีฤดูผสมพันธ์อาจจะเป็นคำที่ค่อนข้างจะไปในเชิงรบนิดนึงเนอะแต่ว่าอยากรู้ในเรื่องอื่นๆบ้างเหมือนกันค่ะอย่างเช่นคำว่าอิจฉา การหึง อาการโกรธแค้นต่าง ๆสิ่งเหล่านี้ พฤติกรรมเหล่านี้ มันสามารถอธิบายในเชิงชีวะได้ไหมคะได้ ๆคืออย่างที่น้องปลายว่าเลยก็คือ ทุกวันนี้เราพูดถึงความอาฆาตความโกรธ ความหึง การนินทาต่างๆ มันฟังดูเป็นพฤติกรรมทางลบแต่ว่าขณะเดียวกันเนี่ย เราก็รู้ว่าพฤติกรรมเหล่านี้เป็นพฤติกรรมที่ไม่ต้องสอนเกิดขึ้นเอง เป็นสัญชาตญาณเราต้องสอนด้วยซ้ำว่า อย่าให้มีพวกนี้มากเกินไปมันสะท้อนว่ามันมาจากสัญชาตญาณ มาจากพันธุกรรมซึ่งถ้ามันถูกถ่ายทอดมาเนี่ย มันน่าจะมีประโยชน์บางอย่างกับอนุษย์ซึ่งเราก็สามารถเอาเรื่องพวกนี้มาคุยกันได้ว่าไอ้สิ่งที่เรามองว่าไม่ดีเหล่านี้ทำไมมันถึงเป็นสิ่งที่ดีและถูกคัดเลือกมาน่าสนใจมากค่ะ ถ้าผู้ฟังที่ฟังอยู่ตอนนี้สนใจนะคะก็สามารถเข้ามาพูดคุยและเปลี่ยนคอมเมนต์ได้ค่ะว่าอยากฟังเอพิโซดต่อไปเกี่ยวกับอะไรอย่าลืมติดตามพวกเรา รายการ HumanSartผ่าน The Standard Podcast ทุกช่องทางและ Podcast Player ในทุก แพลตฟอร์มนะคะวันนี้พวกเราสองคนขอลากันไปก่อนสวัสดีค่ะสวัสดีครับ This is the Standard PodcastEye Opening for your ears.