ความลับขององค์กรที่ยอดเยี่ยมกับองค์กรที่ธรรมดาในอพิโสดนี้ครับผมมีโอกาสได้อ่านหนังสือ Good to Great ของคุณ Jim Collins ครับผมต้องบอกก่อนว่าในเรื่องของการบริหารธุรกิจให้ประสบความสำเร็จหมดเรียนของการบริหารธุรกิจครับสามารถเอามาประยุกต์ใช้กับชีวิตได้ผมจึงให้ความสนใจกับหนังสือ Good to Great มากผมขอบอกคุณผู้ฟังก่อนเลยว่าหากคุณอยากจะมีความสำเร็จในการทำงานที่มากขึ้นโดยเฉพาะหากคุณเป็นนักธุรกิจหรือต้องการดันองค์กรให้ประสบความสำเร็จ นี่คือหนังสือที่ทุกท่านควรอ่านครับผมอาจจะบอกได้ว่านี่คือหนึ่งในนังสือที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในการบริหารองค์กรหรือธุรกิจให้ประสบความสำเร็จในเอพิโซดนี้ผมจะพาคุณผู้ฟังทุกท่านมาเรียนรู้กับหนังสือ Good to Great จากกันครับ สวัสดีคุณผู้ฟังกันอีกครั้งนะครับผมยินดีต้อนรับเข้าสู่ The Library Podcast กันอีกเช่นเคยครับใน Ep. นี้ครับGood to Great องค์กรที่ยอดเยี่ยมกับองค์กรที่ธรรมดานี่คือจุดแบ่งแยกความสำเร็จและความล้มเหลวผมมีโอกาสได้อ่านหนังสือเรื่องนี้และต้องบอกก่อนว่า คุณผู้ฟังหลายท่านอาจจะเคยได้ยินชื่อหนังสือเล่มนี้มาแล้ว แต่บางท่านอาจจะยังไม่ได้อ่านเพราะว่าบ้านเรายังไม่ได้เอามาแปล แต่ไม่เป็นไรครับ ในอันดับนี้ผมเอามาแปลและถอดบทเรียนให้คุณผู้ฟังเลยในการบริหารธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ ในการประสบความสำเร็จในมิติของการทำงานผมว่านังสือเล่มนี้ตอบโจทย์มาก มาดูกันว่านังสือเล่มนี้มีอะไรพิเศษและทำไมผมถึงให้ความสนใจเรามาดูกันว่าเหตุผลอะไร นังสือ Good to Great ถึงถูกพูดถึงมากที่สุดในการบริหารธุรกิจให้ประสบความสำเร็จนังสือเล่มนี้ขายดีระดับโลกครับ และผม ผมเชื่อว่าจะถูกพูดถึงไปอีกนานเนื้อหาสำคัญของหนังสือ Good to Great ก็คือสิ่งที่องค์กรต้องทำเพื่อให้บริษัทประสบความสำเร็จในระยะยาวและกลายเป็นบริษัทที่ยอดเยี่ยมนั้นมันมี Pattern อะไรจุดหนึ่งที่ผมสนใจกับหนังสือเล่นนี้ก็คือคุณ Jim Collins กับทีมวิจัยของเขาพยายามหา Pattern ขององค์กรที่ประสบความสำเร็จครับดังนั้นบทเรียนของหนังสือเล่นนี้ไม่ใช่ข้อคิดเห็นไม่ใช่เพียงแค่ Opinion แต่เป็น Factหรือเป็นข้อเท็จจริงที่เขาทำการวิจัยเป็นระยะเวลา นานครับ ซึ่งหลังจากที่ทีมวิจัยครับ ได้พยายามหา ขององค์กรที่ประสบความสำเร็จเขาได้ค้นพบเพียงแค่สิบเอ็ดองค์กรเท่านั้นครับ เป็นองค์กรที่สามารถยืนหยัดผ่านร้อนผ่านหนาวเป็นระยะเวลาสามสิบปี นี่จะเป็นบริษัทที่อยู่ในกลุ่มของ great company ครับเดี๋ยวผมจะอธิบายให้ฟังว่ามีบริษัทอะไรบ้าง กับบริษัทอื่นอื่นเป็นเพียงแค่company เป็นองค์กรที่อาจจะดีหรืออาจจะไม่ดีเลย แต่องค์กรที่ยอดเยี่ยมเขาคัดมาได้เพียงแค่สิบเอ็ดและสิ่งที่มันน่าสนใจก็คือ 11 องค์กรที่เป็น Great Company มี Pattern คล้ายๆ กันครับเขาให้ความสำคัญกับ Factor บางอย่างผมจะยกภาพให้คุณผู้ฟังดูนะครับในภาพคือบริษัทในสหรัฐอเมริกาที่ผ่านเกณฑ์ในการเป็น Great Companyต้องบอกก่อนว่าเขานำมาจากบริษัทใน USA เท่านั้นนะครับแต่สามารถเอาไปประยุกต์ได้กับทุกทวีปในโลกที่ทำธุรกิจส่วนใหญ่จะเป็นบริษัทอุตสาหกรรมการค้าขายและการผลิตสินค้าส่วนบริษัทด้านเทคโนโลยี คุณผู้ฟังอาจจะสงสัยว่าอ้าวแล้ว Apple Samsung นี้ไม่มีเหรอ ด้านเทคโนโลยีครับ ยังมีระยะเวลา หรือยังยืนระยะได้ไม่นานพอที่จะอยู่ในกลุ่มของ Great Company ครับในการบริหารบริษัทเทคโนโลยี อาจจะมีความเป็น Great Company ก็ได้แต่เวลายังไม่นานพอ เขาจะต้องได้รับการพิสูจน์มากกว่านี้จึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมทั้ง 11 บริษัทที่อยู่ในกลุ่ม Great Companyจะมี Abbott, Circus Tea, Fannie Mae, GilletteGillette นี่อาจจะชื่อคุ้นหน่อยก็เป็นที่โกนหนวดKimberly Clark, Kimberly Clark ก็เป็นธุรกิจทำเกี่ยวกับกระดาษKroger เป็น... ซูเปอร์มาร์เกตครับ นิวคอร์ ฟิลิปโมริส พิธี โบเวส วอลกรีน แล้วก็เวลแฟคโคลครับทั้ง 11 บริษัทนี้คือบริษัทที่อยู่ในกลุ่มบริษัทที่ยอดเยี่ยมครับผ่านร้อนผ่านหนาว มีการบริหารที่เป็นระบบ มีวงล้อของความสำเร็จผมอาจจะบอกได้ว่าทั้ง 11 บริษัทที่คุณผู้ฟังได้เห็นไปคือบริษัทที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็น Great Company ที่ดีที่สุดเท่าที่โลกมีมาและสิ่งที่น่าสนใจก็คือเขาได้เอาบริษัทที่อยู่ในกลุ่มที่เป็น Good Company เป็นบริษัทที่อาจจะ อาจจะดีระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ได้อยู่ในกลุ่มที่ยอดเยี่ยมเขาลองเอามาเปรียบเทียบกับกลุ่มที่เป็น Great Company ครับเขาค้นพบว่ามันมีความแตกต่างกันนิดเดียวเองนิดเดียวจริงๆครับหรือบางทีเขามีองค์ประกอบคล้ายๆ หรือเหมือนกันเลยแต่บริษัทที่เป็น Good Company ยังขาด Factor บางอย่างอยู่ที่ทำให้เขาไม่สามารถเข้าไปอยู่ในกลุ่ม Great Company ได้ในตรงนี้ผมจะไม่ได้เอา Good Company ให้คุณผู้ฟังดูนะครับผมอยากให้คุณผู้ฟังโฟกัสที่กลุ่มบริษัทที่เป็น Great Companyมีทั้ง 11 บริษัทนี้เรามาดูกันว่าลักษณะหรือองค์ องค์ประกอบอะไรที่ทำให้บริษัทนี้อยู่ในกลุ่ม Great Company ครับผมจะส่งภาพหนึ่งให้คุณผู้ฟังดูเป็นภาพวงล้อของการเป็นบริษัทหรือองค์กรที่ยอดเยี่ยมคุณผู้ฟังจะเห็นว่ามันจะเป็นชาร์จเป็นวงล้อใช่ไหมครับจะมี Discipline People, Discipline Thought, Discipline Action จะเป็น 3 ข้อ หลัก นี่แหละครับ คือ pattern ที่เป็นองค์ประกอบหลักทำให้บริษัทเหล่านั้นประสบความสำเร็จผมต้องบอกก่อนว่านี่คือส่วนลำค่าที่สุดของหนังสือเล่นนี้ครับถ้าคุณผู้ฟังอยากจะประสบความสำเร็จในการทำงานในชีวิตส่วนตัวหรือในการทำธุรกิจ ผมมองว่าตรงนี้เอาไปประยุกต์ใช้ได้หมดเลยคุณผู้ฟังสามารถเอาไปต่อยอดได้ทั้งหมดเลยดังนั้นเนื้อหารในวันนี้ไม่จำกัดเพียงแค่สำหรับคนที่ทำธุรกิจการบริหารชีวิต การบริหารการงานให้ประสบความสำเร็จก็ต้องใช้ตรงนี้ครับ เพราะว่า เพราะผมมองว่าการบริหารธุรกิจเนี่ย แน่นอนเราจะต้องเก่งเรื่องคนเก่งเรื่องการเจรจา เก่งเรื่องการบริหาร เก่งเรื่องการวางวิสัยทัศน์ซึ่งสิ่งตรงนี้ก็ต้องเอาไปใช้ในชีวิตการทำงานเช่นกันดังนั้นครับ ผมต้องบอกแล้วว่านี่คือ pattern ในการประสบความสำเร็จในจุดที่สูงที่สุดในการทำงาน อย่างนั้นก็ว่าได้ครับและหลังจากนี้ผมจะพาคุณผู้ฟังมาวิเคราะห์ทั้ง 3 factor หรือ 3 ส่วนหลักๆที่สำคัญองค์กรที่เป็น Great Company องค์ประกอบแรกที่มีอิทธิพลมากที่สุดครับ คุณผู้ฟังโฟกัสไปที่ Discipline People ครับDiscipline People คือส่วนแรกที่เราจะมาพูดคุยกันDiscipline People คืออะไรDiscipline People ก็คือสิ่งที่องค์กรควรให้ความสำคัญและมีอิทธิพลมากที่สุดคือคนครับ คนสิ่งที่ควรให้ความสำคัญมากที่สุด คือเรื่องของคน คุณผู้ฟังเวลาทํางานครับผมบอกได้เลยว่าปัญหาส่วนใหญ่ มักจะไม่ค่อยได้เกิดจากตัวงานแต่มักจะเกิดจากตัวคนใช่ไหมครับ ปัญหาที่เรารู้สึกว่ามันเป็นปัญหาและแก้ได้ยากที่สุดก็มักจะเป็นเรื่องของคน ดังนั้นส่วนแรกที่องค์กร ที่เป็น Great Company ให้ความสนใจมากที่สุดคือคนครับ ทีนี้ใน Subset ในส่วนของคนครับก็จะมีหัวข้อย่อยหัวข้อแรก เราจะมาเจาะลึกตรงนี้กันGreat Company Have Five Levels of Leadership บริษัทที่เป็น Great Company จะต้องมีผู้นำระดับที่ 5 ครับหากให้ผมสรุปสั้นๆก็คือองค์กรที่ประสบความสำเร็จที่เป็น Great Companyจุดเริ่มต้นทั้งหมดมาจากผู้นำครับและถ้าผู้นำคนนั้นไม่มีวุฒิภาวะผู้นำจนถึงระดับที่ 5มันจะเป็นไปได้ยากมากที่องค์กรนั้นจะเป็นองค์กรที่ประสบความสำเร็จจนเป็น Great Company ครับคุณผู้ฟังน่าจะเคยได้ยินบทเรียนภาวะผู้นำ 5 ระดับมาแล้วผมจะส่งภาพนี้ให้คุณผู้ฟังครับการเป็นผู้นำระดับที่ 5 คือผู้นำที่สูงที่สุด เราจะมาเริ่มกันที่เลเวลที่ 1 เลยผู้นำระดับที่ 1 คือ ผู้นำที่มีความสามารถสูงครับอันนี้หากเรามีความสามารถพอ เราก็จะได้เลื่อนขั้นไปอยู่ในตำแหน่งที่สูงกว่าอันนี้คือจุดที่ง่ายที่สุดในการเริ่มต้นเป็นผู้นำระดับที่ 2 คือ ผู้นำที่เน้นความสำเร็จของทีมงานผู้นำในระดับที่ 2 ครับ จะเริ่มสร้างแห่งบันดาลใจได้แล้วจะเริ่มมีทีมเวิร์กกับคนที่ทำงานแล้วระดับที่ 3 คือ ผู้นำที่มีขีดสมรรถนะมีความเชี่ยวช้านและสามารถจัดการคนในทีมได้อย่างเหมาะสม เขาจะมีการเก่งงานและในขณะเดียวกันเขาก็เก่งในเรื่องของคนด้วยนี่คือระดับที่ 3ระดับที่ 4 ครับ คือผู้นำที่มีประสิทธิผลครับผู้นำระดับนี้คือผู้นำที่มุ่งมั่น กัดไม่ปล่อย สร้างแรงกระตุ้นในทีมและสามารถกระตุ้นทีมให้เห็นวิสัยทัศน์ครับนี่คือผู้นำระดับที่ 4ส่วนภาวะผู้นำระดับที่สูงที่สุดครับ The Executive ครับ ภาวะผู้นำระดับที่ 5คือผู้บริหารที่แท้จริงเป็นผู้นำระดับที่สูงที่สุดและสามารถกระตุ้นในทีม สามารถสร้างความสำเร็จได้อย่างยั่งยืนครับ นอกจากพี่ผู้นําระดับที่ห้าครับจะเก่งในเรื่องของงาน เก่งในเรื่องของคน เขายังสร้างผู้นําขึ้นมาได้ด้วยและในขณะเดียวกันเขาสามารถสร้างความสําเร็จ ที่มีความยั่งยืนหรือ sustainable ได้ทีนี้เราจะมาดูกันว่า ภาวะผู้นําระดับที่ห้าทําไมถึงมีอิทธิพลมากในการสร้างองค์กรที่เป็น Great Company ครับภาวะผู้นําระดับที่ห้าครับ ลักษณะเด่นก็คือ มองเกมยาวHave a long game vision และมีความยินดีในการ ให้เกียรติและเคารพผู้อื่นผู้นำระดับนี้จะเห็นว่าความสำเร็จของบริษัทหรือองค์กรเป็นผลมาจากทีมงานเป็นส่วนใหญ่ไม่ใช่เพียงเพราะตัวผู้นำเพียงอย่างเดียวผู้นำระดับที่ 5 ครับ แน่นอนเขาจะมีความอ่อนน้อมถ่อมตัว เขาจะกล้าตัดสินใจและมุ่งเน้นเป้าหมายขององค์กรมากกว่าความสำเร็จของตัวเองครับนี่คือภาวะผู้นำระดับที่ 5ทีนี้ผมอยากให้คุณผู้ฟังลองมององค์กรที่ท่านกำลังทำงานหรือองค์กรที่ท่านกำลังบริหารอยู่คุณเป็นผู้นำระดับไหนครับถ้าคุณไม่ ไม่ได้เป็นผู้นำระดับที่ 5 มันจะเป็นไปได้ยากมากที่คุณจะพาองค์กรเข้าสู่ Great Company ครับเพราะในหนังสือ Good to Great ครับ คุณ Jim Collins บอกเลยว่านี่คือขุมพลังแรกขององค์กรที่เป็น Great Companyองค์กรจาก Good to Great จะต้องมีผู้นำระดับที่ 5 ที่สามารถนำทีมงานไปสู่จุดหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพและมี Productivity ที่ดีในระยะยาวส่วนหนึ่งที่ผมชอบในเรื่องภาวะผู้นำของหนังสือเล่นนี้ก็คือ ผู้นำที่ยอดเยี่ยมครับ คุณผู้ฟังลองสังเกตดีๆ คุณผู้ฟังจะไม่ค่อยรู้จักผู้นำระดับที่ 5 ครับหากผมพูดชื่อเนี่ย เราแทบจะไม่รู้จักเลยคุณ Jim Collins เขาบอกเลยว่าส่วนใหญ่แล้วผู้คนจะไม่ค่อยรู้จักชื่อของผู้นำในระดับนี้ครับ เพราะอะไรผู้นำระดับที่ 5 เขา จะไม่ค่อยสนใจความสำเร็จของตัวเอง เขาจะไม่ค่อยสนใจชื่อเสียงส่วนตัวครับเขาจะสนใจความสำเร็จของทีมงานหรือองค์กรมากกว่าจึงเป็นเรื่องปกติ หากเราจะไม่ค่อยรู้จักชื่อผู้นำที่อยู่ในระดับนี้ตอนที่คุณจิมคอลลินส์เขาได้ยกตัวอย่างมา ผมเองก็ไม่ค่อยรู้จักครับผมจะยกตัวอย่างชื่อให้คุณผู้ฟังคนแรกครับ อดีต CEO ของบริษัทจิเลสในปี 1975 ก็คือ โคมัน มอคเลอร์คุณผู้ฟังรู้จักชื่อคนนี้ไหมครับ ตอนผมได้ยินครั้งแรกผมก็ไม่รู้จักครับแต่นี่คือผู้นำระดับที่ 5 ที่สามารถพายิน ให้ประสบความสำเร็จมาจนถึงจุดนี้ได้ คนที่สองของบริษัท Fannie Mae ครับก็คือ David Maxwell คนนี้ชื่อผมไม่คุ้นเลย แต่นี่ก็คือผู้นำระดับที่ห้าอีกคนนึงและอีกคนนึงครับ คุณ Ken Iverson อดีต CEO ของบริษัท New Corpแน่นอนทั้งสามคนผมเชื่อว่าหลายท่านอาจจะไม่รู้จักเลยด้วยซ้ำ ผมเองไม่รู้เลยแต่นี่แหละครับ คุณ Jim Collins เขาบอกเลยว่าผู้นำที่อยู่ในระดับนี้ เขามักจะไม่ค่อยมีชื่อเสียงเท่าไรเพราะท้ายที่สุดแล้วผู้นำระดับนี้จะมองว่าความสำเร็จ คือการมอบโอกาสในการเปลี่ยนแปลง ชีวิตให้ผู้อื่นและสร้างองค์กรให้ประสบความสำเร็จมากกว่าแค่ความร่ำรวยของตัวเองเขาจึงได้เขียนไว้เลยว่าผู้บริหารที่ประสบความสำเร็จและอยู่ในระดับ executive หรือระดับที่ 5 เขาจะไม่อวดอ้างตัวเองเขาจะเป็นคนที่เคารพศักดิ์สีผู้อื่นพวกเขาเข้าใจว่าพวกเขาไม่ได้รู้สิ่งยังมีอีกอะไรอีกหลายอย่างมากที่เขาไม่รู้เขาจะไม่พลาดที่จะดำเนินการอย่างถูกต้องต่อคนใกล้ตัวเจ้าของหุ้นและลูกค้าอย่างมีศีลธรรมนี่คือผู้นำระดับที่ หรือหากในตอนนี้คุณผู้ฟังกำลังทำงานในองค์กรที่ไม่ได้มีผู้นำระดับที่ 5มันจะเป็นไปได้ยากมากที่องค์กรจะประสบความสำเร็จและรวมไปถึงตัวท่านด้วยหรือถ้าตัวคุณผู้ฟังเองเป็นผู้บริหารองค์กรทำยังไงก็ได้คุณจะต้องเป็นผู้นำระดับที่ 5ถ้าคุณยังไม่ได้มีวุฒิภาวะผู้นำระดับนี้อย่าพึ่งคิดถึงเรื่องอื่นครับนี่คือบทเรียนจาก The 5 Levels of Leadershipในส่วนที่ 2 ครับเรายังอยู่เรื่องของคนอยู่ครับเรายังอยู่ในส่วนของ Discipline People อยู่ในคอยอย่างแรก ในส่วนแรกผมพูดถึงผู้นำ ในข้อยที่ 2 เราจะพูดถึงผู้ตามครับแน่นอนถ้ามีผู้นำก็จะต้องมีทีมงาน มีผู้ตามในส่วนนี้ครับ Get the right people on the busรับคนที่เหมาะสมมานั่งรถบัสของคุณผมจะเปรียบเปยรถบัสคันหนึ่งเปรียบเสมือนองค์กรหรือบริษัทนะครับในหนังสือ Good to Great ครับ คุณ Jim Collins เขาได้สัทยายไว้ว่าในองค์กรมีผู้นำยอดเยี่ยมแล้ว หลังจากนั้นผู้นำก็จะต้องหาผู้ตามที่ยอดเยี่ยมมาให้ได้ครับในหนังสือเล่นมีครับ มีคำอธิบายเกี่ยวกับการเลือกคนที่เหมาะสมเข้ามาในรถบัสของคุณสำหรับธุรกิจที่ยอดเยี่ยม เขาจะต้องมีผู้นำที่ยอดเยี่ยมและเขาก็ยังจะต้องมีผู้ตามที่ยอดเยี่ยมเช่นกันดังนั้น การเลือกคนเป็นสิ่งที่สำคัญและต้องตระหนักเป็นอันดับต้นๆการเลือกคนนั้น คนคนนั้นจะต้องมีความสามารถในการทำงานตรงกับความต้องการของบริษัทแต่เท่านั้นยังไม่พอครับเขาจะต้องทำงานร่วมกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพคุณผู้ฟังจะจำเรื่องของ Apple น่าว ใน หนังสือ the power of bad ได้ ไหม ครับ เรื่อง บท เรียน ของ appleน่าว ครับ ผม อาจ จะ บอก ได้ ว่า คน ที่ toxic คน ที่ ชอบ ทำ งาน แล้วร่วม งาน กับ ผู้ อื่น ไม่ ได้ เนี่ย คือ apple น่าว apple น่าว เพียงลูก เดียว สามารถ ทำ ให้ apple ลูก ดี น่าว ได้ ทั้ง เข็ง ครับ แต่ appleดี ลูก เดียว ไม่ สามารถ ทำ ให้ apple น่าว กลาย เป็น apple ที่ ดีได้ นี่ จึง เป็น เรื่อง อันตราย มาก การ คัด เลือก คน ที่ เหมาะ สม มานั่ง ใน รถ บัตร จะ เป็น การ รวม กลุ่ม คน ที่ ดี ไว้ คน ที่ เหมาะ สม ไม่ พอ ต้อง ขอ รบ ผู้ อื่น ท้า ทาย ใน การ พัฒนา ตัว เอง การ เลือกคน ที่ ยอด เยี่ยม มัน ไม่ ใช่ เพียง แค่ การ จ้าง งาน ตาม ตำแหน่งหรือ description ที่ กํา หนด ไว้ แต่ ต้อง คัด เลือก อย่าง รุ่ม ลึก ทีนี้ ผม ได้ พูด ถึง เรื่อง ของ การ เอา คน ขึ้น มา ใน รถ บัส อีกส่วน นึง ก็ คือ การ เอา คน ที่ ไม่ ใช่ ออก จาก รถ บัส นี่ ก็ เป็นแน่ นอน การ เลือก คน เรา ไม่ สามารถ ทํา ความ เข้า ใจ คน ได้ ถึง100% การ เอา คน ออก จาก รถ บัส เมื่อ คน ที่ อยู่ ใน องค์ กร ไม่ได้ตอบโจทย์กับบริษัท คุณจําเป็นต้องให้เขาออกจากรถของคุณเพราะไม่อย่างนั้น คนดีดีจะออกไปแทนครับ นี่แหละครับคือคือสิ่งที่มันอันตรายกว่า คนดีดีเขาจะออกไปจากรถปัดนั่นแทนท้ายที่สุดแล้ว บริษัทที่ดีจะต้องใช้กระบวงการสัญหาคนที่ดีให้ความสําคัญกับการค้นหาผู้สมัครที่สอดคล้องกับค่านิยมและวัฒนธรรมขององค์กรทีนี้ครับ เมื่อมีคนที่เหมาะสมมติและมีผู้นําที่ดีมีผู้ตามที่ดี หลังจากนี้เราจะมาพูด พูดถึงส่วนที่เป็นกลยุทธ์ครับ แต่ก่อนอื่นผมจะเน้นย้ำอีกครั้งบริษัทที่เป็น Great Company เขาจะให้ความสำคัญกับคนก่อนเพราะนี่คือสิ่งที่มีอิทธิพลต่อทั้งความสำเร็จ และความร่มเหลวของบริษัทอย่างมหาศาลเอาล่ะครับ เราจะมาต่อกันที่ส่วนที่ 2ในส่วนแรกครับ เราจะวางเรื่องของ Discipline People ไปก่อน เราจบเรื่องของคนแล้วในส่วนที่ 2 จะเป็นเรื่องของ Discipline Thoughts ครับDiscipline Thoughts คืออะไร เป็นความคิด เป็นกลยุทธ์ เป็นแผนการในการดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ เกี่ยวในเรื่องของบุษนิสหมดเดีย อันนี้คือแพทเติร์นที่ 2 ส่วนของทัศนคติและแผนในการดำเนินงาน ขอย้อยแรกที่เราจะมาพูดคุยกันก็คือConfront the brutal factConfront the brutal fact เป็น subset ของ Discipline Thoughtเพื่อเดินหน้าสู่ความยิ่งใหญ่บริษัทจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับข้อเท็จจริงที่โหดร้ายในหัวข้อนี้เราจะมาพูดคุยกันหัวข้อท���่ 1To be great, companies need to confront the brutal fact.องค์กรที่ยอดเยี่ยมทำไมจะต้องเผชิญหน้ากับความจริงผมจะถามคุณผู้ฟังว่าในการบริหารองค์กรได้ประสบความสำเร็จระหว่างทาง มันไม่ใช่ทางเรียบใช่ไหมครับ บางทีคุณเจอวิกฤต บางทีคุณเจอการเปลี่ยนแปลงที่มันฉับพันจนรู้สึกว่า โอ้โห องค์กรจะไปรอดรึเปล่านี่คือสิ่งที่การบริหารธุรกิจจะต้องเจอ หรือแม้แต่การทำงานครับเจอบางสิ่งบางอย่างเข้ามา Disrupt ไม่ว่าจะเป็นเทคโนโลยี AI คนที่เก่งกว่าเรานี่คือการเปลี่ยนแปลงที่มันเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นสิ่งแรกที่คุณจิมคอลลินส์เขาได้เขียนลงไปก็คือองค์กรที่เป็น Great Company เขาไม่ได้มองโลกในแง่ดีครับ เขาไม่ได้มองว่า องค์กรเขาจะประสบความสำเร็จอย่างที่ได้ตั้งวิสัยทัศน์เอาไว้เขาไม่ได้คิดแบบนั้นแต่เขารู้ว่าในระหว่างทางที่จะเดินทางไปเจอวิกฤตแน่ๆ แน่นอนหลีกเลี่ยงไม่ได้แต่เขาพร้อม เขารู้ว่าเขาจะต้องรับมืออย่างไรนี่คือ Confront the Brutal Fact ครับหรือสรุปได้อีกอย่างหนึ่งก็คือบริษัทที่เป็น Great Companyเขาจะยอมรับและตนักถึงความเป็นจริงของสถานการณ์บริษัทเดี๋ยวผมจะยก Case Study ของคนคนหนึ่งครับในหนังสือเล่มนี้เขาได้พูดถึง Stockdale Paradoxที่สามารถอธิบายกรอบความ คิดในการรับมือกับปัญหาได้อย่างชัดเจน สต๊อกเดลพาราด็อกคืออะไรคุณเจมสต๊อกเดลครับเป็น เป็นต้นแบบของสต๊อกเดลพาราด็อกคุณเจมสต๊อกเดลครับเป็นอดีตผู้ลงสมัครเลือกตั้งรองประธานาชีพดีของสหรัฐอเมริกาคุณเจมสต๊อกเดลครับเคยถูกจับตัวเป็นเฉลยศึกในสงครามเวียดนามเป็นเวลา 7 ปีครับการตกเป็นเฉลยสงครามไม่เฉลยตลกและเป็นสิ่งที่เลวร้ายที่สุดที่คนคนนึงจะได้พบเจอและในตอนนั้นครับ คุณเจมสต๊อกเดลเนี่ยก็มีโอกาส ได้ไปคุยกับคุณเจมส์ คุณ คอลลิ้ง เขาอยากถามว่า คุณ คุณพอจะบอกเราได้หรือเปล่า คนแบบไหน มีโอกาสที่จะรอดออกมาจากค่ายกักกันได้มากที่สุดแล้วคุณก็ถามตัวว่า แล้วอะไรคือเหตุผลที่ทําให้คุณรอดมาได้จากค่ายนรกนั้น การตกเป็นเฉลยน่ากลัวมากครับ คุณผู้ฟัง ทีนี้คําตอบของคุณสต๊อกเดลมันน่าสนใจครับ ในตอนที่คุณ สต๊อกเดลถูกจับไปเป็นเฉลยนและถูกทรมานร่างกายนานถึงเจ็ดปี ตอนนั้นคุณ สต๊อกเดลก็จินตนาการไม่ออกว่าเขาจะรอดออกมาได้ยัง ยังไงเนี่ย โอ้โห ในค่ายเนี่ยมันทรมานมากเลย แต่เขาค้นพบมุมมองหนึ่งเขาค้นพบความคิดแบบหนึ่งที่ทําให้เขาสามารถยืนหยัดจนเอาชีวิตรอดมาได้ครับเดี๋ยวตรงนี้แหละครับ เป็นจุดเริ่มต้นของ stockdale paradoxสิ่งที่ทําให้เขาหลุดพ้นมาได้ เขาไม่ได้มองโลกในแง่ดีเหตุผลที่ทําให้เขารอดมาได้เป็นเพราะว่าเขามีมุมมองแบบย้อนแยงครับเขาไม่ได้มองโลกในแง่ดีขนาดนั้น และเขาก็ไม่ได้มองโลกในแง่ร้ายแบบสุดต่งสมมุตินะครับ หากนักโทษเนี่ย มองโลกในแง่ดี แง่ ดี มาก เลย ใน ช่วง นั้น ใกล้ ช่วง คิด มัด ใกล้ จะ เข้า ถึง ปี ใหม่นัก โทษ อาจ จะ คิด ว่า เฮ้ย เนี่ย เดี๋ยว คริสต์ มา มา เขา ก็ ต้อง ปล่อยตัว และ เขา จะ น่า ลด หย่อน โทษ ได้ บ้าง แต่ พอ คริสต์ มา ถึง แล้วคน คน นั้น ไม่ ได้ ออก เขา จะ เส้น หวัง มาก เลย อัน นี้ คือ คน ที่มอง โลก ใน แง่ ดี มาก เกิน ไป แต่ ถ้า มอง โลก ใน แง่ ร้าย แน่ นอนคุณ จะ หมด หวัง ตั้ง แต่ ช่วง แรก เลย แล้ว มัน ต้อง มอง โลก แบบ ไหนล่ะ คุณ สต๊อกเดล เขา บอก ว่า การ ผชิญ หน้า กับ ความ จริง เท่า นั้นคือ คำ ตอบ ความ คิด แบบ สต๊อกเดล พระ ดร.
จะ มี การ มอง ตัว เอง และ สถานการณ์ในแต่ละวันอย่างเป็นจริง โดยไม่มีการปลอมแปลง สมมุตินะครับผมเป็นนักโทษ ผมมองเลยว่า โอ้โห ดูจากทรงแล้วคริสต์มัดมาถึงไม่ได้ออกแน่แน่ ไม่น่าจะมีการลดหย่อนโทษโอเค เราน่าจะไม่ได้ออกไปจากคิดมัดแล้ว แต่ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงจริงเราจะต้องผ่านมันไปให้ได้ เราจะต้องเอาชนะช่วงเวลานั้นให้ได้นี่คือ stock deal paradox ครับ ในขณะที่เขารู้ว่าอนาคตที่เขาจะเจอต่อจากนี้มันอาจจะไม่ได้สวยงาม แต่เขาก็ไม่ได้หมดสัตว์ท้าว่าเขาจะ เอาชีวิตรอดไม่ได้นี่แหละครับ คือจุดสมดุลระหว่างความเป็นจริงและการมองโลกในแง่ดีได้อย่างเท่าๆกันStockdale Paradox คือการมองตามข้อเท็จจริงแต่ก็ยังเชื่อว่าต่อให้มันจะดีหรือไม่ดีเราก็จะต้องรับมือกับมันให้ได้มุมมองนี่แหละครับ เป็นมุมมองที่ไม่ได้มองโลกขาวหรือดำเกินไปในขณะที่เห็นว่าปัญหาตรงหน้ามันเกิดขึ้น ปัญหาตรงหน้ามันร้ายแรงมากแต่ก็ไม่ได้แปลว่าเขาจะยอมแพ้หรือล้มเลิกความพยายามกับสิ่งนั้นตรงนี้แหละครับเป็นสิ่งที่ผมชอบที่สุดในหนังสือ Good to Greatเขาจึงได้บอกเลยว่า ว่า องค์กรที่เป็น เค้าก็มองแบบ ครับ เค้าก็มองว่าวิกฤตต่างๆมันเกิดขึ้นแน่แน่ แต่เค้าก็จะรับมือกับมันให้ได้มีวิสัยทัศน์ที่ได้เปลี่ยนแปลงโลกมาแล้ว ทั้งสิ้นครับ เค้าจึงได้นํามาใช้แบบไม่รู้ตัว คุณผู้ฟังลองสังเกตดูดีดีว่า องค์กรที่ประสบความสําเร็จเป็น เค้าเป็น เค้าเป็น หลายองค์กรเปลี่ยนแปลงโลกเริ่มต้นจากผู้นํา ผู้นําเค้ามีวิสัยทัศน์แบบไหนผู้นําองค์กรที่เป็น เค้าเป็น ครับ แน่นอนเค้าจะมีความฝันที่ใหญ่และบางที หลายคนอาจจะไม่ได้เชื่อในสิ่งที่พวกเขาทำสิ่งนี้เราจะเรียกกันว่า B-Hack ครับหรือ Big Hairy Audacious Goalคือเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่จนดูเหมือนจะเกินเอื้อมเรากับว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ นี่คือ B-Hack ครับบริษัทที่เปลี่ยนโลกผมจะยกตัวอย่าง B-Hack ขององค์กรชื่อดังFord ครับDemocratizing the Automobileบริษัทที่สร้างอนาคตแห่งยานพาณะNASA ครับPut the man on the moon and return him safelyพาคนไปที่ดวงจันทร์และกลับมาที่โลกอย่างปลอดภัยนี่คือวิสัยทัศน์ของเขา บริษัท Apple สร้างนวัตกรรมเปลี่ยนโลก และสร้างโลกที่คนธรรมดาเข้าถึงเทคโนโลยีหรือ แม้แต่ SpaceX ครับ พามนุษยชาติไปตั้งถิ่นฐานบน Mars หรือดาวอังคาร คุณผู้ฟังดู B Hack ของเขาสิครับ นี่คือวิสัยทัศน์ของพวกเขามันยิ่งใหญ่จนดูเหมือนว่ามันอาจจะเป็นไปไม่ได้ แต่พวกเขาก็เริ่มทำจนมันกลายเป็นความจริงเรื่อยๆครับนี่แหละครับ สำหรับ Great Company เขาจะมี B Hack ที่ชัดเจนและเชื่อ ว่าพวกเขาจะไปถึงจุดหมายของเขาได้ แต่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ยอมรับว่าปัญหา วิกฤต การเปลี่ยนแปลงมันย่อมเกิดขึ้นได้ อย่างไม่มีเงื่อนไขมันสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาครับ ทีนี้ผมได้พาคุณผู้ฟังมาที่sub set แรกของ ของ discipline thought และแน่นอนการเผชิญหน้ากับความจริงเป็นเรื่องที่สำคัญในข้อยดีสองของ discipline thought ก็คือ the head hot concept ครับแน่นอนการดําเนินธุรกิจยอมรับแล้วว่าเจอวิกฤตแน่ๆในส่วนต่อไปจะเป็นแผนในการดําเนินธุรกิจคุณจะต้องตอบให้ได้ว่าธุรกิจของคุณอยู่ในวงกลมสามส่วนนี้หรือเปล่าheadshot concept ครับในหัวข้อนี้ headshot concept คืออะไรในภาษา headshot concept เนี่ยผมอาจจะแปลได้ว่าเป็นตัวเม่นครับแต่ผมจะไม่ได้ลงลึกนะครับว่าทําไมจะต้องเป็น Headed Hot Concept แต่มันคือกรอบการวางยุทธศาสตร์ธุรกิจที่พัฒนาโดยหนังสือของคุณจิมคอลลินส์ครับแนวคิดนี้มีพื้นฐานบนความคิดของบริษัทที่ยอดเยี่ยม เขาจะมีความเข้าใจลึกซึ้งเกี่ยวกับสิ่งที่เขาสามารถเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในโลกได้มันจะมี 3 วงครับ บริษัทที่เป็น Great Company ครับ เพราะเขาจะใช้ทรัพยากรทั้งหมดของเขาในสิ่งที่เขาเชี่ยวชาญ เขามองว่าเขาจะต้องเป็น The Best ในตลาดนั้นให้ได้ทีนี้ผมจะส่งวงกลมให้คุณผู้ฟังดูนะครับ วงกลมทั้ง 3 วงนี้คือองค์ประกอบที่สำคัญของบริษัทที่เป็น Great Companyสมมติคุณผู้ฟังจะวาง Business Model คุณจะต้องเอาวงกลมนี้เข้าไปเกี่ยวยงด้วยเราจะมาพูดถึงวงกลมที่ 1 ครับสิ่งที่หลงไหลครับWhat light your fireอะไรคือเหตุผลที่องค์กรหรือธุรกิจของคุณถูกสร้างขึ้นมาและ Passion หรือกระบวนการในการทำแล้วคุณรู้สึกว่ามันหลงไหลมากเลยคืออะไรวงกลมที่ 2 คือสิ่งที่คุณสามารถเป็น The Best หรือเป็นสิ่งที่ดีที่สุดในร่วม โลกได้ วัตต์คุดยูอบริสเจนส์บีด้าเบสต์อินด้าวอลต์ในองค์กรของคุณสิ่งที่คุณทําสามารถเป็นด้าเบสต์ได้หรือเปล่าสมมุติคุณผู้ฟังทําธุรกิจ เอ่อ โปรแกรมเมอร์ คุณตอบได้หรือเปล่าว่าคุณจะเป็นโปรแกรมเมอร์ที่ดีที่สุดในโลกได้หรือไม่ถ้าตอบได้ มันจะเป็นชอยส์ที่ใหญ่มากในการรันธุรกิจวงกลมที่สามครับ เป็นเครื่องยนต์ที่ขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจหรืออะไรก็ตามที่สร้างผลตอบแทนให้องค์กร แน่นอนการรันธุรกิจเงินเปรียบเสมือนเลือดครับ ถ้าเงินหมดเนี่ยแน่นอนไม่ว่าจะมีแพชั่นหรือจะมีความเชี่ยวชาญมีบุษิเนสโมเดลดีขนาดไหนมันก็ยากครับที่จะรันธุรกิจต่อทั้ง 3 วงนี้คือสิ่งที่เป็นองค์ประกอบของ Great Company ครับผมจะย้ำอีกครั้งนะครับวงกลมที่ 1 อะไรคือแพชั่นขององค์กรอะไรคือสิ่งที่เป็นแพชั่นและอยากให้คนในองค์กรเนี่ยหลงไหลในการลงมือทำวงกลมที่ 2 คือสิ่งที่องค์กรทำสามารถเป็น The Best ในตลาดได้หรือเปล่าและวงกลมที่ 3 อะไรคือตัวแปลสำคัญที่สร้างผล ผลประกอบการหรือผลประโยชน์ให้กับองค์กรมากที่สุด นี่คือสิ่งที่ต้องตอบให้ได้ครับและจุดตรงกลางทั้งสามวงกลมนั่นแหละครับ คือ H H O T C O N C E P Tเมื่อวงกลมตั้งสามวงมาบันจบกัน คุณจะได้ H H O T C O N C E P T ครับนั่นจะเป็น Business Model ที่แข็งแกร่งมาก ในหนังสือของคุณ Jim Collins ครับเขาได้เขียนไว้ว่าสมมติหากคุณขายสินค้าตัวหนึ่ง คุณก็จะต้องตอบให้ได้ว่าคุณหลงไหลในการขายของชนิดนี้ขนาดไหน คุณรู้จักสินค้าคุณหรือเปล่าคุณสามารถพัฒนาให้ของชนิดนี้เป็นสิ่งที่ดีที่สุดในตลาดได้หรือไม่ บ่อยครั้งครับ บางคนอาจจะขายสินค้ามากมายกับลูกค้าแต่ไม่ได้ลงไหลสิ่งที่เขาขาย และตอบไม่ได้ด้วยซ้ำว่าสินค้าตัวนี้มีเหตุผลอะไรที่จะเป็นแชมป์เปียนในตลาดบางทีเขาก็ตอบไม่ได้ นั่นแหละครับ คือสิ่งที่ควรจะได้รับการแก้ไขผ่านข้อนี้ครับ ซึ่งแน่นอนครับ พอคุณผู้ฟังฟังมาตรงนี้ก็รู้เลยว่าโอ้โห การจะวาง Headshot Concept เนี่ย ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะซึ่งถ้ามันเป็นแบบนั้นครับ คุณ Jim Collins เขาก็แนะนำว่าคุณก็ต้องเริ่มกลับไปทบทวนข้อที่สอง ในเรื่องของการหาคนที่เหมาะสมตัว ตัวผู้นำ มีภาวะผู้นำถึงระดับที่ 5 หรือเปล่าตัวผู้ตามเหมาะที่จะอยู่ในรถบัสหรือไม่ทั้งผู้นำและผู้ตาม ถ้าทีมของคุณไม่มีแพชชั่นในการทำงานหรือสนใจแค่ผลประโยชน์ มันก็บ่งบอกได้ว่าพวกเขาอาจจะไม่ใช่คนที่เหมาะที่จะขึ้นไปอยู่ในรถบัสครับนี่เป็นสิ่งที่สำคัญที่คุณต้องพิจารณา ส่วนที่ 3 ผมจะเอาแผนภาพให้คุณผู้ฟังด้วยอีกครั้งส่วนที่ 3 คือ Discipline Actionเรามีคนที่ดีแล้ว เรามีแผนที่ดีแล้วส่วนต่อไปเราจะต้อง Take Action เราจะต้องเริ่มลงมือทำครับซึ่งกระบวนการของการลงมือทำ ส่วนนี้เองขาดไม่ได้แน่นอนถ้าคุณไม่ได้ลงมือทำ มันจะไม่มีผลลัพธ์อะไรเกิดขึ้นเลยในข้อย่อยของ Discipline Action ก็จะมี 2 Subset เหมือนเดิมครับส่วนแรกที่เราจะมาพูดถึงกันคือ Good to Great Companies Bill of Rights ของ Momentum สร้างวงล้อของการขับเคลื่อน ในข้อนี้น่าสนใจองค์กรที่ผสมความสำเร็จ ไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยตัวคนคนเดียว แต่จะขับเคลื่อนด้วยระบบแน่นอนทุกองค์กรมีระบบ ซึ่งระบบนั้นเปรียบเสมือนวงล้อที่คอยหมุนสิ่งแรกที่เราควรจำให้ขึ้นใจก็คือTransformation doesn't happen in one fell swoop.การเปลี่ยนแปลงไม่ได้เกิดขึ้น เพียงแค่ช่วงค่ำคืนต้องบอกก่อนว่าส่วนหนึ่งที่ผมชอบ ในเรื่องของวงล้อแห่งความสำเร็จก็คือ ความสำเร็จขององค์กรครับคุณผู้ฟังลองคิดถึงความสำเร็จขององค์กรใดก็ได้หรือคนไหนก็ได้เราจะรู้สึกว่า เหมือนเขาประสบความสำเร็จเพียงแค่ชั่วข้ามคืนเลยแต่คุณ Jim Collins บอกเลยว่าทุกความสำเร็จบนโลกใบนี้ไม่มีมิราบ Moracle Moment ครับ ทุกอย่างสร้างขึ้นเป็นปีๆ ผ่านความทะลด ผ่านร้อน ผ่านหนาวจนเกิดเป็นความสำเร็จ เขาลงมือทำและพัฒนาอย่างสม่ำเสมอครับย้ำอีกครั้งนะครับ ในโลกนี้ไม่มีความสำเร็จที่เป็น Miracle Moment ครับ ซึ่งทุกความสำเร็จจะมีรูปแบบแพทเทิร์นแบบนี้ก็คือคุณผู้ฟังลองคิดภาพตอนเราเขียนรถยนต์ครับ ในตอนแรกที่เราจะออกแรงเขียนเนี่ยโห ใช้แรงเยอะมากเลย บางทีเขียนไม่ไปด้วย แต่พอล้อเริ่มเคลื่อนไปได้เล็กน้อยครับรถจะเริ่มเคลื่อนง่ายแล้ว เราจะเริ่มออกแรงน้อยลงแล้ว แต่อย่าลืมปลดเบรกมือนะครับและแรงสื่อ Good to Great เนี่ย เขาบอกเลยว่าทุกๆความสำเร็จจะเป็นแพทเทิร์นคล้ายๆแบบนี้ครับในช่วงแรกของการผลักดันให้องค์กรประสบความสำเร็จ ใช้แรงเยอะมาก ใช้ทุนเยอะมาก บางทีรถเหมือนจะไม่เคลื่อนด้วยซ้ำ แต่พอวงล้อเริ่มหมุนไปได้นิดหน่อยครับเริ่มใช้แรงน้อยลง รถเริ่มเร็วขึ้นนี่คือรูปแบบของความสำเร็จ มันคือระบบครับผมสนุกด้วยอีกอย่างก็คือทุกๆความสำเร็จเกิดจากการผลักฟันเฟืองหรือวงล้อที่ทั้งใหญ่และหนักอย่างต่อเนื่องให้หมุนทีละรอบอย่างช้าๆ ช้าๆ ครับถ้าองค์กรนั้นพยายามผลักล้อ ผลักแล้วก็หยุด ผลักแล้วก็หยุดองค์กรจะไม่มี flywheel ของความสำเร็จค่อยๆ สร้าง momentum ครับ ทุกๆความสำเร็จจะต้องค่อยๆ ผลัก ดันสร้างโมเมนตัน แต่ต้องทำอย่างสม่ำเสมอจนในที่สุด วงล้อก็สามารถเริ่มหมุนเองได้ฉะนั้น จงมองหาฟันเฟืองที่ขับเคลื่อนธุรกิจของคุณผลักจนกว่าฟันเฟืองจะเริ่มหมุน และอย่าหยุดทีนี้ครับ เมื่อมีคนที่ยอดเยี่ยม มีกลยุทธ์ที่ยิ่งใหญ่จากนั้นลงมือทำอย่างสม่ำเสมอองค์กรก็จะต้องพัฒนา เปลี่ยนแปลง และสร้างวิสัยทัศน์ให้เป็นจริงขึ้นได้ในท้ายที่สุดบริษัทที่ยอดเยี่ยม ไม่ได้ให้ CEO มาขายของหรือทำการตลาดครับ เพราะว่าเขา เขาจะมีระบบที่สามารถหมุนเองได้ และมันจะกลายเป็นวงล้อที่หมุนได้เองแม้คุณอาจจะมีแผนที่มีความหวัง หรือความฝันในรูปแบบสถิติหรือตัวเลขเพื่อจะไปถึงจุดนั้นคุณก็จะต้องมีโมเดลที่สามารถหมุนได้ด้วยตัวมันเองอาจจะเป็นระบบวิสัยทัศน์ ลูกค้า วัฒนา ทำองค์กร นวัตกรรมเมื่อเปรียบเทียบแล้ว ทุกสิ่งจะเชื่อมโยงกันครับและมันจะสร้างโมเมมตัมที่ทำให้องค์กรเคลื่อนไปได้เรื่อยๆครับผมพาคุณผู้ฟังมาพูดถึง Discipline Action Lab ในสัปดาห์ สับเซ็ตสุดท้ายที่เราจะพูดถึงจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีครับเราจะมาทวนกันก่อนในส่วนแรกเราพูดถึงเรื่องของคนในส่วนที่สองเราพูดถึงเรื่องของความคิดในการดำเนินธุรกิจในส่วนที่สามเราพูดถึงการ Take Actionในการ Take Action ก็จะมีการสร้างระบบพยายามผลักดันอย่างสม่ำเสมออีกส่วนหนึ่งจะเป็นเรื่องของเทคโนโลยีครับอันนี้สำหรับสตวรรษที่ 21 เลยก็คือถ้า Great Company องค์กรที่จะไปอยู่ใน Great Company ได้จะต้องมีเทคโนโลยีเข้ามาเร่ง Scale เร่งความเร็วให้ประสบความสำเร็จเทคโนโลยี แอสเซอเรเตอร์ บทเรียนข้อนี้ในหนังสือ Good to Great เขาได้เขียนไว้ว่าสำหรับองค์กรที่ยอดเยี่ยมเมื่อคุณมีคน มีกลยุทธ์ มีระบบที่ดีคุณจะเริ่มเป็น Good Company แล้วแต่ถ้าคุณอยากจะยกตัวเองไปเป็น Great Companyคุณจะต้องเพิ่งเทคโนโลยีครับโดยเฉพาะในสัตวัตรนี้องค์กรที่ยอดเยี่ยมจะเรียนรู้ที่จะใช้เทคโนโลยีมาหมุนวงล้อให้เร็วขึ้นคุณผู้ฟังสังเกตดีๆ จะเห็นว่าเทคโนโลยี เป็นองค์ประกอบตัวสุดท้ายเลย เพราะอะไรรู้ไหมครับ เพราะเทคโนโลยีครับเป็น Accelerator not a Creator ครับเทคโนโลยีเป็นแค่ตัวเร่งความเร็วแต่ไม่ใช่จุดเริ่มต้นของแรงขับเคลื่อนทั้งหมดครับแต่ไม่ว่าอย่างไรเทคโนโลยีถือเป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันให้องค์กรเติบโตอย่างทวีคูณผมจะยกตัวอย่างให้คุณผู้ฟังนะครับ สมมติผมจะยกถึงระบบราชการหากระบบราชการไม่ได้เอาเทคโนโลยีเข้ามาจัด ไม่ได้เอาเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาระบบภายในองค์กรระบบราชการก็จะเป็นระบบราชการอยู่อย่างนั้นครับ ก็จะไซโลมันก็จะช้า แต่ถ้าระบบรัชการรู้จักที่จะเอาเทคโนโลยีเข้ามาเร่งความเร็วแน่นอนจะเติบโตได้เร็วมาก นี่คือความสำคัญของเทคโนโลยีแต่ถามว่าถ้าไม่มีเทคโนโลยี ระบบจะยังอยู่ได้ไหมอยู่ได้ครับ แต่มันจะช้ามาก มันจะเร่งความสำเร็จได้ช้ามากดังนั้นย้ำอีกครั้งนะครับ เทคโนโลยีเป็นส่วนสำคัญที่จะเร่งความเร็วแต่ไม่ใช่จุดเริ่มต้นของแรงขับเคลื่อน แต่ท้ายที่สุดแล้วเทคโนโลยีเธอเป็นส่วนสำคัญที่จะผลักดันให้องค์กรเติบโตอย่างเทอร์วีคูณ ผมอาจจะสรุปได้ว่า ถ้าองค์กรยังไม่มีคน ยังไม่มีแผน ยังไม่มีระบบที่ดีอย่าพึ่งพูดถึงเรื่องเทคโนโลยีครับสำหรับหนังสือเล่มนี้ครับ ท้ายที่สุดแล้วเขาได้แนะนำว่าคุณไม่จำเป็นต้องใช้ทุกเทคโนโลยี หรือ AI ทุกตัวในการหมุมวงล้อแต่คุณต้องรู้ว่า เทคโนโลยีตัวไหนมีอิทธิพลต่อวงล้อของคนมากที่สุดนั่นแหละครับ คือสิ่งที่ท่านควรเอามาใช้เทคโนโลยีจะไม่ใช่ปัจจัยหลักของความสำเร็จ แต่มันจะทำให้ฟันเฟิร์งในองค์กรเร่งความเร็ว ได้อย่างมหาศาลครับนี่ก็เป็นบทเรียนทั้งหมดจากหนังสือ Good to Great ที่ผมนำให้คุณผู้ฟังนะครับเดี๋ยวตรงนี้ผมจะทวนอีกข้อสำหรับองค์กรที่ประสบความสำเร็จจะมี Pattern เหมือนๆกันส่วนแรกที่เราจะพูดถึงคือคนแน่นอนพอพูดถึงคนก็จะมีเรื่องของผู้นำผู้นำดีหรือยัง พอพูดถึงผู้นำก็จะต้องมีผู้ตามคนที่ขึ้นมาอยู่ในรถบัสเหมาะที่จะอยู่ในรถบัสหรือไม่ถ้าเราตอบไม่ได้ว่าคนที่อยู่ในรถบัสเป็นคนที่เหมาะหรือเปล่าถ้าเราเอาคนที่ไม่เหมาะมา เขาจะเอาคนดีๆออกไปครับเขาจะทำให้คนดีๆไม่อยากอยู่ อยู่ในรถบัสคันนั้น ในส่วนที่สองคือเรื่องของกรอบความคิดในการบริหารธุรกิจให้เป็นเกรดคอมปานีกรอบความคิดคือแน่นอน การบริหารธุรกิจคุณเจอวิคฤตแน่ๆคุณอาจจะมี Worst case scenario ให้ได้พบเห็นด้วยซ้ำ แต่คุณรับมือมันได้หรือเปล่า คุณมีแผนที่จะรับมือมันหรือยัง หรือถ้าองค์กรประสบความสำเร็จก็เป็นเรื่องที่ดีเป็นสิ่งที่องค์กรสามารถสร้างวิสัยทัศน์ได้เกิดขึ้นจริงได้ในส่วนที่สองของ subset จะเป็น headshot concept ตัวท่านหรือองค์กรลงไหลในสิ่งที่ทําขนาดไหน สิ่งที่ตัวท่านกําลังทําสามารถเป็น the bestในตลาดได้หรือเปล่า และอีกส่วนหนึ่งก็คือ ตัวที่สร้างผลประโยชน์ให้กับองค์กรหรือตัวท่านเนี้ยคืออะไร เพราะถ้าสิ่งที่เราทําเราหลงไหลมากเลยเราสามารถเป็น the best ได้ แต่มันให้ผลตอบแทนอะไรเราไม่ได้เลย มันก็จะกลายเป็นว่า มันจะเป็นเปลี่ยนแค่งานอัน Delay ครับในส่วนที่ 3 จะเป็นเรื่องของ Take Actionการ Take Action ความสม่ำเสมอ Is Key ครับConsistency Is Key ครับความสม่ำเสมอคือตัวแปลที่สำคัญมากถ้าคุณผลักรถ แต่คุณผลักไม่สม่ำเสมอคุณจะต้องใช้แรงมหาศาล และมันเปลืองแรงมากด้วยและพอถึงจุดหนึ่ง พอวงล้อเริ่มเคลื่อนได้แล้วเอาเทคโนโลยีมาเร่งความเร็วเอาเทคโนโลยีมา Scale ให้บริษัทเติบโตมากขึ้นนี่แหละครับ เป็นกรยุสสำคัญของบริษัท ที่เป็น Great Company เท่าที่โลกเคยมีมาครับนี่ก็เป็นหมดเรียนจากหนังสือ Good to Great ของคุณ Jim Collins นะครับNo.1 Best Sellerหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่หากคุณผู้ฟังอยากจะบริหารธุรกิจให้ประสบความสำเร็จ หรือบริหารชีวิตด้านการทำงานผมว่าทุกท่านควรจะรู้จักหนังสือเล่มนี้แต่บ้านเรายังไม่ได้เอามาแปลครับผมก็เลยเอามาทำให้คุณผู้ฟังผมหวังว่าคุณผู้ฟังที่กำลังฟังคลิปนี้อยู่มองเห็นวิสัยทัศน์บางอย่างที่จะเกิดขึ้นในชีวิตของท่านต่อจากนี้ได้และถ้าคุณผู้ฟังฟังมาจากตรงนี้ก็ขอบคุณและเป็นกิจ เกียจมากครับที่ได้มาเรียนดูด้วยกันและเช่นเคยครับหาคุณฟังอยากใช้เวลาเรียนดูให้ลึกซึ้งกว่านี้คุณฟังสามารถซื้อนังสือเล่มนี้ได้จากThe Library Shop นะครับนังสือทุกเล่มในร้านเป็นหนังสือที่พวกเราคัดเลือกมาให้และอยากให้ทุกท่านได้อ่านสักครั้งในชีวิตครับหรือถ้าคุณฟังอยากเรียนดูผ่านการฟังครับคุณฟังสามารถใช้แอปพลิเคชัน Storytel ในราคาพิเศษนะครับผมจะทิ้งลิงค์ไว้ให้ข้างล่างเช่นกัน เรามีความเชื่อในการสร้างสังคมเป็นการเรียนรู้เหมือนกันครับและในวันนี้ครับได้เวลาอันสมควรแล้วทีมงาน The Library และตัวผมเองขอลาไปก่อน ขอให้วันนี้เป็นวันที่ดีของทุกท่านครับ สวัสดีครับ