บันทึกการบรรยายเรื่องการเกิดกระแสประสาท

ระยะต่าง ๆ ในกราฟความต่างศักย์

• มีการแบ่งระยะขั้นตอนที่ 1 ถึง 5
• เริ่มที่ระยะพัก (Resting State) ค่าความต่างศักย์อยู่ที่ -70 มิลลิโวลต์

Resting State

• ช่องโซเดียมและโพแทสเซียมปิดอยู่
• โซเดียมโพแทสเซียมปั๊มทำงานเพื่อรักษาค่าความต่างศักย์

Depolarization

• แรงกระตุ้นทำให้ค่าความต่างศักย์เพิ่มขึ้น
• โซเดียมช่องเปิดทำให้โซเดียมไอออนแพร่เข้าสู่เซลล์

Rising Phase

• ค่าความต่างศักย์เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
• เมื่อถึงระดับเทโฉด (Threshold) จะเกิด Action Potential

Action Potential

• เกิดเมื่อเซลล์ประสาทถึงจุดเฉพาะที่เรียกว่า Action Potential
• ระยะนี้มีการหลุดไปที่จุดสูงสุด (Peak)

Repolarization (Falling Phase)

• หลังจาก Action Potential ค่าความต่างศักย์จะลดลง
• โซเดียมช่องปิดและโพแทสเซียมช่องเปิดทำให้โพแทสเซียมไอออนออกจากเซลล์

Undershoot

• ค่าความต่างศักย์ต่ำกว่าระดับ Resting Potential
• เกิดจากการที่โพแทสเซียมช่องปิดช้า

All or None Principle

• การกระตุ้นเซลล์ประสาทต้องถึงระดับ Threshold จึงจะเกิด Action Potential
• ไม่ว่าจะแรงกระตุ้นมากหรือน้อย ถ้าไม่ถึง Threshold จะไม่เกิด Action Potential

Summation

• การกระตุ้นหลายครั้งที่เข้ามาอย่างต่อเนื่องสามารถทำให้เกิด Action Potential ได้

ระยะดื้อ (Refractory Period)

• เป็นช่วงที่เซลล์ไม่สามารถตอบสนองต่อการกระตุ้นใหม่ได้
• ช่วยป้องกันไม่ให้กระแสไหลย้อนกลับ

ความเร็วในการนำกระแส

• ขนาดของ Axon และการมีหรือไม่มี Myelin Sheath มีผลต่อความเร็ว
• Axon ที่มี Myelin จะนำกระแสได้เร็วกว่าแบบไม่มี Myelin

การนำกระแสแบบ Continuous และ Saltatory

• Continuous Conduction: ไหลอย่างต่อเนื่อง ไม่มี Myelin
• Saltatory Conduction: กระโดดจาก Node to Node โดยมี Myelin

ปัจจัยที่มีผลต่อความเร็ว

• ขนาดเส้นผ่าสูญกลางของ Axon
• อุณหภูมิ
• การมี Myelin Sheath

หมายเหตุ:

• ให้ความสำคัญกับภาพรวมของกราฟและการกระตุ้นในแต่ละระยะ
• ต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของเซลล์ประสาทและการเกิด Action Potential เพื่อการทดสอบในอนาคต
• ควรทำการทบทวนและศึกษาเพิ่มเติมในประเด็นที่สำคัญ เช่น ระยะต่าง ๆ ของกราฟความต่างศักย์ และการเปิดปิดของ Ion Channels