Transcript for:
ทฤษฎีจิตสังคมของอิริคสัน

ทฤษฎีจิตสังคมของอิริคสัน ได้แบ่งการพัฒนาของคนไว้ 8 ระยะ ตั้งแต่เกิดจนตาย โดยในแต่ละระยะ มนุษย์มีความต้องการและตั้งคำถามแตกต่างกัน อีกทั้งยังต้องพบปะผู้คน ที่จะเข้ามามีบทบาทต่อพฤติกรรม และการเรียนรู้ของเราต่างกันด้วย 1) ความไว้วางใจ - ความไม่ไว้วางใจขั้นพื้นฐานของทารก (1-2 ปี) เมื่อแบเบาะ เราตั้งคำถามกับตัวเองว่า “เราจะไว้วางใจสิ่งต่าง ๆ ในโลกใบนี้ได้หรือไม่?” หรือ “จะมีความปลอดภัยสำหรับเราหรือไม่?” เราเรียนรู้ว่าถ้าเราสามารถไว้ใจใครสักคนได้ในเวลานี้ เราก็จะสามารถไว้ใจคนอื่น ๆ ได้ในอนาคต ถ้าเรารู้สึกกลัว เราก็จะเริ่มรู้สึกคลางแคลงสงสัย และไม่ไว้ใจสิ่งต่าง ๆ ผู้ที่มีบทบาทต่อพัฒนาการของเด็กในช่วงนี้มากที่สุดคือ คุณแม่ 2) ความเป็นตัวของตัวเองอย่างอิสระ - ความละอายและความสงสัยในตัวเองของเด็กปฐมวัย (2-4 ปี) ในช่วงปฐมวัย เราเริ่มรู้จักค้นหาตัวเอง และสังเกตร่างกายของเรา เราตั้งคำถามว่า “เราเป็นตัวของตัวเองได้หรือไม่?” หากเราได้รับอนุญาตให้ค้นหาตัวเอง เราก็จะเริ่มเกิดความเชื่อมั่นในตนเอง แต่ถ้าไม่ได้รับโอกาสนั้น เราก็อาจรู้สึกละอายและเกิดความสงสัยในตัวเอง ทั้งคุณพ่อและคุณแม่ต่างมีบทบาทสำคัญต่อเด็กในช่วงนี้ 3) การเป็นผู้ริเริ่ม - ความรู้สึกผิดของเด็กวัยก่อนเข้าโรงเรียน (4-5 ปี) เด็กในวัยนี้จะเริ่มมีความคิดริเริ่มเป็นของตนเอง รู้จักลองสิ่งใหม่ ๆ และเรียนรู้หลักการง่าย ๆ ทั่วไป เช่น สิ่งของทรงกลมกลิ้งได้ เราจะเริ่มถามว่า “เราทำแบบนี้ได้มั้ย?” ถ้ามีคนกระตุ้นหรือสนับสนุนในสิ่งที่เราทำ เราก็จะเกิดความสนใจในสิ่งที่เราทำ แต่ถ้ามีคนห้ามหรือบอกว่าสิ่งที่เราทำนั้นไม่ถูกต้อง เราก็จะรู้สึกผิด ในช่วงวัยนี้ เด็กจะเรียนรู้จากสมาชิกทุกคนในครอบครัว 4) ความพากเพียรอุตสาหะ - ความรู้สึกอ่อนด้อยในเด็กวัยเรียน (5-12 ปี) ในช่วงนี้ เราจะเริ่มค้นหาความสนใจของตัวเอง และเรียนรู้ว่าเราแตกต่างจากคนอื่น ๆ เราต้องการจะแสดงให้ผู้อื่นเห็นว่า สิ่งที่เราทำนั้นถูกต้อง เราจะตั้งคำถามว่า “เราจะอยู่รอดในโลกใบนี้หรือไม่?” ถ้าเราได้รับกำลังใจและคำชื่นชมจากเพื่อนหรือครู เราก็จะเกิดความพากเพียรอุตสาหะ แต่ถ้าเราถูกตำหนิมากเกินไป เราก็จะเริ่มรู้สึกด้อยค่าและขาดแรงผลักดัน คนรอบตัวและโรงเรียน เข้ามามีบทบาทสำคัญที่สุดต่อเด็กในช่วงนี้ 5) การสร้างอัตลักษณ์ - ความสับสนในหน้าที่ในสังคมในช่วงวัยรุ่น (13-19 ปี) ในช่วงวัยรุ่น เราเริ่มเข้าใจว่าทุกคนต่างมีหน้าที่ในสังคม หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นทั้งเพื่อน นักเรียน เด็ก และพลเมือง หลายคนมักเกิดความสับสนเกี่ยวกับอัตลักษณ์ และตัวตนในช่วงนี้ หากผู้ปกครองปล่อยให้เด็กได้ออกไปค้นหาตัวตน เด็กก็อาจค้นพบตัวเอง แต่ในทางกลับกัน หากพ่อแม่ห้ามปราม และบังคับให้อยู่ในกรอบกำหนดมากเกินไป เด็กก็อาจรู้สึกสับสนและหลงทางได้ ผู้ที่มีอิทธิพลสำคัญต่อเด็กในวัยนี้คือเพื่อน และคนที่เด็กนับเป็นแบบอย่าง 6) ความใกล้ชิดผูกพัน - ความอ้างว้างโดดเดี่ยวในช่วงวัยทำงาน (20-40 ปี) เมื่อเริ่มก้าวสู่วัยทำงาน เราจะเริ่มเข้าใจตัวเอง และเริ่มปล่อยวางความสัมพันธ์บางส่วนที่เราเคยสร้างไว้ เพื่อปรับตัวให้เข้ากับสังคม เราจะตั้งคำถามว่า “เรารักใครได้หรือไม่?” ถ้าเรามีความยึดมั่นกับความสัมพันธ์ในระยะยาว เราก็จะรู้สึกมั่นคง เรารู้สึกมั่นใจและมีความสุข แต่ถ้าเราไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิด สุดท้ายเราก็อาจรู้สึกโดดเดี่ยวและอ้างว้างได้ เพื่อนและคู่รักกลายเป็นศูนย์กลางของพัฒนาการในช่วงนี้ 7) การถ่ายทอดสู่คนรุ่นหลัง - ความคิดถึงแต่ตนเอง (40-65 ปี) เมื่อเราเริ่มเข้าสู่วัย 40 เราเริ่มรู้สึกสบายขึ้น รู้จักใช้เวลาว่างอย่างสร้างสรรค์ และอาจเริ่มสนใจช่วยเหลือสังคมมากขึ้น เราจะเริ่มคิดถึงการถ่ายทอดสิ่งต่าง ๆ ให้กับคนรุ่นต่อไป ถ้าเรารู้สึกว่า เราสามารถถ่ายทอดสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้กับคนรุ่นหลังได้ เราก็จะรู้สึกมีความสุข แต่ถ้าเราไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ในช่วงชีวิตก่อนหน้าได้ เราก็อาจกลายเป็นคนมองโลกในแง่ลบ และเริ่มนึกถึงแต่ตนเอง ไม่สนใจคนรอบข้าง ผู้ที่มีบทบาทต่อพัฒนาการมากที่สุดในช่วงนี้ คือคนที่บ้านและที่ทำงาน 8) ความพอใจในตนเอง – ความสิ้นหวัง (65 ปีเป็นต้นไป) เมื่อเราแก่ตัวลง เราเริ่มมองย้อนกลับไปในช่วงชีวิตที่ผ่านมา เราถามตัวเองว่า “ที่ผ่านมาเราเป็นยังไงบ้าง?” ถ้าเราคิดว่าเราใช้ชีวิตได้ดี เราก็จะรู้สึกพอใจและสมบูรณ์ แต่ถ้าเราไม่คิดเช่นนั้น เราก็จะรู้สึกสิ้นหวังและกลายเป็นคนขมขื่นและขี้หงุดงิด ถึงเวลาประเมินตัวเองเทียบกับมนุษยชาติแล้ว อิริค อิริคสัน นักจิตวิทยาชาวเยอรมัน-อเมริกัน และภรรยา โจแอน เป็นที่รู้จักจากงานเกี่ยวกับพัฒนาการด้านจิตสังคม เขาได้รับอิทธิพลจากซิกมุนด์และแอนนา ฟรอยด์ และมีชื่อเสียงในฐานะที่เป็นผู้ริเริ่มคำว่า “วิกฤตอัตลักษณ์” (identity crisis) และแม้ว่าเขาไม่เคยมีปริญญาสักใบ แต่เขาก็ได้เป็นศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและเยล