สวัสดีครับผู้ชม ผมนัทนะครับ ในวันนี้พวกเราก็กลับมาอยู่กับติวให้เป็น เป็นไม่ยาก EP.2 นะครับ ซึ่งใน EP. นี้ผมก็จะมาพูดถึง Active Recall หรือการติวหน่วยสื่อที่ทุกคนมันโลกยอมรับว่าเป็นการติวที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดครับผม ซึ่งในวีดีโอก่อนหน้านี้ ผมพอบอกก่อนนะครับผม ว่าคราวก่อนพวกเราก็ได้พูดถึงว่า ทำไมการไฮไลท์ การทำชีสสรุป แล้วก็การอัดซำนั้น เป็นวิธีการติวที่ไม่ได้มีประสิทธิภาพมากขนาดนั้น และหากเพื่อนๆ หรือพี่ๆ ใครตรงใส่ ก็สามารถกลับไปดูคลิปเก่าได้นะครับ ผมจะทิ้งลิ้งค์ไว้ใน Description ก็เอาละครับผม ในวีดีโอวันนี้ พวกเราก็จะพูดถึงเรื่องต่อไปนี้ครับ อย่างแรกผมจะเริ่มจากการบอกเพื่อนๆพี่ก่อนว่า Active Recall คืออะไร และมันมีความเกี่ยวข้องกับ Active Revision ที่ผมได้พูดถึงในคลิปเก่ายังไงครับผม อย่างที่สองอยากพูดถึงก็คือ การที่ผมนำ Active Recall ไปใช้ในการเรียนการอ่านหนังสือเนี่ยครับผม มันได้ส่งผลให้ชีวิตผมในการเรียนนั้นมันสบายขึ้น และก็ทำให้ผมทำคะแนนได้ดีขึ้นขนาดไหน สาม จะมาแจ้งให้เพื่อนเพื่อนเห็นนะครับว่า Active Recall นั้นเป็นวิธีที่ได้ผลจริงจริงโดยการยกตัวอย่าง Research Paper ต่างๆ ให้เพื่อนเพื่อนทราบครับผมว่าเป็นยังไง สุดท้ายผมก็จะพูดถึงว่าเพื่อนเพื่อนสามารถนำ Active Recall ครับผมไปไปยุบใช้ตัวเองได้ยังไง ด้วยการยกตัวอย่างวิธีการติว 3 แบบที่เป็นเพื่อนสามารถนำไปใช้ได้อย่างง่ายๆครับ เอาละครับเพื่อนๆ ตอนนี้ผมจะมาพูดให้เพื่อนๆ ฟังนะครับว่า Active Recall นั้นคืออะไร ก่อนที่เพื่อนๆ ทุกคนจะทำความเข้าใจ Active Recall ครับผม ต้องเข้าใจก่อนว่าการติวนั้นฝึกแบ่งมาเป็น 2 ประเภทด้วยกัน ซึ่งประเภทแรกก็คือการติวแบบ Passive ซึ่งก็คือกลุ่มวิธีการติวหนังสือที่ไม่ได้ใช้สมองเราขนาดนั้น เป็นการอ่านแบบผ่านตาไม่ได้ใส่ใจรายละเอียด ซึ่งก็จะเป็นการที่ทำให้เพื่อนๆ นั้นไม่สามารถจดจำรายละเอียดหรือว่าจำเนื้อหาอะไรได้มากขนาดนั้นครับผม ซึ่งผิดกับการติวแบบ Active คือการติวแบบ Active ก็จะรวม Active Recall อยู่ครับครับผม ซึ่งการติว Active นั้นก็จะเป็น Category 1 ของการติว เป็นการติวประเภทหนึ่งนะครับผม ที่จะเป็นการพยายามดึงให้สมองเราทำงานตลอดเวลา เช่น เวลาเพื่อนๆอาจเอสเซอยู่ การติดต่อ Passive ก็จะเป็นให้เพื่อนๆอาจเอสเซไปอย่างนั้น แต่ไม่ได้ทำความเข้าใจอะไรเลย แต่การติดต่อ Active จะเป็นการที่เพื่อนๆอาจเอสเซพยามวิเคราะห์ต่อยอดข้อมูลที่เขาให้มา ดังนั้นจะเสริมให้เพื่อนๆเข้าใจกับเนื้อหากข้างในได้มากขึ้น และจะนำพามาซึ่งการที่เพื่อนๆเข้าใจและจดคำเนื้อหาได้มากยิ่งขึ้นในที่สุดครับ เอาละครับ หลังจากที่เพื่อนๆทุกคนทำความเข้าใจ Active Recall ไปแล้ว ผมก็จะพูดให้เพื่อนๆฟังครับว่า หลังจากที่ผมได้นำ Active Recall ไปใช้ตัวเองในชีวิตการเรียนปกติเนี่ยครับผม มันส่งผลยังไงกับผมบ้าง คืออย่างแรกเลยที่ผมเห็นได้ชัดก็คือผมรู้สึกว่าผมไม่ได้เสี่ยวเวลากับการอ่านหนังสือมากขนาดนั้นนะครับผม เมื่อก่อนครับผมก็ต้องยอมรับนะครับว่าผมเองก็ไม่ได้เป็นคนที่เรียนเก่งอะไรมากขนาดนั้นครับ แล้วก็เหมือนบางเนื้อหาบางอย่างว่าเป็นเรื่องยากจะเข้าใจเพราะมันเป็นเรื่องที่แอบสตรัคหรือเข้าใจได้ยากและจับต้องไม่ได้นะครับผม แล้วผมก็ได้ใช้เวลากับการอ่านหนังสือหลายชั่วโมงเลยครับต่อวันแต่มันก็ไม่ได้ช่วยผมประจายมากขึ้นได้ขนาดนั้นเลยครับ แต่อย่างนั้นก็ตาม เมื่อผมได้เจอ การใช้ Active Recall ผมก็เลยได้ลองใช้ดูครับผม และหลังจากให้ผมได้ใช้ Active Recall นั้น ผมก็รู้สึกว่าตัวเองสามารถติวหนังสือให้เข้าหัวได้ด้วยเวลาที่น้อยลงอย่างมาก ให้เปรียบเทียบก็คือ เมื่อก่อน ใช้เวลาติวหนังสือเป็นชั่วโมง แต่ตอนนี้ผมก็ใช้เวลาประมาณ 30-50 นาทีเป็นอย่างมากครับผม และในการติวแบบนั้นครับผม เพื่อนๆอาจจะคิดว่าการติวน้อยเนี่ยมันอาจจะส่งผลเสียบกับเราหรือเปล่า แต่ผมบอกเลยครับว่ามันส่งผลดีกับผมมาก เพราะผมก็ไม่ต้องเครียดกับการติวหนึ่งๆหนักๆ แถมคะแนนในห้องเนี่ยผมก็ดีขึ้นมากๆด้วยครับผม เพราะว่า Active Recall นั้นมันช่วยให้ผมเข้าใจเนื้อหามากขึ้น โดยการฝึกให้ผมวิเคราะห์ต่อยอด และนำไปประยุกต์ในบริบทต่างๆ เพื่อเป็นการสนับสนุนสิ่งที่ผมเพิ่งได้พูดไปเมื่อกี้นะครับ ผมก็จะขออ้างอิงถึง Research Paper ของสัตว์อาจารย์ดันล็อคกี้ ซึ่งผมได้ยกตัวอย่างไปในวีโอที่แล้ว แต่คราวนี้มายกตัวอย่างอีกส่วนหนึ่งของ Research Paper ที่กล่าวถึง Active Record ครับ ก็สัตว์อาจารย์ดันล็อคกี้ท่านก็ได้พูดว่า จากหลักฐานที่พวกเราได้รวบรวมมา พวกเราได้พิจารณาให้การซ้อมทำข้อสอบเป็นวิธีการติวที่ได้ผลมาก และผลลัพธ์ตรงนี้ถูกพบในกลุ่มกดปลองที่มีอายุไม่เท่ากัน และที่ทำข้อสอบซ้อมในรูปแบบที่แตกหากัน และถึงแม้ว่าการทำข้อสอบซ้อมนั้นจะไม่กินเวลามากสำหรับการติวด้วยวิธีอื่นๆ พวกเราก็ได้ความสรุปว่ามันเป็นวิธีการติวที่ประสิทธิภาพ เพราะเป็นวิธีที่เหมาะสมสำหรับทุกคนครับผม สัตว์อาจารย์ดันล็อสกี้นั้นคุณผ่อนต้องบอกต่อเลยนะครับว่าวิศัยสมิตรเขานั้นเป็นที่ยอมรับจริงๆ การติวคำข้อสอบพร้อมนั้นได้กว่ามากที่สุด นั่นเช่นที่ทุกคนได้กล่าวนะครับผม และถ้าเพื่อนๆอ่านอีกทีใน conclusion ส่วนสรุป สัตว์จารย์นันล็อสกี้ก็จะอธิบายให้ฟังว่าทำไมการทำข้อสอบซ้อมนั้นได้ผลไหมที่สุด หรือหากเราเปลี่ยนคำพูดของสัตว์จารย์นันล็อสกี้นะครับ การทำข้อสอบซ้อมก็แปลว่า Active Recall นั่นเอง ก็หลังจากที่ผมได้พูดไปนะครับ ผมก็เข้าใจดีว่าเพื่อนๆเองก็ยังผมรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจกับวิธี Active Recall อยู่เท่าไหร่ เพราะผมเพียงๆได้ชินจากคนอินเทอร์เน็ตคนเดียวอย่างผมเท่านั้น แต่ผมก็รู้ดีนะครับว่าการที่เราจะเลือกวิธีการติดต่อใดเนี่ย มันอยู่ที่ความเชื่อมั่นของเราว่าวิธีนั้นจะได้ผลหรือเปล่า และเมื่อรู้จุดนี้ผมก็เลยได้เตรียม Research Paper อีก 3 ตัวอย่างมาให้เพื่อนๆฟัง ทั้งหมดเป็นการทำทดลองและมีผลลัพธ์ที่ชันเจนว่าการทำ Active Reformed นั้นได้ผลดีที่สุดครับผม ก็ไปฟังกันเลยครับ ก็ Research Paper แรกที่ผมจะมาพูดถึงนะครับผมก็คือเป็น Research Paper ของคุณ Herbert Spicer ในปี 1939 หรือช่วงส่วนภาพละกลางที่ 2 เนี่ยแหละครับ ก็คือ Herbert Spicer นั้นเขาก็ได้นำกลุ่มเด็กมาหลายหลายคนครับผม เขาก็ได้นำมาสอนหนังสือ แล้วก็จะมีควิสให้แต่ละคนสอบในตอนสุดท้าย เพื่อเป็นการวัดว่าสามารถตอบคำถามถูกเท่าไหร่ ก็จะมาเป็นตัวชีวัตรว่าวิธีการติดแบบไหนดีที่สุดครับ เพราะว่าคุณเฮเบิร์ตนั้นได้แบ่งกลุ่มเด็กทั้งหมดเป็น 2 กลุ่มครับผม กลุ่มแรกก็คือกลุ่มที่ติวหนังสือด้วยวิธีปกติที่เขาได้จัดไว้ให้ ส่วนกลุ่มที่ 2 ก็เป็นเด็กที่ติวด้วยวิธีเดียวกันนี่แหละครับผม แต่จะมีเพิ่มมาก็คือการฝึกทำข้อสอบซ้อม และผลที่เด็กกลุ่มแรกได้จากการควิสต์นี่ก็คือ กลุ่มที่ 2 ที่เด็กทำคะแนนได้ก็จะประมาณนี้ครับผม แล้วก็เป็นอย่างที่เพื่อนๆ เห็นนะครับ เด็กที่อยู่ในกลุ่มที่ 2 นั้นที่ได้ทำประสบคลอมครับผม หรือได้ใช้วิธีการติวแบบ Active Recall เพิ่มเติมจากวิธีการติวเดิม เขาจะทำคะแนนได้มากขึ้น 10-15% เลยนะครับ ซึ่งผมรู้สึกว่ามันเป็นตัวอย่างที่ดีเลยครับผม ในการแสดงเพื่อนๆ เห็นว่าการติวแบบ Active Recall นั้นได้ผลจริงๆ ครับ ใน Research Paper 2 ที่ผมจะมาพูดถึงนะครับผม ก็เป็น Research Paper ของคุณ Andrew Butler ซึ่งถูกทำขึ้นในปี 2010 ก็จะหมายว่าของคุณ Herbert มาสิบหน่อยนะครับ ก็ใน Study นี้ครับผม ต้องบอกกันเลยว่ามันคล้ายๆ คุณ Herbert ตรงที่คุณ Andrew ก็ได้แบ่งนักเรียนออกเป็น 2 คลุปด้วยกัน กลุ่มแรกก็คือการใช้วิธีติวแบบปกติ ซึ่งอาจจะรวมถึงการติว Highlight ที่สรุปการอ่านซ้ำด้วยกันนะครับ ส่วนกลุ่มที่ 2 ก็จะเป็นนักเรียนที่ใช้การติวแบบนั้น แต่มีเพิ่มเติมก็คือการทำคอสตอบสารครับ อย่างไรก็ตาม ที่น่าสนใจใน Study นี้ก็คือ คุณ Andrew นั้นได้ทำการสดสอบที่ครอบคลุมไปถึงกัน จดจำ Memorize Facts หรือว่าจะจดจำคอสเท็จจิ้งต่างๆ แล้วก็การทำความเข้าใจ Conceptual Idea ครับผม ซึ่งคะแนนของนักเรียนกลุ่มแรกที่ได้ใช้การติวแบบปกติเพียงอย่างเดียวก็จะมีอย่างนี้ครับ ส่วนกลุ่มที่ 2 ที่ได้ใช้วิธีการติวแบบปกติพวกๆการทำคอสตอบซ้อมก็จะประมาณนี้ครับ ก็เพื่อนๆ ก็คงจะเห็นนะครับผมว่า นักเรียนกลุ่มที่ 2 ทำคะแนนได้ดีกว่ากลุ่มแรกมากถึงประมาณ 30% โดยเฉลี่ยเลยนะครับ ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นอีกตัวอย่างที่แสดงให้เพื่อนๆ เห็นนะครับผมว่า Active Recall นั้นมีประสิทธิภัพจริงๆ ครับผมในการทำให้เพื่อนๆ ทำคะแนนและก็สอบได้ดีขึ้น เอาละครับผม Research Paper ที่ 3 ที่พวกเราจะมาพูดถึงกันนะครับ ก็คือ Research Paper ของกลพลายกับร้อนท์ในปี 2011 ครับ ซึ่ง Research Paper นี้ก็ต้องบอกครับผมว่าเป็น Research Paper ที่มีเอกลักษณ์ของตัวเอง ก็แทนที่จะแบ่งนักเรียนออกเป็น 2 กลุ่ม เขาก็กลับได้แบ่งนักเรียนออกเป็น 4 กลุ่มด้วยกันครับผม โดยแต่ละกลุ่มก็จะใช้วิธีการติวที่แตกต่างกัน เพราะว่าคุณพระพัยกับรัฐเนี่ย เขาอยากจะแนกเห็นเลยว่า วิธีการติวไหนเนี่ยมันดีกว่าหรือแย่กว่ากัน อย่างชัดเชียงครับผม โดยนักเรียนกลุ่มแรกก็จะใช้การติวแบบอ่านมันสื่อแค่รอบเดียวแล้วทำการทดสอบเลย กลุ่มที่ 2 ก็จะเป็นนักเรียนที่อ่านแล้วก็อ่านซ้ำหลายๆรอบก่อนทำตัดสอบ กลุ่มที่ 3 ก็จะเป็นอ่านไปครั้ง 2 ครั้งแล้วก็ทำ Mind Map ไปด้วย และกลุ่มสุดท้ายก็จะเป็นนักเรียนที่ใช้การติวแบบ Active Refor ในการจำแล้วก็ค่อยๆเป็นทางตัดสอบครับ จึงการทำ Active Refor ในที่นี้อาจจะหมายถึงการที่นักเรียนอ่านแล้วก็พยายามปิดโน้ต พยายามเขียนโดยตัวเองจะจำได้ครับผม จำเนื้อหาได้ทั้งหมดนะครับ และผลลัพธ์ของการ Study นี้ก็คืออย่างที่พวกเราพาดไว้ครับผม กลุ่มนักเรียนที่ทำคะแนนได้มากที่สุดก็คือกลุ่มนักเรียนที่ใช้วิธีการดูแบบ Active Record ที่ 2 ก็จะเป็นการดูแบบการอ่านซ้ำครับผม ก็คืออ่านโน้ตหลายๆรอบก็จะได้คะแนนลงมา การทำ My Map ก็จะทำให้นักเรียนได้คะแนนเป็นกลุ่มที่ทำ My Map ก็จะได้เป็นที่ 3 ครับผม และกลุ่มที่ได้คะแนนน้อยที่สุดก็จะเป็นกลุ่มที่ใช้การอ่านแค่ครั้งเดียวแล้วทำข้อสอบ การทำสตรีด์ของคุณขับไพรกับบรันด์ ได้แสดงให้เราเห็นว่า แค่การที่เราทำ Active Recall ครั้งเดียว ก็ทำให้เราได้เปรียบกับคนอื่นๆ ที่ใช้วิธีการติวอื่นๆ ได้มาก เพราะลองนึกดูสิครับว่าถ้าสมมุติเพื่อนๆเนี่ยใช้เวลาการติวห��ายชั่วโมงกับการอ่านบังสือเป็นผ่านนะครับผม HIGHLIGHT หรืออะไรอย่างนี้ แต่กับมีเพื่อนอีกคนหนึ่งในห้องเพื่อนที่ใช้วิธีการติวแอคทิฟต์รีคอร์ และสามารถติวทุกอย่างได้ภายในครึ่งชั่วโมง แถมได้คะแนนในห้องดีกว่าเพื่อนๆอีกด้วย เพื่อนๆทุกคนคงจะรู้สึกแล้วใช่ไหมครับว่าเพื่อนๆที่ใช้แอคทิฟต์รีคอร์นั้นมีข้อได้เปรียบกับเพื่อนอยู่หลายอย่าง แต่ถ้าหากเพื่อนๆยังรู้สึกไม่ค่อยมั่นใจกับ Active Recall ในการที่จะช่วยให้เราเข้าใจเนื้อหาได้มากขึ้น ผมก็มีตัวอย่างที่จะคุณคำถามให้กับร้านต่อ ในข้อสอบที่เขาเรียกว่า Influence Test ซึ่งข้อสอบ Influence Test เป็นข้อสอบที่จะให้นักเรียนฝึกทราบการว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปในเหตุการณ์ที่เขายกตัวอย่างมาให้ โดยอ้างอิงจากข้อมูลที่เขามีให้มันแต่อะไร นำมาต่อย่อนเนี่ยหรอครับ และในเมื่อการที่เราจะทำข้อสอบแบบนี้ให้ได้คะแนนดีครับผม มันต้องอาศัยความสามารถในการเข้าใจเนื้อขาจริงจริงแล้วก็จดจำเนื้อขาได้ด้วย และในเมื่อผลลำออกมาว่าคนที่ติวแบบ Active Recall นั้นได้คะแนนมากที่สุด ผมคิดว่ามันก็เป็นตัวใหญ่ชัดเจนที่ชี้ให้เพื่อนเพื่อนเห็นว่าการติว Active Recall นั้นไม่เพียงแหละช่วยเพื่อนเพื่อนจำเนื้อขาได้อย่างรวดเร็ว แต่จะสามารถเสริมให้เพื่อนเพื่อนเข้าใจเนื้อขาได้จริงจริงด้วย ก็ผมหวังว่าตัวอย่าง study ผมยกตัวอย่างไปถึง 3 อันครับผม จะทำให้เพื่อนๆรู้จักและก็มั่นใจ Active Recall มากขึ้น และในเมื่อพวกเราก็ได้สรุปไปกันแล้ว ตั้งแต่ต้นว่า Active Recall นั้นเป็นวิธีการติวหนังสือที่ได้ประสิทธิภาพมาก ผมก็จะมาแนะนัดเพื่อนๆว่าเพื่อนๆสามารถนำ Active Recall นั้นไปประยุกต์กับตัวเองได้ยังไง ก็มี 3 วิธีให้เลือกครับผม อย่างแรก พี่ๆ ก็สามารถทำ flash graph ต่างๆ ได้ เช่น พี่ๆ อาจจะเขียนฝั่งหนึ่งว่าคำจับที่พี่ๆ จะจำคือคำว่าอะไร ส่วนอีกฝั่งหนึ่ง พี่ๆ ก็อาจจะเขียนความหมายของคำ หรือความหมายคำอธิบายกับคอนเซ็ปต์ที่พี่ๆ อยากตรวจจำให้ได้ แล้วเพื่อนๆ ก็อาจจะดูฝั่งหนึ่งก่อน แล้วก็พยายามท่องกับตัวเองว่าอีกฝั่งหนึ่งว่าอะไร แล้วก็ตรวจดูว่ามันถูกหรือผิดยังไงครับผม วิธีที่สองครับผมเพื่อน ผมบอกเลยว่าชื่อเท่มากมากเลยนะครับ เขาเรียกว่า Close Book Spider Diagram ครับ หรือถ้าชื่อบ้านบ้านก็คือ Mind Map นั่นแหละครับผม คือตอนแรกคุณคภาอีกนะครับผม ก็ได้บอกว่าการทำ Mind Map นั้นไม่ได้ผลมากที่สุดใช่ไหมล่ะครับ แต่ถ้าหากเรานำ Mind Map นั้นไปใช้รวมกับ Active Recall มันจะได้ผลมากๆเลยนะครับผม ซึ่งเพื่อนๆก็อาจจะเขียน Mind Map ก่อนตอนแรก สรุปเนื้อหาทั้งหมดก่อนเป็นในรูปแบบที่เพื่อนๆจะเข้าใจ แต่แล้วเพื่อนๆก็ลองอ่าน Mind Map นั้นนะครับผม แล้วก็พยายามหาความเชื่อมโยงของคอนเซ็ปต์ต่างๆ และให้เขาจดจำมันครับผม แล้วก็ปิดหนังสือ แล้วเพื่อนๆก็ลองออกมาเขียน Mind Map ใหม่หมดตั้งแต่เริ่มดูครับผมว่า ถ้ามันเหมือนกันก็แปลว่าเพื่อนๆจดจำเนื้อหาดังได้แล้วครับ ตัวเลขที่ 3 ครับผมก็อาจจะเป็นที่เพื่อนๆหลายคนอาจจะรู้จักกันเป็นอย่างดี ซึ่งก็คือการเขียน Poinnell Notes ก็คือเป็นรูปแบบการเขียน Notes ที่เป็นอย่างนี้ครับ แต่พวกเราจะนำมาปรับรูปแบบกันครับผม ก็คือแทนที่เพื่อนจะเขียนเป็นคํา เป็นคําโน้ตปกติ ชอตโน้ตตามที่อาจารย์พูด ผมอยากให้เพื่อนเพื่อนเขียนแบบนั้นไปก่อนครับผม แต่กลับมาบ้านทุกเพื่อนมาลองเปลี่ยนทั้งหมดนั้นเป็นคําถาม ให้เพื่อนเพื่อนฝึกคําครับผม เช่น เพื่อนๆ สมมุติว่าเพื่อนๆ จดในห้องว่า A เป็น B ผมอยากให้เพื่อนๆ กลับมาเขียนที่บ้านว่า เป็นคำถามว่า B คืออะไร เพื่อนๆ อาจจะตอบว่า A แบบนี้ก็ได้ครับผม แล้วมันก็จะช่วยให้เพื่อนๆ เข้าใจเนื้อหาได้ เพราะเพื่อนๆ จะฝึกอธิบายคำ เหลือคอนเซ็ปต์ในรูปแบบใหม่ๆ หรือว่าจะฝึกทำโจทย์ นึกมันเป็นการที่พยายามดึงข้อมูลจากสมองเพื่อนๆ และนั่นก็จะเป็นการเสริมความจำของเพื่อน และความเข้าใจได้เป็นอีกดีครับ ก็ฟังเงินมาขนาดนี้แล้วนะครับผม วันนี้ผมก็อยากให้เพื่อนทุกคน หรือเฉพาะคนที่มีสอบ หรือต้องอ่านหนังสือคืนนี้ครับผม ลองนํา ไปใช้ดูนะครับผม เพราะผมสามารถยืนยันไม่เลยว่า การติดต่อ นั้นได้ผลจริงจริง เพราะในปีที่ผ่านมา การติดต่อ นั้นไม่เพียงให้ผม ย่นเวลาการดินหนังสือไปได้มาก แต่ก็ยังช่วยให้ผมได้เข้าใจเนื้อหา แล้วก็สามารถตอบคําถามต่างต่าง ในหลายหลายบริบทได้ดีขึ้นด้วยครับผม ก็เพื่อนๆคนไหนถูกใจคอนเทนต์แบบนี้ก็อย่าลืมกดไลค์กดสับสไครบ์ช่องเนอร์ดีนัดด้วยนะครับ พอทุกๆหนึ่งถึงสอดสัปดาห์ผมก็จะมาลงคอนเทนต์ใหม่ๆบนช่อง ซึ่งก็จะเป็นเกี่ยวกับการศึกษาหรือข้อมูลในการติวหนังสือที่น่าสนใจ ก็สำหรับวันนี้ขอบคุณนะครับ