สถานการณ์ธุรกิจ Grab และ Food Delivery

Aug 22, 2024

บทเรียนเกี่ยวกับ Grab

สถานะทางการเงินของ Grab

  • Grab ขาดทุนทุกออเดอร์ในช่วงที่ผ่านมา
  • ปัจจุบัน Grab เริ่มทำกำไรได้ ซึ่งถือเป็นบริษัทเดียวในวงการที่ทำกำไร
  • รายได้ของ Grab อยู่ที่ 15,000 ล้านบาท และมีการทำกำไร 500 ล้านบาท ในขณะที่คู่แข่งยังขาดทุน

โมเดลธุรกิจของ Grab

กลุ่มที่ Grab ต้องทำให้ Happy

  1. ลูกค้า (ผู้สั่งซื้อ)
  2. ร้านอาหาร
  3. Rider (ผู้ส่งของ)

วิธีการทำเงินของ Grab

  • คิดค่าบริการจากลูกค้าและร้านค้า
  • เริ่มเก็บค่าบริการที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงก่อนหน้าที่ให้บริการฟรี
  • ค่าบริการจัดส่งที่เคยต่ำเริ่มสูงขึ้นเนื่องจาก Grab ต้องการทำกำไร

การแข่งขันในตลาด

  • คู่แข่งหลายรายเริ่มล้มหายตายจากไปจากการขาดทุน
  • Grab สามารถขึ้นราคาบริการได้เพราะไม่มีการแข่งขันจากบริษัทอื่นๆ
  • ค่า GP (Gross Profit) ที่ร้านค้าเสียให้ Grab เพิ่มขึ้นเนื่องจากร้านค้ามีความจำเป็นต้องเข้าร่วมแพลตฟอร์ม

สถานการณ์ Rider

  • รายได้ของ Rider ลดลงจาก 40 บาทต่อรอบ เหลือ 28 บาท
  • มีการประท้วงจาก Rider เนื่องจากค่าจ้างลดลง
  • Grab ใช้มาตรการต่างๆ เพื่อลดค่าใช้จ่าย เช่น การทำงานแบบแบตช์ (Batch Jobs) เพื่อให้ Rider สามารถรับออเดอร์หลายๆ งานในครั้งเดียว

แนวโน้มของธุรกิจ Food Delivery

  • ธุรกิจ Food Delivery ยังคงอยู่ได้ แต่ราคาต้องปรับขึ้นเพื่อความยั่งยืน
  • ค่าบริการในอนาคตอาจอยู่ที่ประมาณ 50-100 บาท
  • Grab และบริษัทอื่นๆ จะต้องหาวิธีให้ทุกคนในระบบ Happy เพื่อความยั่งยืนของธุรกิจ

สรุป

  • ธุรกิจ Food Delivery กำลังเข้าสู่จุดสมดุลใหม่ โดยมีการปรับราคาที่เหมาะสมขึ้น
  • หากบริษัทไม่สามารถทำกำไรได้ อาจต้องออกจากตลาด ส่งผลให้เกิดการผูกขาดในอนาคต
  • Rider อาจมีแพ็กเกจเฉพาะสำหรับงานที่มีปริมาณสูงหรือต่ำเพื่อเพิ่มรายได้

หมายเหตุ: ในการตัดสินใจเลือกใช้บริการ แพลตฟอร์มต่างๆ ควรพิจารณาราคาและคุณภาพบริการเพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากการใช้บริการ.