Transcript for:
การสื่อสารด้วยคำแนะนำที่ดี

สวัสดีครับ เราเคยไหมครับ ที่บางครั้งเนี่ยมีคนมาตัดเตือนเรา ไม่ว่าจะเป็นคําพูดนะฮะ ข้อความ นะครับ นะครับ แต่พอเราอ่านไปแล้วเนี่ย เรารู้สึกว่า รู้สึกไม่ดีนะครับ รู้สึกเหมือนว่าทําไมเขามาว่ามาด่าเรานะครับ บางทีมาเน็บแนมกันแน็กกันแหน่นะครับ แต่พอเราถามเขาไปเนี่ย เขาก็ มัดจะบอกว่า เขาหวังดีนะครับ เพื่อให้เราเข้าใจ ให้เราเห็นภาพอีกมุมมองหนึ่งนะครับ ให้เราคิดให้ละเอียดก่อนนะครับ วัน เนี้ย ผม ก็เลย อยากจะ เอา เรื่อง เนี้ย มา เล่า ให้ ฟัง นะครับ ว่า เออ สําหรับ ผม ผม คิด ยังไง นะครับ รวม ทั้ง ที่ สําคัญ คือ ถ้าเราเจอแบบนี้นะครับเราควรจะต้องตอบสนองยังไงกับมันหรืออีกอย่าง หนึ่งก็คือถ้าเราจะเป็นคนเป็นแนะนำคนอื่นเขาเนี่ยนะครับเราควรจะต้อง มีคำแนะนำอย่างไรบ้างเพื่อที่จะให้เกิดประโยชน์แทนที่จะเกิดโทษหรือ ความคิดลบนะครับหรือปัญหาด่าทอต่อกันไปไม่จบสิ้นนะครับก็ลองฟังกันดู นะครับพบกับผมนะครับนายแพทย์ธนียธนียวัลนะครับเป็นอาจารย์แพทย์อยู่ที่ ประเทศอเมริกาเชี่ยวชาญโรคปอดการปลูกไถ่ป่อและวิกฤตมบัตินะครับ คอมเมนต์ เหล่านี้นะครับ หรือคำแนะนําเหล่านี้เนี้ย ผมคิดว่าทุกคนต้องเคยเจอนะครับ มันเป็นคอมเมนต์ที่ท็อกซิกนะครับ หรือเป็นพิษนะ หลายครั้งนะครับ เราจะเคยเห็นว่า เอออย่างเช่น คุณศึกษามาดีหรือเปล่า อ่า คุณคุณนะครับ ผมก็เจอนะครับ คุณศึกษามาดีหรือเปล่า คุณอ่านมาแน่เหรอ คุณเรียนมาสายนี้จริงหรือเปล่านะครับ คุณเป็นหมอใช่หรือเปล่านะครับ คําถามพวกเนี้ยนะครับ ต่อให้ว่า ทั้ง เนื้อ ความ เนี่ย เขา ต้องการ จะ สื่อ ความ หมาย ที่ มัน เป็น ประโยชน์ นะครับ แค่ ขึ้น ต้น ด้วย ประโยชน์ พวก เนี่ย มัน ก็ ทำ ให้ การ สื่อ สาร คุณ ล่ม ตั้งแต่ แรก แล้ว นะครับ ดัง นั้น ถ้า เกิด คน ไหน จะ สื่อ สาร แบบ นี้ นะ เข้า ใจ ไว้ เลย ต่อ ให้ คุณ มี เจตนา ดี แค่ ไหน ก็ ตาม เรา เจอ กัน บ่อย นะ ฮะ อีกตัวอย่างหนึ่ง ซึ่งเราเจอก็คือบางครั้งนะครับ เป็นการใช้สับแสงในทางวิชาการเพื่อที่จะมาทําให้ตัวเอง ดูเหมือนว่าเหนือกว่าอีกฝ่ายหนึ่ง ทําให้เขาเถียงไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น ที่ผมเจอบ่อยบ่อยเลยนะ การยกพุทธวจนะต่างต่าง สับแสงทางพุทธศาสนาต่างต่างนะครับ เออ ผมต้องบอกตรงตรงว่าผมเนี่ย ไม่ค่อยเชี่ยวชาญพุทธศาสนานะครับ เวลาที่ผมอ่านคอมเม้นต์หลายหลายคนที่ แนะนํามาเป็นพุทธศาสนาหลายอย่างเนี่ย ผมรู้สึกเหมือนว่า ตัว เขา เอง มี ความ ต้องการ จะ ข่ม คน อ่าน อย่าง นี้ เหมือน ว่า เฮ้ย เขา เก่ง แล้ว เขา ฉลาด เขา ไป อ่าน พุทธ ศาสนา มา แล้ว ก็ มี การ บอก ใบ้ ว่า เออ ลอง ไป ศึกษา ตรง นี้ ดู สิ คำ เพียร นั้น อัน นี้ ดู สิ นะ ครับ แต่ ผม ไม่ แน่ ใจ ว่า เจ้า ตัว นี้ เขา หมาย ความ ว่า อย่าง นั้น จริง หรือ เปล่า ยัง อะไร ก็ ตาม มัน เป็น การ แสดง ความ เห็น ที่ ทำ ให้ คน เนี่ย ไม่ ค่อย อยาก จะ ฟัง นะ ครับ เพราะ ว่า แน่ นอน ว่า ทุก คน ไม่ ชอบ คน อวด รู้ อวด ดี นะ ครับ เรา ชอบ คน ที่ เขา เอ่อ คุย กับ เรา เนี่ย ก็ ต้อง คุย ด้วย ความ จริง ใจ ไม่ ได้ ถือ ว่า ตัว เอง เหนือ กว่า เพราะ ไม่ ฉะนั้น มัน ก็ ไม่ มี ความ อยาก ฟัง ถูก ไหม ครับ นี่ คือ comment toxic ที่ เรา เจอ กัน หรือบางครั้ง อ่ะ พูดกับเรา หวังดีกับเราจริงจริง แต่มันเป็นการพูดต่อหน้าสาธารณะ มันทําให้เราเสียหน้านะครับ หรือเขียนต่อหน้า ทีนี้ ทําให้เราเสียหน้า ซึ่งถ้าทําแบบนี้เนี่ยนะครับ ทุกคนก็คงไม่อยากจะฟังคําแนะนําเหล่านั้นละ นะฮะ มันเป็นคําแนะนําซึ่งแบบ ดูเหมือนจะดีเนอะ แต่มันไม่ดีนะฮะ หรือบางครั้งเนี่ยเป็นการระบายอารมณ์ นะ ระบายอารมณ์สักอย่างหนึ่งเนี่ย ที่เขาเห็นไม่ตรงกับเรา ปุ๊บเนี่ย เขาก็ระบายอารมณ์ทันทีนะครับ บางคนเนี่ย มันไม่ได้เป็นเพราะว่าเขาเป็นแบบนั้นนะ แต่ว่าเขาชินนะ เขาไม่ได้ตั้งใจจะด่าหรือว่าอะไรคุณนะครับ ไม่ได้ตั้งใจว่าอะไรเลย สักนิดเดียวนะ แต่เนื่องจากว่าเขาเคยชินกับการคอมเมนต์กันพูดแบบนั้น มันเลยทำให้เนื้อหาของเขาเนี่ยออกมาเป็นแบบนั้นนะครับ ออกมาเป็นแบบนั้นเป๊ะเลย แล้วคนเหล่านี้เนี่ยถ้าเราย้อนกลับไปด้วยภาษาเหมือนกันเขาเป๊ะเลยนะ ทั้ง ที่ เขา บอก ว่า เขา ไม่ ได้ คิด อะไร นะ ครับ เขา ไม่ คิด อะไร แล้ว เรา อ่าน เรา อารมณ์ ขึ้น เรา ตอบ ด้วย ภาษา เหมือน กับ เขา เป๊ะ เลย เนี่ย แต่ เขา อ่าน เขา ก็ จะ อารมณ์ ขึ้น เหมือน กัน เป๊ะ ทั้ง ปกติ แล้ว คน เหล่า นี้ หลาย คน เลย นะ ครับ เวลา มา คอมเมนต์ ใน คือ ใคร ส่วน หนึ่ง เนี่ย มัน ก็ เป็น สิ่ง ที่ ไม่ ถูก ต้อง แล้ว นะ ครับ ไม่ ถูก ต้อง ล่ะ ยัง ไง ก็ ตาม ไอ้ของพวกเนี้ยเราเจอบ่อยนะครับ สิ่งที่ผมอยากจะบอกทุกท่านก็คือ เวลาทุกท่านจะแนะนําใครนะครับ จะคอมเมนต์ที่ไหนก็แล้วแต่ ถ้าเราต้องการที่จะไปเสริมคําแนะนําของเขานะครับ หรือไปขัดกับสิ่งที่เขาพูด ให้ความเห็นต่างนะครับ ท่านต้องดูตัวเองก่อนว่า เฮ้ยท่านเป็นคนที่คอมเมนต์แล้วท็อกสิกหรือเปล่า บางทีเนี่ย เจตนาของเรามันดีนะครับ แต่สิ่งที่เรากระทําออกไปเนี่ย มันไม่ดี มันก็เลยทําให้ปลายทางเนี่ย ไม่สู่ผลสำรึกที่เราต้องการที่จะให้มันเป็น เออ อย่างนั้นเลยครับ เช่น สมมุติครูบางคนเนี่ยนะครับ สอนเด็กนักเรียนสอน สอนผิดวิธี ต่อให้ครูหวังดี ผลที่ออกมาได้มันก็จะไม่ดีนะครับ แต่ถ้าสอนถูกวิธี เด็กเข้าใจ เฮ้ย ผลมันก็ออกมาดีนะครับ นั้นประการแรกเนี่ย ไม่ว่า จะ พิมพ์ คอมเม้นต์ หรือ อะไร ก็ แล้ว แต่ นะ ครับ ผม แนะนำ อย่าง นี้ พิมพ์ เสร็จ ปุ๊บ เนี่ย อย่า เพิ่ง ไป กด เซ็นต์ เก็บ มัน ไว้ สัก ที่ หนึ่ง เอา ไว้ ใน โดย เฉพาะ ถ้า มัน เป็น คอมเม้นต์ ใน เชิง เปล่า ถ้า เรา เป็น คน ที่ เห็น แตก ต่าง จาก อัน นั้น เนี่ย เรา จะ รู้ สึก อย่าง ไร นะ ครับ ประกาศ แรก เลย ถ้า เป็น กรณี ของ คอมเม้นต์ นะ เซ็น เลย เสร็จ ปุ๊บ คน อื่น เขา เห็น เลย ทัน ที บาง คน เนี่ย ที่เป็นดาราหรือที่เป็นบุคคลดังๆ ทั้งหลายแล้วเนี่ย comment เรา เฮ้ย มาคิดผิดตอนหลังอยากจะลบ post มันลบไม่ได้แล้วครับ มีคนแคปหน้าจอไปเรียบร้อยแล้วนะครับ ก็จะทำให้เราเกิดความเสียหายได้ ต่อให้เราไม่ได้รู้สึกแบบนั้นจริงๆ ตอนนั้นทำไปเพราะว่าอาจจะเป็นอารมณ์ชั่วหู้บก็ได้ หรือบางทีมันทำไปเพราะว่ามันเคยชินมันคิดว่ามันมันไม่หนักแต่ว่าพอมาอ่านอีกที เฮ้ยมันหนักแค้นนะครับ เราก็เห็นแบบนั้นมาเรื่อยๆ นะครับ ทีนี้ถ้าสมมุติว่าเราจะคอมเม้นท์ที่เห็นแตกต่างกับเขาล่ะ เราควรจะเริ่มยังไงนะฮะ โอเค คอมเม้นท์เนี่ย ผมจะพูดใน 2 แง่ คือแง่แรกคือในแง่ที่เราเจอหน้ากับเขาตัวเป็นๆ กับอันที่ 2 คือการที่เราไม่เจอหน้าเขาแล้วเราพิมพ์เข้าไปนะครับ เวลาที่เราเจอหน้าใครเนี่ย มันมีข้อดีอย่างหนึ่งก็คือเราสามารถอ่านภาษากายได้ บางทีเนี่ยเขาพูดไม่มีหาหนักเสียงนะครับ แต่เราอ่านภาษากายเขาได้ อ๋อเขาไม่ได้มีความหมายจะหยาบคลายอย่างไรนะครับ เราสามารถพูดได้ นะครับเข้าใจได้นะ แต่ว่าถ้ามันเป็นภาษาเขียนแล้วก็ คุณเมษาถ้าไม่มีหางเสียงนะ ใครอ่านเขาก็จะรู้สึกว่าให้ไอ้นี่โดยเฉพาะถ้ามันมาขัดกับเรานะครับ เราก็จะอ่านว่า อุ้ยนี่พูดไม่ดีเลย ไม่มีหางเสียง ไม่มีความเคารพ ไม่มีความอะไรเลย แต่อย่างใดนะครับ ดังนั้นเนี่ยถ้าเราจะเห็นต่างนะครับ ประการแรกเราให้สุขภาพเราเป็นคนไทยเนี่ยต้องมีหางเสียงไว้ก่อนนะครับ เพราะว่าต้องรู้ว่าอีกฝ่ายนึงเขาไม่ใช่เพื่อนเรา เขาไม่ใช่คนรู้จักเรานะครับ ถ้าเราเจอกับเขาซึ่งๆ หน้าแล้วเราจะตัดเตือนใครสักคนหนึ่งเนี่ย วิธีที่ดีที่สุดเนี่ยคือการคุยส่วนตัว ไม่ใช่ไปคุยกันที่สารณาที่สารณาแบบที่ประชุมสนามบ้านมีคนเยอะๆ อย่างนี้ไม่ควรนะครับ ควรจะเรียกไปคุยเป็นการส่วนตัวโดยเฉพาะถ้าเราจะคุยในสิ่งที่มันตรงกันข้ามกับสิ่งที่อีกฝ่ายหนึ่งเขาพูดนะครับ ไปหักหารเขาอย่างนี้เราต้องเรียกมาคุยส่วนตัวแล้วตอนแรกอาจจะต้องแน่นอนว่าอีกฝ่ายหนึ่งเนี่ย เวลาที่เขาฟังอะไรที่ไม่ดีนะครับ มันไม่ได้ เราต้องเริ่มจากสิ่งที่ดีก่อนนะครับ สมมุติว่า ครูนะครับ เราไม่เห็นด้วยกับครูนะครับ ครูแล้วเรา สมมุติว่าเราเป็นเด็กนักเรียน เราก็สงสัยว่า เฮ้ย เราย้อมผมสีแปลกประหลาด แต่งตัวประหลาดมาโรงเรียน มันทำไมเข้าไปเรียนไม่ได้นะครับ มันไม่เห็นจะเกี่ยวข้องกับการเรียนเลย มันไม่ได้ทำให้เราเรียนแย่ลงแต่อย่างใดนะครับ แต่ทำไมเราเข้าไปโรงเรียนไปเรียนไม่ได้นะครับ วิธี ก็ คือ โอเค เขา รบ กฎ ระเบียบ ของ โรง เรียน ก่อน เรา แต่ง ตัว ให้ ดี เข้า ไป แล้ว ขอ ไป คุย กับ ครู เป็น การ ส่วน ตัว นะ ครับ คุย ว่า ยัง ไง เรา ลอง คุย กับ เขา ดู สิ ครับ ว่า ครู ครับ ผม รู้ สึก ว่า เนี่ย ผมสนใจวิชาที่ครูสอนมากเลยนะ ผมติดปัญหาตรงนี้ไม่รู้ว่าครูจะช่วยแนะนำอะไรให้ได้บ้างนะครับ คุยในเรื่องดีๆให้ครูเขามีความรู้สึกว่าเขาได้รับความสำคัญก่อนนะครับ พอเขาได้รับความสำคัญว่า เฮ้ย เขาเห็นเด็กนะครับอ่อนน้อมเข้ามาขอคำปรึกษาไม่ได้ก้าวร้าว มีความที่ดูไม่ขอรบผู้ใหญ่นะครับ คือสังคมไทยเขารบผู้ใหญ่ไว้ก่อนดีกว่านะครับ เข้าไปปุ๊บเอ่อเราทำตัวเรียบร้อยแล้วคุยกับครูดีๆนะครับ แล้วก็ขอความช่วยเหลือของคุณครูนะครับ พอครูเขาเห็นเราแบบนี้เนี่ย เขาแน่นอนว่ากำแพงที่เขาตั้งไว้เนี่ย มันอาจจะพังทลายลงบ้างแล้ว อย่างน้อยมันก็หล่อมลงไปบ้าง เพราะว่าเขาเห็นเราว่าคุยกับเขาดีนะครับ หรือถ้าเป็นคนที่เท่ากัน หรือแม้แต่กระทั่งผู้ที่ด้อยกว่านะครับ เช่นเราเป็นผู้บังคับบัญชา แล้วผู้ใต้บังคับบัญชาเรา เราต้องการไปแนะนำเขาเนี่ย การพูดด้วยภาษาที่ดี เรียกมาคุยส่วนตัวเนี่ย แล้วให้ความสำคัญกับอีกฝ่ายนึง ทุกคนเขาฟังเราหมดนะครับ บอก สิ่ง ที่ ดี ให้ เขา มี ความ สำคัญ ก่อน ยก ให้ เขา ขึ้น มา นิด หนึ่ง ก่อน ขอ ความ แนะ นำ ก่อน นะ ครับ หลัง จาก นั้น แหละ ครับ ค่อย ให้ ใน สิ่ง ที่ เรา ต้องการ จะ บอก ไป เช่น ถ้า เรา จะ คุย เรื่อง ของ การ แต่ง ตัว สม ผม ก็ พอ คุย กับ กู ทุก อย่าง คุย ตลก โปรคา เรียบ ร้อย แล้ว ครู ครับ ผม พอ ดี มี เรื่อง อยาก จะ สอบ ถาม ความ คิด เห็น กับ คุณ ครู ใน ฐา ที่ ครู ก็ เคย ผ่าน วัย รุ่น วัย เรียน แบบ ผม เมื่อ ก่อน นะ ครับ สมัย ครู นะ ครับ ครู เคย ไหม ครับ ที่ อยาก จะ แต่ง ตัว ให้ มัน ไม่ สุภาพ บ้าง อยาก จะ แต่ง ชุด ปราย เวท มา โรง เรียน อยาก จะ ย้อม ผม ให้ มัน ดู ซ่า แบบ ผม เนี่ย นะ ครับ อย่าง นี้ เลย นะ ครู เคย ไหม ครับ อะไร เนี่ย นะ ครับ ก็ ครู เขา จะ ตอบ ตอบ อะไร มา แล้ว ครู คิด ว่า เออ สมัยครูเนี่ย มีความเห็นยังไง มันเกี่ยวข้องกับการเรียนไหมนะครับ การแต่งตัวแบบนั้นทําให้เราเรียนไม่ฉลาดจริงหรือเปล่านะครับ เออ คือการคุยแบบเนี้ยนะครับ มันจะดีกว่า อย่างที่เขาเรียกว่าตอนแรกน่ะ ต้องทะลายกําแพง นะครับ เดี๋ยวทะลายกําแพงน้ําแข็งให้เราเข้าสู่ โหมดที่เราสามารถคุยกันได้นะครับ เหมือนกับเวลาบางทีเนี้ย การเจรจาที่ทําแล้วสําเร็จเจรจาธุรกิจ เขาเจรจากันตรงไหนนะครับ บน ตก อาหาร คน เรา เวลา กิน อาหาร เวลา ทำ อะไร ที่ มัน สบาย น้ำ อยู่ เป็น การ ส่วน ตัว เนี่ย มัน จะ ทลาย กำแ��ง ลง นะ ครับ บาง ที ถ้า เรา มี ปัญหา มาก จริง นะ เออ เรา ก็ ถ้า ได้ แล้ว มัน ไม่ ได้ หนัก หนา สาหาร อะไร เรา เนี่ย ขอ ขอ ไป กิน ข้าว คู่ เลย เนี่ย ดู อะไร เนี่ย ก็ เป็น หนึ่ง ใน วิธี ที่ ทำ ให้ เรา สามารถ ที่ จะ คุย เรื่อง ที่ เรา ประการต่อมาเราต้องเข้าใจก่อนว่าเราไม่สามารถได้ทุกอย่างได้ เป็นไปไม่ได้ที่เราจะได้ทุกอย่างให้มันเหมือนกับเรานะครับ อย่างดีเราก็อาจจะเจอกันคนละครึ่งทาง หลักหวังครูก็ต้องการแบบนี้เราก็ต้องการแบบนี้เจอกันคนละครึ่ง อันนี้โอเคนะครับเราต้องเข้าใจตรงนี้ไว้ก่อน มันเป็นตะกะของโลกเรานะครับไม่มีทางที่เราจะสมหวังเสมอไปตลอดไปนะครับ ตรงนี้ต้องเป็นเรื่องสำคัญนะการคุยส่วนตัวเป็นเรื่องสำคัญนะครับ ต่อมาก็คือเรื่องของภาษาที่เราใช้ ถ้าเราไม่ได้ไปคุยกับเขาส่วนตัว เราไปการส่งข้อความเพราะว่าเดี๋ยวนี้คืออะไร เด็กนักเรียนติดต่อกับครูเนี่ย บางทีมันมีกลุ่มไลน์ ถูกไหมครับ ก็จะมีการพิมพ์ไป บางทีพิมพ์ก็จะมีพิมพ์ย่อบ้าง พิมพ์ผิด พิมพ์ถูกบ้างนะครับ แล้วบางครั้งเนี่ย ถ้าเราพิมพ์เข้าไปเนี่ย มันไม่เห็นสีหน้าท่าทาง เราก็ไม่รู้ว่าการแสดงกิริยามันเป็นอย่างไรนะครับ ข้อแรกคือต้องสุภาพไว้ก่อนนะครับ พิมพ์ทิ้งไว้แล้วอย่าเพิ่งสก ให้เรากลับมาพิจารณาอีกรอบนึงว่าเป็นยังไง แล้วที่สำคัญคือ อย่าไปขึ้นต้นด้วยคําถามเมื่อเมื่อกี้ที่บอกไปนะครับ คําถามก็คือ คุณเรียนมาจริงหรือเปล่า คุณจบครูมาจริงหรือเปล่า นะครับ คุณเป็นหมอจริงหรือเปล่า คุณได้ศึกษามาจริงหรือเปล่า ตอนคุณเรียนคุณสอบได้ที่เท่าไหร่ การที่พยายามไป เขาน่ะ หรือคําถามพวกเนี้ย มันไม่ควรจะสอบถามเลย ถ้าท่านมีเจตนาดีจริงจริงนะ นะครับ โดย เฉพาะ อย่าง youtube ผมก็เจอ นะ มีคน มา ถาม ผม ว่า ผม ศึกษา เรื่อง นี้ มา จริง หรือเปล่า อ่าน มา แค่ ไหน ผม ก็ มอง เลย ว่า เออ ถ้า คุณ มา แบบ นี้ เนี่ย คุณ ไม่ ต้อง มา ดีกว่า ต่อ ให้ คุณ เจตนา ดี นะ ผม ก็ ไม่ อยาก จะ ฟัง คุณ แล้ว นะครับ ดัง นั้น ถ้า ใคร ที่ จะ มา แนะ นำ นะ คำถาม พวก นี้ จะขึ้นต้นตัดตื่นใครก่อน ต้องชมเขาก่อนเสมอแล้วมันจะได้ประโยชน์จริงๆ ถ้าท่านมีความต้องการที่จะให้เกิดความเปลี่ยนแปลงที่เป็นบริเวณทางที่มีประโยชน์นะ ชมเขาก่อนยกเขาขึ้นมาให้ความสำคัญกับเขาแล้วค่อยตัดตื่นเขา เสมอ เลยมันจะได้ประโยชน์จริงๆนะครับ แล้วนี่จริงๆในทางฝรั่งเขามีสอนนะครับ สอนพวกอาจารย์เนี่ยเวลาที่จะให้ feedback กับนักเรียน เราจะให้ feedback อย่างไรให้ได้ประโยชน์มากที่สุดแล้วเด็กเขาฟัง มันต้องทำแบบนี้ครับ ชมก่อน ให้ความสำคัญก่อน แล้วจึงสอบแทรกสิ่งที่เราต้องการ นอกเหนือจากนี้ เรื่องของความสุภาพเรียบร้อย หังเสี่ยงทุกอย่างแล้ว การอ่านแล้วถ้าเรารู้สึกว่า ถ้าเราอ่านข้อความนี้แล้วเราเป็นคนไหนก็ไม่รู้ว่า แล้วเราอ่านเข้าไป เรารู้สึกว่า ข้อความมันแรงจัง ข้อความมันมีความรู้สึกอ่านแล้วไม่ดี เราอยากไปส่ง แต่มันจะมีบางคนที่ไม่รู้ว่า ข้อความอันเรียนไม่ดี วิธี ทำ ยัง ไง ให้ เรา รู้ ตัว ข้อ ความ ที่ เรา ส่ง มัน ไม่ ดี หรือ มัน ดี มัน มี วิธี สมมุติ อย่าง นี้ สมมุติ นะ ครับ ข้อ ความ ที่ คุณ กำลัง จะ ส่ง เนี่ย นะ คุณ ลอง คิด ใน หัว เลย ถ้า เอา ข้อ ความ เนี่ย ไป ให้ คน สาธารณะ ดู คน ที่ มี ตำแหน่ง ใหญ่ กว่า คุณ เช่น สมมุติ ว่า คุณ เอา ข้อ ความ นี้ ไป พูด กับ พ่อ แม่ คุณ แล้ว พ่อ แม่ คุณ เขา รู้ สุด ดี นะ โอเค แปลว่า ข้อ ความ นั้น ผ่าน แต่ ถ้า คุณ เอา ข้อ ความ เดียว กัน เนี่ย ไป คุย กับ พ่อ แม่ คุณ เนี่ย นะ ครับ แล้ว รู้ สึก มัน เก้า ร้า ว เหลือ เกิน มัน ไม่ ดี พ่อ แม่ ต้อง รู้ สึก ไม่ ดี แน่ กับ การ เห็น ข้อ ความ แบบ นี้ คุณ ไม่ ต้อง ส่ง ครับ มัน แปล ว่า มัน ไม่ ดี ง่าย เลย นะ แล้ว คุณ จริง คุณ แค่ สมมุติ คิด เฉย นะ ครับ หรือ สมัย ก่อน มัก จะ คิด ว่า ถ้า เพราะว่าผมก็จะเข้าข้างตัวเอง เออ ก็ต้องรู้สึกธรรมดาไม่เห็นเป็นอะไรเลย แต่ถ้าเกิดว่าเราเปรียบเทียบวิธีเนี้ย เอาไปให้คนที่เขาสูงกว่าเรา ใหญ่กว่าเราอ่าน หรือถ้าเราบอกว่า ไอ้ข้อความแบบเนี้ย ส่งไปให้หัวหน้างานเราอ่าน หัวหน้างานเราก็จะว่าไงกับเรา เออ แบบนี้ เราต้องส่งไอ้ข้อความแบบเนี้ย หางเสียงสำคัญนะครับ พิจาราข้อความจากการคิดว่าส่งไปให้คนที่เขาสูงกว่าเราอ่านแล้วเขาจะเป็นยังไง ดีที่สุดนะครับ อย่า ยก ตัว ให้ มัน สูง ใน ข้อ ความ ต่าง ไม่ ฉะนั้น เนี่ย มัน จะ ไม่ ได้ ประโยชน์ เรา ต้อง อย่า ลืม นะ ครับ ถ้า เรา เป็น คน ที่ จริง ใจ จริง ต้องการ ให้ ข้อ มูล จริง ต้องการ ให้ เขา เห็น ข้อ มูล หน้า ติด เพื่อ ก่อ จริง เรา หวัง ผล อะไร ครับ เรา หวัง ผล ที่ ได้ การ เปลี่ยน แปลง การ เปลี่ยน แปลง น่า จะ เกิด ขึ้น ได้ ก็ ต่อ เมื่อ เขา ยอม กับ เขา ต้อง อ่าน ถ้า เขา ปิด หู ปิด ตา ปิด ใจ ตั้ง แต่ แรก นะ คุณไม่มีทางที่จะสื่อสารกับเขาได้ แล้วสุดท้ายมันก็จะลงเอ่ยด้วยการทะเลาะกันนะครับ และ ถ้า ให้ ดี ท่าน ควร จะ ต้อง แสดง ตัว ตน ว่า ท่าน คือ ใคร นะ ครับ ไม่ ใช่ เหมือน กับ ว่า เรา เป็น แอคเคาน์ อวตาร แอคเคาน์ หลุม มา แล้ว ก็ โพสต์ อะไร ก็ ได้ เพราะ ว่า เรา รู้ ว่า เฮ้ย ถ้า เรา โพสต์ แบบ นี้ ไม่ มี ใคร รู้ แน่ นอน ว่า เรา คือ ใคร นะ ครับ เรา จะ คุย อะไร ก็ ได้ นะ ครับ มัน เป็น อิสระ ของ เรา เรา จะ ไม่ แสดง ตัว ตน เหมือน กับ เรื่อง ของ เรา แต่ การ ที่ ท่าน ไม่ แสดง ตัว ตน การ เหมาะ สม ไม่ มี หัง เสียง มัน ไม่ ผิด กฎ หมาย นะ ครับ มีคนเคยมาพูดกับผมแล้วผมบล็อกไปแล้วคือมันไม่ผิดกฎหมายถูกต้องมัน ไม่ได้ผิดอะไรแต่ว่ามันผิดมารยาทแล้วถ้าท่านคิดจะหวังมีจริงอันนั้นคือ ท่านก็ไม่สามารถที่จะทำความหวังดีให้มันเกิดขึ้นได้นะครับนั้น เรื่องพวกนี้มันเป็นเรื่องสําคัญมาก เราก็ต้องเข้าใจว่าวิธีในการ feedback หรือพูดอะไรที่แตกต่างจากอีกฝ่ายหนึ่ง ให้เขาเข้าใจพูดให้มัน อ่า ทําทํายังไงนะครับ ดังนั้นโดยสรุปถ้าเราสามารถเจอตัวได้ เจอตัวดีที่สุด เรียกไปคุยเป็นการส่วนตัวนะครับ ชมเขาก่อน ขอความช่วยเหลือของเขา แล้วค่อยสอบถามให้ความเห็นของเราไป ถ้าเราใส่มุกตลกเข้าไปได้ ทําให้สถานการณ์มันผ่อนคลายได้ จะดีมากนะครับ อ่า จะดีมากนะ แล้วถ้าเราไปเจอ การ คุย แบบ ส่ง คอมเม้น เนี่ย การ แสดง ตัว ตน นะ ครับ การ พูด ได้ หาง เสียง มัน จะ นำ ให้ อีก ฝ่าย นึง เขา ดี ขึ้น นะ ครับ อยาก ไป ยก ตน ของ ท่าน อยาก ไป ยก พุทธ วัจจนะ อยาก ไป ยก อะไร ที่ มัน สูง สูง มา แล้ว ก็ ไป บอก เขา เนี่ย เขา จะ ไม่ ค่อย อยาก จะ ฟัง ท่าน แน่ นะ ครับ โดย เฉพาะ ถ้า เรา อยาก จะ ไป ให้ ความ เห็น ที่ มัน แตก ต่าง กัน ไป แล้ว ที่ นี้ ซะ สมมุติ ว่า เรา เป็น คน ได้ รับ ข้อ ความ พวก นั้น มา เรา ควร จะ ทำ กัน ยัง ไง นะ ครับ แน่ นอน ทุก คน เนี่ย มี อารมณ์ หมด รวม ทั้ง ผม ด้วย ผม เห็น ข้อ ความ ที่ มัน เริ่ม ต้น มา ด้วย แบบ นั้น ปุ๊บ เนี่ย ผม ก็ ไม่ อยาก จะ อ่าน แล้ว ผม ก็ อยาก จะ ลบ ทิ้ง บล็อก ทิ้ง ให้ หมด นะ ครับ แน่ นอน ทุก คน ต้อง เป็น อย่าง นั้น แต่ มัน อาจ จะ มี ส่วน ดี ก็ ได้ แต่ ว่า เรา อารมณ์ มัน มา ก่อน แล้ว มัน ให้ดีนะครับวิธีก็คือว่าเออ เราลองตัดประโยคที่มันไม่ดีทิ้งไปก่อน เราดูแต่ประโยคที่ดีเนื้อความที่ดีว่า มันหมายความว่าอย่างไงกันแน่ มันเป็นอย่างงั้นจริงจริงหรือเปล่า ขอแล้วหยุดแป๊บหนึ่งอย่าเพิ่งไปรีบต่อเขาเลย หยุดแป๊บหนึ่งฟังแล้ว เออมันดีจริงหรือเปล่า ถ้ามันไม่ดีจริงๆนะอันนี้ด่าไปได้เลยนะครับ ไม่ต้องยั้งนะครับด่าได้เลย แล้วก็คือมันเป็นสิทธิ์ของเราอยู่แล้วนะครับ แต่ถ้าเออมันมีโอกาสที่จะดี มันมีโอกาสที่จะจริงอ่ะนะฮะ เราก็มีโอกาสเปลี่ยนแต่อย่างนี้ครับแต่ แล้วเราจะตอบกับว่ายังไง บางคนบอกว่าตอบไปทุกภาษาเดียวกันเลย เขาใส่มายังไง เราก็ใส่ไปอย่างนั้น ผมก็ทำอย่างนั้นเหมือนกัน เพราะว่าผมก็ไม่ชอบคนที่ อยู่ๆ มาด่าเราเนี่ย เกิด YouTube เนี่ยมันเป็นเหมือนกับบ้านของผมถูกไหมครับ ถ้าเราไม่พอใจบ้าน หรือคนในบ้าน เราก็ไม่ต้องไปบ้านนั้น เราจะไปทำไม เราจะเข้าไปในบ้านเขา แล้วเราไปว่าเขาอย่างนี้ ก็ไม่ถูกต้องใช่ไหม เขาไล่เอาออกจากบ้านก็เป็นสิทธิ์ของเขาถูกไหมครับ ดังนั้นผมก็ทำแบบนั้นเหมือนกัน สมมุติว่าผมอยู่ใน YouTube ของผม แล้วก็มีคนมาเห็นตรงกันข้าม แล้วก็มาว่า อาหารไม่ดี มัน อย่าง นี้ ผม ก็ เอ่อ เชิญ ออก จาก บ้าน ไป นะครับ นั้น ถ้าผมเป็นเจ้าบ้านแล้วผมอ่านข้อความแบบนี้นะ ผมก็ดูก่อนว่ามันมีเหตุผลจริงขนาดไหน ถ้ามันมีเหตุผลดีผมก็อาจจะฟัง แต่ว่าผมก็จะเน็ตไปในคอมเมนต์ว่า คุณกันพูดให้สุภาพหน่อยนะ เพราะว่าผมอ่านข้อความของคุณแล้ว ผมรู้สึกว่ามันเป็นเชิงลบมากกว่า เวลาใครมาอ่านเขาก็อ่านเป็นเชิงลบ ต่อให้คุณรู้สึกว่าคุณเขียนในเชิงบวกก็ตามนะครับ ถ้าเขาสามารถแก้ไขมาได้ ก็ต้องขออภัยที่เมื่อกี้เขียนอาจจะดูรุนแรงไปหน่อย แต่จริงผมหวังดีนะ ที่เขียนไปให้คุณหมอยังงั้นนะครับ เราก็ มา แก้ ไข อัน นี้ ผม โอเค แล้ว ไม่ มี ปัญหา เลย แต่ ถ้า เขียน ไป อย่าง นั้น แล้ว เขา เถียง กลับ มา นะ อัน นี้ แปลว่า คน นั้น เนี่ย จริง ไม่ มี ความ หวัง ดี ตั้ง แต่ แรก อยู่ แล้ว ครั อย่างของคุณรามกําแหงที่ผม ไป นั้นผมขึ้นไปใน เนี้ย คนนี้เขาอ้างตัวเองว่าเป็นอาจารย์นะ อาจารย์สอนกฎหมายสอนปัญญาสอนอะไรก็แล้วแต่ของเขานะนะครับ แล้วไม่แสดงตัวตนด้วย ไม่มีหางสิงแดงแดงสิ้น พูดอ่านทุกอย่างในแง่ลบหมดเลย แล้วผมก็เตือนเขาไป เขาก็ยังส่งมาว่ามาด่าอยู่นะครับ เหมือนไม่ใช่อาจารย์เลย ต่อให้เป็นอาจารย์จริงคนที่ผมเจอนะ ผมก็ไม่เคารพแน่นอนนะฮะ ผม ก็ บล็อก ไป นะ ครับ เพราะ ว่า เรา เตือน เขา แล้ว เหมือน กัน ด้วย ภาษา นะ ครับ แต่ เขา ก็ ไม่ ได้ สน ใจ เรา ดัง นั้น ถ้า เรา เจอ ข้อ ความ แบบ นี้ จาก คน ไหน ก็ แล้ว แต่ หนึ่ง ไม่ แสดง ตัว ไม่ มี ห่าง เสียง พูด จา ใน แง่ ลบ บอก ไป แล้ว ก็ ไม่ ไม่ สน ใจ ฟัง ต่อ ให้ เขา พูด ใน สิ่ง ที่ มัน มี ความ จริง แล้ว ถ้า เขา มัน ดี จร เขาไม่ควรอยู่ในชีวิตเรานะครับ คนแบบนี้เอาออกจากชีวิตจะดีที่สุด ไม่ต้องไปเก็บเขาไว้นะครับ อะไรที่มันเป็นคำเตือนเราควรจะฟังนะครับ แต่เป็นคำเตือนที่ต้องการเตือนจริงๆ ไม่ได้ต้องเป็นคำเตือนที่ต้องการเอาชนะ ถ้าเป็นคำเตือนที่ต้องการเอาชนะ คุณเก็บคนแบบนั้นไว้ในชีวิตมีแต่เครียดกับเครียดนะครับ ต่อให้มันเป็นคำเตือนที่น่า น่าจะใช่ แล้วอยากจะโดนด่าทุกวันตลอดเวลาหรือเปล่า ที่เราทำอะไรมีคนมาโดน มันคอยจับผิดเราแล้วคอยว่าเราตลอดเวลา เราก็ไม่อยาก ถูกไหมครับ ฉะนั้นคนเหล่านี้เราไม่ต้องเก็บไว้นะครับ จัดการเอาไว้จากชีวิตจะดีที่สุดนะครับ ถ้าจำเป็นจะต้องเก็บไว้จริงๆ เช่นอาจจะเป็นหัวหน้างานหรืออะไรพวกนี้ แนะนำว่าเราอาจจะต้องมีการไปคุยกับหัวหน้าเป็นการส่วนตัวนะครับ ด้วยวิธีเหมือนเมื่อแต่กี้นี้เลยนะครับ เพราะ ว่า บาง คน เนี่ย ที่ เขา พูด อย่าง นี้ กับ เรา นะ เขา ชิน แบบ นั้น เขา ไม่ รู้ ตัว ด้วย ว่า สิ่ง ที่ เขา พูด ออก ไป มัน แรง เขา คิด ว่า เขา ก็ พูด ของ เขา อย่าง นี้ แล้ว บาง ที ไม่ ได้ สังเกต ด้วย ซ้ำ ไป ว่า ไม่ มี คน อยาก จะ คบ ไม่ มี คน อยาก จะ คุย นะ ผม เคย มี คือผมเข้าใจนะอาจารย์ว่าอาจารย์หวังดีแล้วก็สอนพวกผมด้วยความตั้งใจอยากจะให้ผมเป็นหมอที่จอกมาแล้วเก่งนะครับ อย่างไรก็ตามผมก็รู้สึกว่าผมไม่รู้อาจารย์จะสังเกตหรือเปล่าว่าเด็กที่เรียนกับอาจารย์เนี่ยเขาเครียดมากกว่าปกตินะ คือผมไปคุยกับอาจารย์เดียวๆตอนเดียวเลยอะ นะครับ เทียบกับปกติผมรู้สึกว่าอาจารย์อาจารย์ดูเขาเกินไปหรือเปล่าคือพูดอย่างนี้เลยนะครับ แล้วอาจารย์เขาก็นิ่งอึ้งไปปั๊บหนึ่งนะฮะ แล้วเขาก็เออเฮ้ยเออจริงด้วยอะไรเงี้ย เขาก็มาคิดย้อนย้อนเขาก็อาจจะดูไปนิดหนึ่ง แต่เขาก็เหมือนกันแน่นอนว่าเขาเป็นอาจารย์เนี่ย เขาต้องไว้หน้านิดนึง ใช่ไหมฮะ เขาต้องบอก เออๆ อะไร นอกนี้รู้แล้วน่ะ อะไรอย่างนี้ ผมก็ดุไปอย่างนั้นแหละนะครับ จริงๆ ไม่มีอะไรนะครับ สุดท้ายคุยไปคุยมาก็เออ ใจดีขึ้นมาเฉยเลยนะครับ ก็มีแบบนี้เหมือนกันนะครับ บางทีเขาไม่รู้ตัวนะครับ แล้วการที่เราไปบอกให้เขารู้ตัวได้ด้วยวิธี ด้วยภาษาที่มันเหมาะสมนะ ไม่ได้ไปก้าวร้าว ก้าวไก่เขาเนี่ยนะครับ มันก็สามารถทำให้คนคนหนึ่งเนี่ย เปลี่ยนจากหน้ามือไปหลังมือ เราก็ช่วยเปลี่ยนแปลงให้สภาวะแวดล้อมมันดีขึ้นได้นะครับ เราก็ ต้อง ดู ตรง นี้ ด้วย นะ บาง ที ผม ก็ คุย อาจารย์ ว่า อาจารย์ ครับ ผม เห็น อาจารย์ เนี่ย คอย สั่ง สอน คอย ดู พวก ผม อยู่ เรื่อย นะ ครับ ผม รู้ สึก ว่า ที่ ผม ทำ มา เนี่ย มัน มี จุด ผิด พลาด ที่ ชี้ แนะ ให้ ผม ทราบ ใน จุด นั้น ได้ ไหม ครับ เพื่อ เวลา ต่อ ไป ผม นะ ครับ อาจารย์ เขา ก็ บอก มา นะ ครับ พอ บอก มา สุด แล้ว ก็ ไป แก้ ครับ แก้แล้วเราก็กลับมาขอ feedback อาจารย์อีกรอบนึง อาจารย์อันนี้โอเคหรือเปล่า เหมาะสมหรือเปล่า ดีหรือยังครับ เราทำอย่างนี้เรื่อยๆนะครับ ก็จะดีขึ้นได้ แล้วก็รักษาความสัมพันธ์ไว้ได้ แล้วมันก็จะดีด้วยนะครับ โอเควันนี้ผมก็มาเล่าให้ฟังเพียงเท่านี้นะครับ ถ้าเกิดคนไหนที่มีคำแนะนำอย่างอื่นนะฮะ หรือคิดว่าตัวเองอยากจะไม่แนะนำใคร สังเกตตัวเองให้ดีก่อนว่า คอมเม้นต์ของเราไม่ท็อกซิก ไม่ใส่อารมณ์นะครับ มีหางเสียงแสดงตัวตนนะ เอาให้ครบเซ็ตทุกอย่าง แล้วเราก็จะได้ในสิ่งที่มันมีประโยชน์นะครับ อย่าหวังว่าเราจะได้ 100% เต็มนะครับ เจอกัน 50-50 นี่ ถือว่าเราประสบผลสำเร็จในการเจรจา ในการคอมเมนต์แล้วครับ โอเค วันนี้เท่านี้นะครับ ขอบคุณมากครับ สวัสดีครับ